เชลซี.. กองหน้าคุณต้องยิงสักที !! ถ้ายังอยากลุ้นแชมป์ !!!!!

เป็นเวลา 1 เดือนกว่าๆ แล้วที่ผมไม่ได้ลงมือกระแทกคีย์บอร์ดปั่นบทความชนิดเอาจริงเอาจังนั่งหาข้อมูลต่างๆ เพื่อนำมาเสนอแบบนี้.. ช่วงเวลา่ที่ผ่านมานับตั้งแต่ตอนผมเริ่มหัดเขียนครั้งแรกนั้นผมยังเรียนชั้น ม.4 อยู่เลยครับ

ถึงตอนนี้ก็เรียนจบปี 1 มหาวิทยาลัยแล้ว.. ปาเข้าไป 4 ปีเต็มกับการเป็นคอลัมนิสต์เต็มตัว.. ตอนแรกก็ไมไ่ด้คิดว่าจะเอาจริงทางด้านนี้มาก แต่พอเริ่มทำแล้วมันคิดว่าเป็นสิ่งที่ใช่.. ผมจึงไม่ลังเลใจเลยที่จะเลือกสาขาวารสารศาสตร์เป็นวิชาที่ตนอยากจะเรียน..

จำได้ว่าผลงานชิ้นแรกผมเขียนถึงความปราถนาสูงสุดของสาวกสิงห์บลูทุกคนนั่นก็คือการฝันที่จะได้เห็น จอห์น เทอร์รี่ ยืนชูถ้วยบิ๊กเอียร์สมัยแรกของประวัติศาสตร์สโมสร.. จนถึงบัดนี้สิ่งที่ทุกๆ คนหวังไว้ในตอนนั้นก็ยังไม่เป็นจริง

ไม่มีใครทราบว่าอาถรรพ์ีนี้จะถูกปลดล็อคเมื่อไหร่ เหนือสิ่งอื่นใดผมหวังไว้ว่าขอให้พวกตัวหลัก 4 คนที่ฝ่าฟันกับทีมมาเป็นเวลา 7 ปีเต็มอย่าง เพ็ตเตอร์ เช็ก , จอห์น เทอร์รี่ , แฟรงค์ แลมพาร์ด และ ดิดิเยร์ ดร็อกบา ได้สุขสมหวังสักทีก่อนที่จะต้องมีใครย้ายออกไป..

ยิ่งช่วงนี้มาตรการจัดหนักของ โรมัน อบราโมวิช เริ่มกลับมาคุกคามตลาดนักเตะชุดใหญ่อีกครั้ง.. ช่วงเดือนมกราคมก็พึ่งสอย เฟร์นานโด ตอร์เรส และ ดาวิด ลูอิซ ที่มีมูลค่ารวมกันสูงถึง 70 ล้านปอนด์เลยทีเดียว

แน่นอนว่าการลงทุนครั้งนี้เสี่ยหมีหวังผลไว้ 2 อย่าง.. สิ่งแรกคือต้องการหานักเตะมาสร้างจุดเปลี่ยนให้กับทีม โดยเฉพาะหัวหอกแก้มน้ำเงินอมแดงอย่าง ตอร์เรส ที่มีดีลมหาศาลถึง 50 ล้านปอนด์พร้อมลงไล่ล่าในศึก พรีเมียร์ลีก และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก อย่างเต็มรูปแบบ

ส่วนเหตุผลที่ 2 ก็คือคำตอบง่ายๆ ว่าสโมสรมีนโยบายเตรียมสร้างทีมชุดใหม่ขึ้นมา เพราะสภาพนักเตะที่มีอยู่ในตอนนี้หลายคนผ่านจุดสูงสุดไปแล้วนั่นทำให้ ดาวิด ลูอิซ ปราการหลังดาวรุ่งถูกดึงเข้ามาสู่ทีมเพื่อตอบสนองโปรเจ็กซ์ใหม่..

