เชลซีเฉือนปอมปีย์ขึ้นนำฝูง

แชมป์เก่า เชลซี เปิดบ้านเฉือนชนะ ปอมปีย์ ปอร์ทสมัธ 2-1


ขึ้นไปนำเป็นจ่าฝูงพรีเมียร์ชิป อังกฤษ ส่วน ทอฟฟี่สีน้ำเงิน ฟอร์มเยี่ยมหัก ดาบคู่ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 2-0 ด้าน วีแกน แอธเลติก โชว์หรูคว่ำ เรือใบสีฟ้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 4-0 ในการแข่งขันประจำคืนวันเสาร์ที่ 21 ตุลาคม 2549

โฮเซ่ มูรินโญ่ มีการปรับทัพให้ เชลซี เล็กน้อยส่ง เปาโล แฟร์ไรร่า


ลงยืนแบ็กขวาแทน คาลิด บูห์ลารุซ ส่วนในแดนกลางพัก โคล้ด มาเกเลเล่ ที่เป็นตัวรับและก็ส่ง อาร์เยน ร็อบเบน ลงมาสร้างสรรค์เกมทางกราบ ส่วนคู่หน้าเป็น อังเดร เชฟเชนโก้ กับ ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา สำหรับตำแหน่งผู้รักษาประตู ฮิลาริโอ ที่โชว์ฟอร์มดีจากบอลยุโรป ได้ลงสนามเป็นตัวจริงฉลองอายุครบ 31 ปี

ด้าน แฮร์รี่ เรดแน็ปป์ ไม่มีปัญหาในการจัดทัพ ปอร์ทสมัธ เช่นกัน


แต่ไม่สามารถส่ง เกล็น จอห์นสัน ที่ยืมมาจากเชลซีลงสนามได้ตามกฎ โดยให้ โนเอ้ ปามาโร่ต์ ลงยืนเป็นแบ็กขวา ประสานงานเกมรับกับ โซลแคมป์เบลล์ ส่วนแดนกลางมี นิโก้ ครันจ์ชาร์ คอยทำเกมให้คู่หน้า เอ็นวานโก้ คานู และเอ็มวารูวารี คอยลุ้นไล่ล่าตาข่าย

เริ่มเกมการแข่งขันเป็น ปอร์ทสมัธ ที่เป็นฝ่ายครองเกมได้ดีกว่า เชลซี เล็กน้อย


แต่นาทีที่ 9 เป็นเจ้าถิ่นที่ได้ลุ้นประตูเมื่อ อาร์เยน ร็อบเบน กระชากหลบ โนเอ้ ปามาโร่ต์ ขึ้นไปทางซ้ายก่อนเปิดเข้ากลางให้ ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา กองหน้าฟอร์มร้อนแรงได้ยิงแต่บอลไม่เข้ากรอบ

20 นาทีแรกผ่านไปเกมยังเรื่อยๆ มาเรียงๆ ทีมเยือนได้ลุ้นบ้างเมื่อ ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ สกัดมาเข้าทางให้ เบนจานี่ เอ็มวารูวารี ได้ยิงแต่บอลไซด์หลุดกรอบไปพอสมควร

แต่นาทีถัดมาแฟนๆ เจ้าถิ่นต้องลุกขึ้นมาลุ้น


เมื่อ ร็อบเบน ปีกทีมชาติฮอลแลนด์ กระชากหลุดเข้าไปยิงแต่ เดวิด เจมส์ ออกมาบล็อกเร็วทำให้บอลพุ่งแฉลบตัวอดีตนายทวารมือ 1 ทีมชาติอังกฤษออกหลังไป

ถึงนาทีที่ 26 เจมส์ โดน ดร็อกบา กระแทกในกรอบ 6 หลาทำให้ชกบอลเข้าประตูตัวเองซึ่ง มาร์ค แคล็ตเทนเบิร์ก ผู้ตัดสินในเกมดังกล่าวปฏิเสธให้เป็นประตูสำหรับแชมป์เก่า

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป เชลซี เริ่มเป็นฝ่ายครองเกมบุก


และก็น่าจะได้ประตูนำจากการปั่นด้วยขวาของ อังเดร เชฟเชนโก้ จากนอกกรอบแต่ เจมส์ สมาธิยังดีลอยตัวปัดบอลปลายมือพ้นอันตรายไปได้ ช่วงปลายครึ่งแรก ลินวอย ไพรมัส รับบอลจาก เจมส์ แล้วแตะบอลพลาดทำให้ เชฟเชนโก้ ฉกบอลเข้าไปส่งบอลเข้าไปยิงประตู

