เชลซีแม่นโทษดับผีซิวคอมมิวนิตี้


เชลซี ประเดิมฤดูกาลใหม่ด้วยแชมป์คอมมิวนิตี้ ชิลด์ หลังดวลจุดโทษดับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไป 6-3 หลังเสมอในเวลา 2-2 โดย สิงห์บูลส์ เกือบชนะในเวลา แต่โดนทีเด็ดจาก รูนี่ย์ ยิงไล่เจ๊าให้ ปีศาจแดง ในนาทีสุดท้าย ท่ามกลางเกมที่หวดกันเดือดตลอด ก่อนที่ช่วงยิงจุดโทษ เชลซี แม่นกว่ายิงเข้าไปถึง 4 คน ส่วน แมนฯยู คาร์ริค ยิงเข้าไปคนเดียวเท่านั้น



 ฟุตบอลคอมมิวนิตี้ ชิลด์ 2009
      เชลซี 2 - แมนฯ ยูไนเต็ด 2
 (ยิงลูกโทษตัดสินเชลซีชนะ 4-1)


 


เกมรูดม่านก่อนเปิดซีซั่นที่เวมบลีย์ เก่งเล็ก เชลซีลงบู๊ในสภาพเกือบฟูลทีมขาดเพียงยูริ ซีร์คอฟนักเตะใหม่ซึ่งเจ็บ แต่จัดให้บรานิสลาฟ อิวาโนวิชเป็นแบ็กขวาก่อนหน้าโชเซ่ โบซิงวาซึ่งนั่งอยู่ข้างสนามเช่เดียวกับมิชาเอล บัลลัค สำหรับ เก่งใหญ่ แมนฯ ยูไนเต็ดปราศจากนายทวารเอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ซึ่งกระดูกนิ้วหักจึงเป็นโอกาสของเบน ฟอสเตอร์ที่ได้เฝ้าเสาโชว์ฝีมือต่อหน้าฟาบิโอ คาเปลโล่กุนซือทีมชาติอังกฤษ กระนั้นเกมนี้นักเตะใหม่อย่างไมเคิ่ล โอเว่นซึ่งยังถูกทีมสิงโตคำรามเมินและอันโตนิโอ วาเลนเซียถูกจัดให้นั่งเป็นตัวสำรองไปก่อน


 


เชลซีเป็นฝ่ายเริ่มเขี่ยบอล และหาช่องทักทายหนักๆตั้งแต่นาทีที่ 2 จากจังหวะที่ดิดิเยร์ ดร็อกบาเตะบอลหนีริโอ เฟอร์ดินานด์แล้วซัลโวจากหน้าเขตโทษ ทำเอาฟอสเตอร์ต้องออกแรงทิ้งตัวตะปบตั้งแต่หัววัน จากนั้นในนาทีต่อมา ผู้ตัดสินก็แจกใบเหลืองเป็นประเดิมให้กับเบอร์บาตอฟซึ่งยกเท้าบล็อคลูกฟรีคิกของจอห์น โอบี มิเกลทั้งๆที่ยังถอยห่างไม่ถึงสิบหลา ผ่านมาถึงนาทีที่ 6 สิงโตลอนดอนน่าจะนำก่อนอย่างยิ่งจากลูกเตะมุมด้านซ้ายที่แฟร้งค์ แลมพาร์ดสาดเข้าหาเสาไกลโดยมีดร็อกบาโขกแฉลบไปเข้าทางให้อิวาโนวิชเข้าฮอสเผาขน แต่ถูกปาทริซ เอวร่าที่คุมเสาอยู่โขกสกัดไปชนคานกระดอนออกมาได้


 


