เชลซีเปลี่ยนไปไม่เท่าไหร่.. แต่พวกคุณนะเป็นอะไรไป !!!???

เชลซีเปลี่ยนไปไม่เท่าไหร่.. แต่พวกคุณนะเป็นอะไรไป !!!???


..........ช่วงนี้ไม่รู้ว่าเป็นอะไร.. ประเด็นมากมายน่าหยิบมาเขียนเยอะแยะก็ไม่รู้จักทำ.. ที่มันเป็นแบบนั้นคงเพราะเปิดอ่านกระทู้ เชลซี อันไหนก็เจอแต่พวกด่าทีมโปรดของตัวเองกันทั้งนั้น

แบบนี้ไม่มีอะไรจะบรรยายนอกจากคำว่า เสียความรู้สึกโคตรๆครับ

ธันวาคมคือเดือนเกิดของผมโดยหวังว่าจะมีอะไรดีๆ เข้ามา.. แต่กลับกันช่างเป็นเดือนที่แสนทรหดของ เชลซี โดยปล่อยแต้มทิ้งกันกระจายแบบไร้จุดหมายในการเข้าทำ..

แพ้แล้วก็พาลไปโทษคนนู้นคนนี้เหมือนคนขาดสติดื่มเหล้ามาอะไรทำนองนั้น.. แล้วปัญหามันคืออะไร ??

ช่วงแรกเกมรับพลาดกันแบบง่ายๆ โดยเฉพาะลูกเซตพีทที่ถูกวิจารณ์เป็นพิเศษ.. ถ้ามองอย่างรวดรัดก็คือตอบได้ว่าปัญหานี้เริ่มมีตอนที่ หลุยส์ เฟลิเป้ สโคลารี่ เข้ามาคุมทีมในฤดูกาลก่อน

ผมลองไปนั่งดูดีวีดีซีซั่นรีวิวแผ่นเก่าๆ สมัยยุคของ โชเซ่ มูรินโญ่ ดูแล้วมันไม่ต่างกันมากนัก.. เสียประตูจากลูกเตะมุมไม่ค่อยบ่อย แต่พอมีเซตพีทเมื่อไหร่ก็ซี๊ดเหมือนกัน

แต่ที่ไม่ถูกนำมาเป็นเรื่องให้พูดก็เพราะว่าสมัยนั้นทีมชนะต่อเนื่อง สะดุดยาก แถมหาแพะเพื่อนำมาด่าให้มันส์ปากไม่ค่อยเจอ.. ที่สำคัญพอชนะแล้วแต้มนำขาด 7 แต้มบ้าง 9 แต้มบ้าง.. 2 หลักก็มีมาแล้วจนขี้เกียจขุดคุ้ยกันก็แค่นั้น

ส่วนในปัจจุบัน.. พลาดโทษใคร ???

หลักๆ เลยไม่ต้องมองไปไหนนั่นคือนายทวาร เพตเตอร์ เช็ก กับกองหลังดีกรีแชมป์ยุโรปอย่าง ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ นั่นเอง..

คำติสำหรับการออกมาตัดบอลกลางอากาศของ เพตเตอร์ เช็ก ถูกตำหนิบ่อยครั้งว่าหลังจากเอาหัวไปให้ สตีเฟนท์ ฮันท์ โขกจนกระโหลกร้าวเมื่อปี 2006 ทำให้ฟอร์มตกลงไปอย่างน่าใจหาย !!

แต่ขอโทษครับ.. ผมเป็นคนนึงที่ชื่นชอบในผู้รักษาประตูคนนี้มากจนเรียกได้ว่าสังเกตุการเล่นของ เพตเตอร์ เช็ก อย่างละเอียดและบันทึกขอมูลต่างๆ ใส่หัวสมองจนล้นความจุแล้วไปพึ่งคอมพิวเตอร์ให้มาช่วยในการเก็บความจำ

โอเค.. การใส่เฮดการ์ดมันมีส่วนมากๆ สำหรับคนที่พึ่งลองใส่มันใหม่ๆ เพราะจะทำให้รู้สึกเหมือนกำลังฝึกภาคสนามที่เขาชนไก่และใส่หมวกเหล็กจนมึนตึ๊บ ปวดหัว เสียงก้อง ฟังอะไรไม่รู้เรื่อง แถมครูฝึกด่าก็ไม่ได้ยินอีกต่างหาก

แต่ตัว เช็ก ใส่มาได้หลายปีจนคุ้นเคยแล้วมันไม่น่าจะมีปัญหาอะไร.. กลับกันนี่คือเอกลักษณ์เฉพาะตัวจนถึงตอนนี้ เพตเตอร์ เช็ก ขาดเฮดการ์ดไม่ได้เสียแล้ว..

