เรื่องของผู้ชายชื่อผาดค่ะ

แฟรงค์ แลมพาร์ด จูเนียร์
วันที่ 4/9/2007 5:55:38 PM








 









ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น คำพังเพยนี้อาจไม่ได้ใช้กันทั่วไปในวงการลูกหนัง แต่สำหรับ พญาราชสีห์ อย่างแฟรงค์ แลมพาร์ด จูเนียร์ เส้นทางชีวิตของเขามีแววจะยิ่งใหญ่กว่าแฟรงค์ แลมพาร์ด ซีเนียร์ ผู้เป็นพ่อเสียอีก



 แฟรงค์ เจมส์ แลมพาร์ด จูเนียร์ คือบุตรชายหัวแก้วหัวแหวนของแฟรงค์ แลมพาร์ด ซีเนียร์ อดีตตำนานแบ็กซ้ายของทีม ขุนค้อน เวสต์แฮม และทีมชาติอังกฤษ และเป็นญาติสนิทกับทางตระกูล เร้ดแนปป์ อีกหนึ่งในตระกูลดังและมีบทบาทในวงการลูกหนังอังกฤษมานานหลายทศวรรษ


 แลมพาร์ดน้อย เริ่มต้นเส้นทางชีวิตลูกหนังในทีมเวสต์แฮม โดยมีผู้เป็นพ่อซึ่งเวลานั้นเป็นผู้ช่วยผู้จัดการทีมของขุนค้อนคอยดูแลประคบประหงมอย่างใกล้ชิด จนมีคนครหาถึงความสามารถที่แท้จริงของเจ้าหนูแลมพาร์ด และกล่าวหาว่าเป็นพวก เด็กเส้น


 อย่างไรก็ตาม แลมพาร์ด ก็เป็นหนึ่งในกำลังสำคัญของทีมเยาวชนเวสต์แฮม ชุดรองแชมป์เอฟเอ ยูธ คัพ ในปี 1996 ที่มีเพื่อนร่วมทีมซึ่งต่อมากลายเป็นกำลังสำคัญให้ทีมชาติอังกฤษทั้งสิ้นอย่างโจ โคล ,ไมเคิล คาร์ริค และริโอ เฟอร์ดินานด์ ส่วนแชมป์เอฟเอ ยูธ คัพ ในปีนั้นก็คือลิเวอร์พูล ชุดที่มีไมเคิล โอเว่น และเจมี่ คาร์ราเกอร์ เป็นกำลังสำคัญนั่นเอง


 นอกจากนี้แลมพาร์ด ยังเป็นกัปตันทีมของชุดนั้นด้วย แต่ระหว่างนั้นก็ยังเข้าๆออกๆ ทีมชุดใหญ่ของเวสต์แฮมอยู่นาน และเคยโดนส่งตัวไปสวอนซี ยืมใช้งานอยู่ปีนึงแต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จเท่าไหร่ แถมยังเคยโชคร้ายขาหักในช่วงปี 1997 อีกด้วยจนต้องพักการเล่นไปนาน


 แต่เมื่อมาถึงฤดูกาล 1998-99 ก็ถึงคราวที่ดาวจะจรัสแสง เมื่อแลมพาร์ด แจ้งเกิดได้อย่างสวยงามร่วมกับนักเตะขุนค้อนรายอื่นๆและสามารถพาทีมจบฤดูกาลด้วยอันดับ 5 ได้อย่างน่าเหลือเชื่อ และกลายเป็นที่จับตามองของวงการฟุตบอลอังกฤษ พร้อมๆ กับการลบคำครหาเรื่องเด็กเส้นไปด้วย


 และในช่วงเวลานี้เองที่ทำให้แลมพาร์ด ได้รับการเรียกตัวติดทีมชาติอังกฤษเป็นนัดแรกในการเกมอุ่นเครื่องกับทีมชาติเบลเยรี่ยม ในวันที่ 10 ต.ค. 1999 แต่ก็ยังไม่ได้เข้ามาเป็นสมาชิกของทีมสิงโตคำรามเท่าไหร่ เพราะหลังจากนั้นผลงานของเวสต์แฮม ก็ตกต่ำอย่างน่าใจหาย ก่อนที่บรรดาแลมพาร์ด และเพื่อนร่วมรุ่นค่อยๆทยอยย้ายออกไปเรื่อยๆ