อย่างไรก็ดี นาทีที่ 10 แมนฯ ยูไนเต็ดซึ่งออกสตาร์ตอย่างเชื่องช้ากว่าก็มาสร้างเซอร์ไพรซ์ได้ก่อนจากการสาดบอลยาวแถวกลางสนามของดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ออกฝั่งซ้ายให้นานี่โยกหนีอิวาโนวิช กระชากบอลเข้ามาหน้าเขตโทษแล้วบรรจงตะบันเสียบเสาไกลชนิดปีเตอร์ เช็กกระโจนไปปัดไม่ทันทำให้ปีศาจแดงขึ้นนำ1-0 พอมีสกอร์ อสูรร้ายก็เริ่มเดินหน้าบุกอย่างมั่นใจ และล่วงมาอีกสองนาทีอิวาโนวิชก็โดนจดชื่อจนได้เมื่อเข้ารวบปาทริซ เอวร่าเป็นซ้ำสองหลังจากก่อนหน้านี้อึดใจเดียวก็ทำฟาวล์กองหลังผิวสีจนถูกเตือนมาหมาดๆ


 


นาทีที่ 17 แมนฯ ยูไนเต็ดเกือบเพิ่มสกอร์ได้อีกเมื่อจอห์น โอเชดักบอลจากแอชลีย์ โคลได้จึงป้ายสวนขึ้นกราบขวาทันทีให้เบอร์บาตอฟกระชากไปจ่ายยาวเข้าเสาไกลแล้วรูนีย์โขกตั้งกลับมาให้พาร์ค ชี ซองเข้าชาร์จเผาขน แต่ถูกเช็กออกมาบล็อคได้อย่างไม่น่าเชื่อ พอรอดพ้นจากความเสียหาย เชลซีก็โต้เร็วในนาทีเดียวกัน และมีเสียวจากการพาบอลลุยเข้าเขตโทษด้านซ้ายของดร็อกบาก่อนจะสับไก แต่ไม่ผ่านจังหวะเซฟของฟอสเตอร์ เกมเป็นไปแบบผลัดกันบุกตลอดเวลา และนาทีที่ 17 แชมป์พรีเมียร์ชิพก็น่าจะเช็กบิลได้อีกเมื่อพาร์คชิ่งเร็วให้เบอร์บาตอฟหลุดเข้าเขตโทษด้านขวาไปยิงดีดด้วยหลังเท้า แต่เช็กปัดป้องได้สำเร็จ


 


นาทีที่ 26 ลูกวางยาวของเร้ด เดวิลส์เกือบทำให้ตาข่ายเชลซีขาดผึงอีกโดยพาร์คโชว์ความจัดจ้านสปีดเข้าเขตโทษไปเกี่ยวบอลลงพื้นได้ แต่จังหวะเผด็จศึกถูกริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่เข้าบล็อคได้ซะก่อน เชลซีมีลุ้นบ้างในนาทีต่อมา


หลังจากได้ลูกฟรีคิกหน้าเขตโทษแล้วดร็อกบาบรรจงตักบอลจากกราบขวาไปเสาไกลให้ฟลอร็องต์ มาลูด้าวอลเลย์หกหลาแต่กลับส่งบอลหลุดกรอบทั้งๆที่ไม่มีใครประกบทันแล้ว จากนั้นในนาทีที่ 31 สิงห์บลูส์ก็น่าจะทวงประตูคืนได้จากการบุกขึ้นกราบซ้ายของมาลูด้าแล้วตวัดต่อให้แอชลีย์ โคลโยนยาวจากเส้นหลังเข้าหาเสาไกลโดยมีมิชาเอล เอสเซียงโถมโขกระยะ 12 หลาโด่งออกไป


 


เกมของทีมเมืองกรุงเริ่มลงล็อคแล้ว และนาทีที่ 36 นิโกล่าส์ อเนลก้าก็ลากบอลตัดจากฝั่งซ้ายเข้ามากระทุ้งในเขตโทษ แต่ริโอ เฟอร์ดินานด์ตามไปโขกสกัดเกือบแฉลบเข้าประตูตัวเองเหมือนกัน ท้ายครึ่งแรก เชลซียังมีโอกาส