เข้าเรื่องระบบการเล่นกันต่อ.. อันที่จริงที่ทีมเสียประตูกันง่ายๆ นั้นจะไปโทษ เช็ก หรือกองหลังเสียหมดคงไม่ได้.. ของแบบนี้มันต้องโทษทั้งทีมและที่สำึคัญคือ ดวง ที่ไม่ค่อยจะแฮปปี้เท่าไหร่ในเวลานี้

ผมขอยกตัวอย่าง 3 ประตูที่ทีมเสียให้กับ เอฟเวอตัน ละกันครับ..

ประตูแรกมาจากลูกเซตพีทที่บอลไปชนเสาแล้วกระเด้งหลังของ เพตเตอร์ เช็ก เข้าไป..

ประตูที่ 2 กองหลังเคลียร์ไม่ขาด หรือเคลียร์ดีแล้วแต่ดวงซวยก็ไม่รู้เพราะ ยาคูบู้ ไม่สนใจเนื่องจากตัวเองยิงแบบจ่อๆ เข้าไปเป็นพอ

ส่วนลูกสุดท้ายมาจากเซตพีท(อีกแล้ว) โดยคราวนี้ เพตเตอร์ เช็ก ออกมาตัดบอลและตะโกนดังลั่นให้สมกับขนาดตัวว่า ปล่อยยยยยยยยยยย แต่ ดิดิเยร์ ดร็อกบา กระโดดเทคตัวไปแล้วคงไม่ปล่อยทำให้โหม่งไปโดนท้ายทอยของ หลุยส์ ซาฮา เข้าไป..

มองยังไงๆ ผมว่าแบบนี้ ดวง มาเป็นอันดับแรกและการสื่อสารกันของผู้รักษาประตูกับเพื่อร่วมทีมมาเป็นอันดับรอง..

เวลาทีมโดนยิงประตูกล้องมักจับไปที่ใคร ???

แน่นอนผมโคตรเบื่อเวลาที่ เชลซี เสียประตูแล้วก็ซูมไปหา เพตเตอร์ เช็ก เป็นประจำทั้งๆ ที่บางลูกมันหมดสิทธิ์ในการป้องกันทุกอย่างแต่ก็ยังโฟกัสตลอดเวลาเพราะช่วงนี้กระแสกำลังดังว่าจะโดนเขี่ยทิ้งหรือไม่ ?

ส่วนนัดล่าสุดไม่นับประตูที่เสียผมมองว่า ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ แกเปรียบเสมือนไฟแดงต่อให้มาแรงแค่ไหนก็ต้องหยุด.. แต่การป้องกันลูกกลางอากาศเป็นภาระของ จอห์น เทอร์รี่ มากเกินไปเพราะ คาร์วัลโญ่ ไม่ถนัดนักในเรื่องนี้

ที่สำคัญนักเตะ เชลซี เริ่มไม่ค่อยไว้ใจเพื่อนร่วมทีมกันเอง.. จังหวะที่ เพตเตอร์ เช็ก จะออกมาตัดบอลก็ไม่ยอมปล่อยเหมือนก่อนแต่เลือกที่จะสกัดออกไปทันทีแล้วพอมันเกิดอาการ เสียว ก็มาโบ้ย เพตเตอร์ เช็ก อีกซะงั้น..

ส่วนประสิทธิภาพในแนวรุกตอนนี้คงเรียกได้ว่าเริ่มคิดอะไรไม่ค่อยออก.. แผนไดมอนด์เน้นความแน่นหนาตรงกลางและให้ฟูลแบคเติมขึ้นไปเปิดบวกกับพึ่งพาความสามารถของ เพลย์เมกเกอร์ ในการปั้นเกม

แต่จุดอ่อนมันอยู่ที่ว่าระบบนี้เน้นการต่อบอลแบบสั้นๆ ทำให้เจอการเพรสซิ่งแบบเร็วๆ เข้าไปมักจะเสียบอลกันง่าย เคาะไป เคาะมา ก็ต้องส่งคืนหลังหรือไม่ก็ให้แบ็คโยนบอลเพราะหาวิธีการเล่นอื่นๆ ไม่เจอ..