 แลมพาร์ดเองก็ไม่แตกต่างจากเพื่อนที่โดนทีมใหญ่ซื้อตัวไปร่วมทีม และเป็น สิงโตน้ำเงินคราม เชลซี ที่ทุ่มเงินกว่า 11 ล้านปอนด์ เพื่อดึงตัวไปร่วมทีมในวันที่ 15 พ.ค. 2001 ซึ่งแลมพาร์ด เป็นหนึ่งในนักเตะชุดแรกๆที่ถูกเคลาดิโอ รานิเอรี่ กุนซือชาวอิตาเลี่ยน ซื้อตัวมาร่วมทีม


 อย่างไรก็ดี พัฒนาการของแลมพาร์ด ในทีมเชลซีก็เป็นไปอย่างเชื่องช้าจนแทบจะตกสำรวจในทีมชาติและสายตาของแฟนบอลทั่วไป เนื่องจากเวลานั้นเชลซี มีจอมทัพระดับโลกอย่างจานฟรังโก้ โซล่า นำหน้าอยู่ ทำให้ 2 ปีแรกที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ แลมพาร์ด ไม่ได้มีบทบาทมากนัก


 จนกระทั่งถึงฤดูกาล 2003-04 เชลซี ได้เจ้าของสโมสรใหม่อย่างโรมัน อบราโมวิช เข้ามาเนรมิตทีมใหม่ด้วยเม็ดเงินมากมายมหาศาล และแลมพาร์ด เองก็เริ่มเปล่งประกายออกมาในฐานะแกนหลักในแดนกลางของเชลซีได้สำเร็จ โดยปักหลักเป็นกองกลางจอมทัพที่มีทีเด็ดด้วยการวางบอลยาวที่แม่นยำราวจับวางและการหาจังหวะเติมขึ้นไปยิงประตู


 ในฤดูกาลนั้นสิงห์บลูส์ สามารถเข้าถึงรอบรองชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และยังได้รองแชมป์พรีเมียร์ชิพอีกด้วย และแลมพาร์ด ก็เริ่มกลับมามีบทบาทในทีมชาติอีกครั้ง


 แต่ปีที่ถือเป็นการแจ้งเกิดอย่างเป็นทางการในฐานะมิดฟิลด์ชั้นนำของยุโรปคือฤดูกาลถัดมาในปี 2004-05 ที่แลมพาร์ด เป็นกำลังสำคัญในการพาเชลซี ที่ได้ยอดโค้ชอย่างโชเซ่ มูรินโญ่เข้ามาทำทีมคว้าดับเบิ้ลแชมป์ได้ในฤดูกาลนี้ ด้วยตำแหน่งแชมป์คาร์ลิ่ง คัพ และแชมป์พรีเมียร์ชิพ ซึ่งเป็นการคว้าแชมป์ลีกสูงสุดครั้งแรกในรอบ 50 ปีของสโมสร และยังเป็นการคว้าดับเบิ้ลแชมป์ฉลอง 100 ปีของการก่อตั้งสโมสรด้วย


 แลมพาร์ด ยังได้รับรางวัลส่วนตัวจากสมาคมผู้สื่อข่าวฟุตบอลอีกหลังทำได้ถึง 19 ประตูในฤดูกาลเดียวจากตำแหน่งกองกลาง และได้รับการยกย่องจากอดีตกัปตันทีมชาติบราซิลอย่างคาร์ลอส อัลแบร์โต้ และ นักเตะเทวดา ยอร์ดี้ ครัฟฟ์ ตำนานลูกหนังชาวดัตช์ว่าเป็นหนึ่งในกองกลางที่เก่งที่สุดของยุโรป


 กองกลางสุดหล่อยังคงทำผลงานได้ดีอย่างสม่ำเสมอ และมาแจ้งเกิดในเวทีระดับชาติในศึกยูโร 2004 ที่แม้อังกฤษ จะไปไม่ถึงดวงดาวร่วงตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายด้วยน้ำมือเจ้าภาพโปรตุเกส แต่แลมพาร์ด ก็ได้รับเลือกให้ติดทีมยอดเยี่ยมของศึกยูโรครั้งนี้หลังยิงไป 3 ประตูจาก 4 นัด ดังไม่แพ้เวย์น รูนี่ย์ กองหน้าอัจฉริยะที่แจ้งเกิดได้พร้อมๆ กัน


 หลังจากนั้นแลมพาร์ด ก็ได้รับการยกย่องในฐานะมิดฟิลด์ชั้นนำของอังกฤษและยุโรป รวมถึงในระดับทีมชาติอังกฤษด้วย ซึ่งบุตรชายของแฟรงค์ แลมพาร์ด ซีเนียร์ ก็ยังพาเชลซี คว้าแชมป์พรีเมียร์ชิพได้เป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกัน จนมูรินโญ่ ผู้เป็นนายยกย่องว่าเป็นนักเตะที่เก่งที่สุดในโลกไปแล้ว