คลำเป้าอย่างต่อเนื่อง และในนาทีที่ 41 อเนลก้าก็ตั้งป้อมกดจาก 18 หลาดื้อๆ ส่งบอลพุ่งเฉี่ยวออกไปแค่คืบเดียวเท่านั้น แต่แล้วนาทีที่ 43 ปีศาจแดงก็น่าจะหนีห่างจากลูกเตะมุมด้านซ้ายที่นานี่เล่นสั้นๆให้เฟล็ทเชอร์รับไปซัลโวจากริมเขตโทษหวิดเสียบใต้เพดานอยู่แล้ว แต่เช็กผวาปัดข้ามคานได้อย่างเฉียดฉิว จบเกมในครึ่งแรกแมนฯ ยูไนเต็ดจึงนำหน้า 1-0 เช่นเดิม


 


ครึ่งหลัง เชลซีเปลี่ยนตัวทันทีโดยถอดอิวาโนวิชบ่อน้ำมันออกให้โบซิงวาลงมาแทน แต่เป็นแมนฯ ยูไนเต็ดที่ได้เสียวในนาทีที่ 50 จากการประสานงานกันเป็นทอดๆ แล้วมาจบที่รูนีย์ได้เข่นระยะ 18 หลา ทว่าโคลเข้าสกัดได้ทันกระนั้นก็ดี ถึงนาทีที่ 52 กองเชียร์สิงห์บลูส์ก็ได้เฮกันบ้างเมื่อแลมพาร์ดจู่โจมขึ้นมาแล้วแตะสั้นๆให้มาลูด้าโยนบอลจากฝั่งซ้ายเข้าเขตโทษให้ดร็อกบาโดดโขกถูกฟอสเตอร์ปราดออกมาชกทิ้ง แต่โชคร้ายบอลไปเข้าหัวให้คาร์วัลโญ่พุ่งโหม่งโล่งๆแปดหลาตุงตาข่ายสบายแฮจึงเป็นอันว่าทั้งคู่เจ๊ากัน 1-1


 


ถึงตรงนี้ แชมป์เอฟเอคัพเริ่มคึกแล้ว และมีลุ้นอีกครั้งในนาทีที่ 56 จากลูกที่อเนลก้าพลิกหนีโอเชก่อนจะตะบันจากริมเขตโทษด้านขวาที่ทำให้ฟอสเตอร์ต้องออกแรงผวาปัด เข้าสู่นาทีที่ 62 นานี่ก็มีปัญหาที่ไหล่ซ้ายในจังหวะถูกจอห์น เทอร์รี่เข้าสไลด์กลิ้งจึงเดินออกไปให้วาเลนเซียลงมารับภาระแทน ผ่านมาอีกสามนาที เชลซีก็ส่งบัลลัคลงไปแทนมิเกล จากนั้นในนาทีที่ 71 เชลซีก็มาได้ประตูปัญหาในจังหวะที่เอวร่าบุกขึ้นกราบซ้ายแล้วถูกบัลลัคยกแขนกระแทกใบหน้าจนคว่ำ แต่ผู้ตัดสินคริส ฟอยที่อยู่ใกล้เหตุการณ์กลับไม่เป่าให้ปีศาจแดงได้ฟาวล์ทีมเมืองกรุงเลยฉวยโอกาสบุกสวนขณะที่เด็กผีหยุดเล่นโดยดร็อกบาป้ายเข้าเขตโทษด้านขวาให้แลมพาร์ดกระทุ้งเต็มแรงจาก 16 หลาทำเอาฟอสเตอร์ปัดไม่หลุด บอลชนเสาเข้าประตูช่วยให้สิงห์บลูส์แซงนำ 2-1


 


นาทีที่ 75 ผีแดงเปลี่ยนผู้เล่นอุตลุดโดยมีไรอัน กิ๊กส์ , โอเว่น , พอล สโคลส์ และฟาบิโอ ดา ซิลวาได้ลงเล่นแทนพาร์ค , เบอร์บาตอฟ , เฟล็ทเชอร์ และโอเช ล่วงมาอีกสองนาที ดร็อกบาก็โชว์ความแข็งแกร่งพาบอลลุยเข้าเขตโทษด้านขวาไปกระหน่ำ แต่ถูกฟอสเตอร์ทิ้งตัวเซฟได้ก่อนที่เชลซีจะปล่อยเดโก้ลงไปแทนมาลูด้า จากนั้นในนาทีที่ 80 เอวร่าก็ปรี่เข้าเสียบบัลลัคจึงได้ใบเหลืองเป็นของสมนาคุณ และอีกสี่นาทีต่อมาเชลซีก็เปลี่ยนซาโลมง กาลูลงเล่นแทนอเนลก้า