แต่ผู้ช่วยผู้ตัดสินยกธงเป็นลูกล้ำหน้าของดาวยิงทีมชาติยูเครน ทำให้จบ 45 นาทีแรก ปอร์ทสมัธ ยังยันเจ้าถิ่นไว้ได้ที่ 0-0

เปิดฉากครึ่งหลัง แฮร์รี่ เรดแน็ปป์ มีการปรับทัพให้ทีมเยือนส่ง ฌอน เดวิส ลงมา


ช่วยแพ็คแดนกลางและก็ถอด เอ็นวานโก้ คานู ซึ่งเป็นกองหน้าออกจากสนาม แต่การต่อบอลสวยของเชลซี เกือบทำให้แฟนๆ ได้เฮ ดร็อกบา เปิดบอลเร็วให้ เชฟเชนโก้ พุ่งโหม่งแต่ เจมส์ ปัดพ้นคานไปได้

อย่างไรก็ตาม ผู้ช่วยผู้ตัดสินยกธงล้ำหน้าไปแล้ว

หลังจากออกมาบี้อยู่นานในที่สุดนาทีที่ 55


กองเชียร์สิงห์บลูส์ได้เฮลั่นสนามสแตมฟอร์ด บริดจ์ เมื่อ ร็อบเบน หักบอลกลับเข้ากลางมาให้ เชฟเชนโก้ วิ่งเข้ามาแปกระแทกด้วยซ้ายส่งบอลเข้าไปตุงตาข่ายทำให้ เชลซี ทะยานนำ 1-0 แต่การดีใจเกินเหตุของศูนย์หน้ายูเครนที่ยิงประตูไม่ได้มาเกือบสองเดือน จึงต้องแลกมาซึ่งใบเหลืองจากผู้ตัดสิน

อีกสองนาทีถัดมาสกอร์ไหลเป็น 2-0 สำหรับแชมป์เก่า


เมื่อ ร็อบเบน เปิดบอลจากกราบซ้าย แม็ทธิว เทย์เลอร์ เคลียร์ไม่ขาดทำให้ ดร็อกบา โหม่งตั้งต่อให้ มิชาเอล บัลลัค สอดหัวเข้ามาโขกบอลเข้าไปซุกก้นตาข่าย แต่การเข้าไปดีใจกับแฟนๆ ทำให้กัปตันทีมชาติเยอรมนีโดนใบเหลืองเช่นเดียวกับ เชว่า

และถึงนาทีที่ 59 เชลซี เกือบจะนำห่างเป็น 3-0 เมื่อ ดร็อกบา ยิงซ้ำลูกยิงของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด เข้าไปแต่ผู้ช่วยผู้ตัดสินยกธงล้ำหน้า

ทีมเยือนมาได้ลุ้นบ้างเมื่อได้ลูกเตะมุมและ แกรี่ โอนีล พยายามโหม่งเช็ดให้เข้าเสาแรก


แต่ ฮิลาริโอ ยังไม่หลับพุ่งปัดบอลออกไป แต่ถึงนาทีที่ 69 ปอร์ทสมัธ ตีไข่แตกเป็น 1-2 สำเร็จจากการที่ คาร์วัลโญ่ สกัดบอลไม่ขาดอีกครั้ง เทย์เลอร์ ป้ายต่อให้ เบนจานี่ ยิงด้วยขวาเข้าไปเป็นประตู

เข้าสู่ช่วง 15 นาทีสุดท้าย บัลลัค เกือบทำให้เจ้าถิ่นนำห่างแต่ลูกยิงเต็มแรงของเขาโดนเซฟไว้โดย เจมส์

โฮเซ่ มูรินโญ่ มีการปรับแท็คติกให้เจ้าบ้านส่งเอา โคล้ด มาเกเลเล่ ลงมาเน้นเกมแดนกลาง


และก็ถอด เชฟเชนโก้ ออกมา ช่วงท้ายเกม ดร็อกบา ได้วอลเล่ย์ด้วยขวาเต็มแรงแต่ เจมส์ บินปัดพ้นอันตรายไปได้ ครบ 90 นาที เชลซี รักษาสกอร์เบียดเอาชนะ ปอร์ทสมัธ 2-1 แซง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่มีคิวทำศึกแดงเดือดกับลิเวอร์พูล ในวันพรุ่งนี้ ขึ้นไปนำเป็นจ่าฝูงพรีเมียร์ชิป ด้วยการมี 22 คะแนนจากการลงสนาม 9 นัด




สนับสนุนเนื้อหาโดย:

รูปภาพจาก:
ลิขสิทธิต่างประเทศ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์