 อย่างไรก็ตามแลมพาร์ด ต้องเจอกับช่วงเวลาที่เลวร้ายเหมือนกันในช่วงฟุตบอลโลก 2006 ที่ไม่สามารถรีดเร้นฟอร์มสุดยอดออกมาได้เหมือนยามเล่นให้เชลซี และโดนวิจารณ์อย่างรุนแรงโดยเฉพาะเรื่องที่เป็นนักเตะที่มีโอกาสยิงมากที่สุดในทัวร์นาเมนต์แต่กลับยิงไม่ได้แม้แต่ประตูเดียว


 หลังฝันร้ายในฟุตบอลโลก แลมพาร์ด ก็ยังกลับมาเป็นคนเดิมไม่ได้ในช่วงต้นฤดูกาล 2006-07 และยังโดนวิจารณ์ต่อเนื่องเพราะฟอร์มดร็อปลงไปจาก 2 ฤดูกาลก่อนมาก แต่ในที่สุด แลมพ์ ก็ค่อยๆเรียกฟอร์มการเล่นเดิมๆกลับมาได้สำเร็จ โดยเฉพาะนับตั้งแต่ช่วงปีใหม่เป็นต้นมา แลมพาร์ด ก็กลับมายิงได้ถึง 7 ประตูจาก 8 นัดหลังสุด และได้รับการโหวตจากแฟนๆให้เป็นนักฟุตบอลยอดเยี่ยมประจำเดือน ม.ค.


 ในเวลานี้แลมพาร์ด ยิงไปแล้ว 11 ประตูในพรีเมียร์ชิพ และติดอันดับ 10 ในทำเนียบดาวซัลโวตลอดกาลของเชลซี หลังจากที่ยิงไปแล้วถึงกว่า 89 ประตูที่นับว่ามากที่สุดในทีมสิงห์บลูส์ชุดปัจจุบันเลยทีเดียว


 นอกจากนี้แลมพาร์ด ยังเคยเป็นเจ้าของสถิติลงเล่นเป็นตัวจริงต่อเนื่องมากที่สุดในพรีเมียร์ชิพด้วยจำนวนกว่า 164 นัด นั้บตั้งแต่เดือน 13 ต.ค.2001 จนถึง 26 พ.ย. 2005 ซึ่งที่จริงสถิติอาจจะยืนยาวกว่านั้นถ้าแลมพาร์ด ไม่เกิดป่วยกระทันหันจนลงสนามไม่ไหวเสียก่อน


 จนถึงขณะนี้กองกลางจอมยิงไกล (แม้จะมีแฟนบอลทีมอื่นค่อนแคะว่าเป็นจอมยิงแฉลบก็ตามแต่) ยังคงเป็นหนึ่งในกำลังสำคัญของทีม สิงโตน้ำเงินคราม ที่ยังคงมีลุ้นใน 3 รายการใหญ่ทั้งพรีเมียร์ชิพ ,ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และเอฟเอ คัพ หลังจากที่พาทีมได้คาร์ลิ่ง คัพ ไปแล้วใบนึงในเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา


 แต่กระนั้นอนาคตของแลมพาร์ด กับเชลซี ก็ยังเป็นเรื่องที่ต้องจับตาดูกันให้ดีเพราะมีข่าวว่าการเจรจาสัญญาฉบับใหม่ยังไม่เรียบร้อยและอาจจะมีการขอย้ายออกจากทีมหลังจบฤดูกาลนี้โดยใช้กฎใหม่ของฟีฟ่า ในการซื้อสัญญาของตัวเองและย้ายไปอยู่กับสโมสรในสเปนอย่างบาร์เซโลน่าก็เป็นได้


Click











































ข้อมูลส่วนตัว
ชื่อ : แฟรงค์ เจมส์ แลมพาร์ด จูเนียร์
วันเกิด : 20 มิถุนายน 1978
เกิดที่ : รอมฟอร์ด ,อังกฤษ
ตำแหน่ง : กองกลาง
ส่วนสูง : 183 ซม.
ฉายา : แลมพ์ส
สโมสรปัจจุบัน : เชลซี
หมายเลขเสื้อ : 8




สโมสรอาชีพ








ปี


สโมสร


ลงเล่น


ประตู

















1994 - 2001 เวสต์แฮม 148 24
2001 - ปัจจุบัน เชลซี 217 61
* การสนามและจำนวนประตูนับเฉพาะเกมภายในประเทศเท่านั้น




ทีมชาติ







1999 - ปัจจุบัน อังกฤษ 54 12


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์