ครึ่งแรกในเกมที่เอาชนะ ฟูแล่ม มันเป็นแบบนั้นจริงๆ ครับ..

มาต่อใน 45 นาทีหลังยังคงแทคติคเดิมแต่ผ่านบอลให้มันกว้างๆ ขึ้นแต่ก็ยังไม่เวิร์คอยู่ดี.. ปัญหานี้มันมาจากการที่ขาด นิโกลาส์ อเนลก้า ไปน่าจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุด..

อเนลก้า สามารถลงมาล้วงบอลได้ ดึงจังหวะได้แถมมีประสิทธิภาพในการจบสกอร์สูงระดับท็อป.. แต่พอพี่เหม่งคนนี้เจ็บไปและให้ ซาโลมอน คาลู ลงมาเล่นแทนมันดันไม่ไหลลื่นเพราะ คาลู เหมาะจะเล่นปีกมากกว่า

สักพักพอเปลี่ยนระบบเป็น 4 - 3 - 3 ให้ ดร็อกบา ยืนค้ำข้างหน้าและมี สเตอริดจ์ ทางซ้าย คาลู ทางขวาเกมมันต่อเนื่องมากกว่าเก่า.. ตอนครึ่งแรก คาลู เล่นไม่ค่อยเป็นสับปะรดเท่าไหร่แต่พอถูกโยกไปเล่นปีกทำให้ดึงใช้ความสามารถในการเลี้ยงบอลได้เต็มที่ขึ้น

ตอนที่ โชเซ่ มูรินโญ่ เข้ามาคุม เชลซี ใหม่ๆ ก็มีปัญหาแบบนี้เพราะแรกเริ่ม มูรินโญ่ มาด้วยระบบได้มอนด์เหมือนที่ คาร์โล อันเชล็อตติ กำลังทำแต่เกมกระตุก กระตัก บรรยายภาพไม่ถูก

พอเปลี่ยนไปเป็น 4 - 3 - 3 มันดันดีขึ้นทันตาเห็นและหลังจากนั้นก็ใช้มาตลอดตั้งแต่เอาชนะ เบอร์มิ่งแฮมได้ 1 - 0 จากประตูชัยของ โจ โคล ในปี 2004

ถึงตอนนี้ก็ต้องดูกันต่อไป.. เวลาน่าจะสอนให้ อันเช่ รู้จักกับพรีเมียร์ลีกมากขึ้น..

เวลา 5 ปีครึ่งที่ผ่านมา เชลซี มีนักเตะตัวหลักที่ลงเล่นด้วยกันอย่างต่อเนื่อง 5 คนก็คือ เช็ก , เทอร์รี่ , แลมพาร์ด , ดร็อกบา เรียกได้ว่าพวกเขาคือสัญลักษณ์ของทีมก็เป็นได้

แต่เหมือนตอนนี้มันขาดไป 1 สิ่งที่ทำให้ทีมฟอร์มตก.. ไม่ใช่ความไม่เข้าใจกันของนายประตูกับกองหลังแต่ 1 สิ่งที่หายไปคือคำพูดจากใจผมว่า..

ตกลงคุณเชียร์เชลซีเพราะรักที่จะทำ หรือว่าคุณเชียร์เพราะผลงาน?

ทีมเราต้องชนะอย่างเดียวเลยหรือไง ? แพ้บ้างไม่ได้หรือ ?

ตอบคำถามในใจตัวเองได้เมื่อไหร่คงครบ 5 คนพอดี

Petr Cech , John Terry , Frank Lampard , Didier Drogba And You !!!


ปล.ไม่ได้เขียนนานมาก ถ้าผิดพลาดประการใดก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ


ขออนุญาต คุณPetrboat(ผู้เขียน) จาก Soccersuck > เห็นน่าอ่านเลยเอามาให้แฟน ๆ อ่านค่ะ 

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์