 


ช่วงสี่นาทีสุดท้าย โอเว่นมาได้ใบเหลืองอีกรายข้อหาใช้แขนเล่นบอลในจังหวะพยายามแย่งลูกโด่งกับเทอร์รี่ เกมทำท่าว่าจะจบลงอยู่แล้ว แต่ช่วงทดเวลาเจ็บแมนฯ ยูไนเต็ดยังคงมีทีเด็ดเมื่อไมเคิ่ล คาร์ริคจ่ายบอลจากแดนกลางให้กิ๊กส์ตวัดต่อขึ้นหน้า รูนีย์ที่เหมือนจะยืนเหลื่อมออฟไซด์แค่ปลายเท้าจึงสบโอกาสกระชากเข้าเขตโทษด้านซ้ายไปซัดผ่านเช็กตุงตาข่าย ครบ 90 นาทีทั้งสองฝ่ายจึงเสมอกัน 2-2 ต้องอาศัยการดวลลูกโทษตัดสิน


 


สิงห์บลูส์เป็นฝ่ายเริ่มยิงก่อนโดยแลมพาร์ด และเลือกซัดเข้ากลางประตูขณะที่ฟอสเตอร์พุ่งไปอีกทางทำให้ทีมมหาเศรษฐีนำ 1-0 ก่อนที่กิ๊กส์จะเลือกยิงไปที่กลางประตูเช่นกันแต่ถูกดักได้ ถัดมาบัลลัคเข่นเด็ดขาดตามสไตล์นักเตะเมืองเบียร์พาเชลซีนำ 2-0 แต่คาร์ริคซัดให้ปีศาจแดงไล่มา 1-2 แม้เช็กจะพุ่งถูกทาง จากนั้นดร็อกบาก็กดให้เชลซีไม่พลาด แล้วเอวร่าสังหารแย่เบาหวิวเลยโดนเซฟจึงเป็นสกอร์นำ 3-1 ของสิงห์บลูส์ รายต่อมาของเชลซีได้แก่กาลูซึ่งซัลโวตุงตาข่ายจึงเป็นอันว่าแมนฯ ยูไนเต็ดไม่ต้องเสียเวลายิงอีกและพ่ายไปด้วยการดวลลูกโทษ 1-4 เป็นการประเดิมซีซั่นในเมืองผู้ดีที่ไม่เลวของคาร์โล อันเชล็อตติกุนซืออิตาเลี่ยน



รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
เชลซี : ปีเตอร์ เช็ก , บรานิสลาฟ อิวาโนวิช (โชเซ่ โบซิงวา น.46) , จอห์น เทอร์รี่ , ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ , แอชลีย์ โคล , จอห์น โอบี มิเกล (มิชาเอล บัลลัค น.65)  , มิชาเอล เอสเซียง ,แฟร้งค์ แลมพาร์ด , ฟลอร็องต์ มาลูด้า (เดโก้ น.77) , ดิดิเยร์ ดร็อกบา , นิโกล่าส์ อเนลก้า (ซาโลมง กาลู น.83)
แมนฯ ยูไนเต็ด : เบน ฟอสเตอร์ , จอห์น โอเช (ฟาบิโอ ดา ซิลวา น.75) , ริโอ เฟอร์ดินานด์ , โจนาธาน อีแวนส์ , ปาทริซ เอวร่า , พาร์ค ชี ซอง (ไรอัน กิ๊กส์ น.75)  , ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ (พอล สโคลส์ น.75)  , ไมเคิ่ล คาร์ริค , หลุยส์ นานี่ (อันโตนิโอ วาเลนเซีย น.62) , เวย์น รูนีย์ , ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ (ไมเคิ่ล โอเว่น น.75)

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์