พี่หัวฟูบราซิลเลี่ยนฟอร์มดีเสียด้วยครับ.. เล่นได้โดดเด่นมากตั้งแต่ย้ายมา.. ลงในลีกไป 4 นัดพร้อมกับทำได้ 1 ประตูจากลูกวอลเลย์เต็มหลังเท้าในเกมที่เปิดรัง สแตมฟอร์ด บริดจ์ ต้อนรับการมาเยือนของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

น่าเสียดายที่ไม่สามารถลงเล่นในบอลถ้วยยุโรปได้เพราะติดคัพไทล์กับทาง เบนฟิก้า ไปแล้วโดยลงเล่นครบทั้ง 6 นัดในกลุ่ม บี แต่ก็ไม่อาจพาทีม เหยี่ยมลิสบอน ผ่านเข้าสู่รอบน็อคเอาต์ได้สำเร็จ

บอกตรงๆ ว่าตอนแรกที่หมอนี่ย้ายมาผมยังไม่อยากคาดหวังมาก.. ซีซั่นก่อนดู เบนฟิก้า เล่นในศึก ยูโรป้าลีก ไป 5 นัดไม่ค่อยประทับใจฟอร์มเท่าไหร่ยกเว้นเกมที่ไล่อัด แฮร์ธ่า เบอร์ลิน ไป 4 - 0 ซึ่งพี่ฟูคนนี้ประสานงานกับปราการหลังรุ่นพี่อย่าง ลุยเซา จนเกมรับเนียนสนิท..

พอเหมาะพอดีกับที่ช่วงนั้นผมอยากยลโฉมเหล่าบรรดา แข้งเทพ ของเกมฟุตบอล เมเนเจอร์ ว่าเป็นเช่นไร.. นำทัพโดย อังเคล ดิ มาเรีย , ฟาบิโอ โคเอ็นเทรา , ออสก้า คาร์โดโซ่ รวมถึงเจ้า ดาวิด ลูอิซ นั่นแหละ.. ทำเอาผมบรรลุเลยจริงๆ ว่าทีมงานของเกมนี้เจ๋งขนาดไหน..

ผลงานไฉไลแบบนี้ทำให้ไม่มีปัญหาในการยืนเป็นเซ็นเตอร์ฮาร์ฟร่วมกับ จอห์น เทอร์รี่ ที่ดูแล้วลงตัวยิ่งกว่าเจทีคู่กับ อิวาโนวิช หรือ อเล็กซ์ ด้วยซ้ำเนื่องจาก ลูอิซ เป็นกองหลังประเภทเล่นตุกติกได้เก่ง อ่านทางบอลได้เยี่ยมและเข้าสกัดได้หนักหน่วง

ผมกล้าพูดได้เลยว่าถ้าไม่มองถึงหน่วยก้าน ดาวิด ลูอิซ ทำให้สาวกสิงโตน้ำเงินครามต้องนึกถึง ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ กันเลยทีเดียว.. สไตล์การเล่นที่คล้ายคลึงรวมถึงท่วงท่าตามแบบฉบับบราซิลเลี่ยน.. คงไม่แปลกใจถ้าจะมีใครยกย่องฟอร์มการเล่นของเขาขนาดนี้

จอห์น เทอร์รี่ เป็นกองหลังประเภทโคฟเวอร์ที่คอยจัดการแผงระเบียบแนวรับยืนไลน์ต่ำคอยเก็บกวาดลูกกลางอากาศทั้งหลาย.. ส่วนทางด้าน ดาวิด ลูอิซ เป็นจำพวกสต็อปเปอร์คอยออกไปวิ่งไล่ตัดบอลซึ่งผมมองว่ากองหลัง 2 สไตล์ยืนคู่กันแบบนี้ดูหลากหลายและมีประสิทธิภาพที่สุด

อย่างไรก็ตาม.. ผลงานเกมลีกในช่วงหลังๆ มันมีอยู่ 1 เรื่องที่ทำให้ตัวผมเองและแฟนบอลคนอื่นๆ อดสงสัยไม่ได้ว่าเมื่อไหร่กองหน้าของทีมจะยิงเสียที ?

ผมไม่ได้หมายถึง เฟร์นานโด ตอร์เรส ที่พึ่งย้ายเข้ามาเพียงคนเดียวแต่ว่าเหมารวมถึง นิโกล่าส์ อเนลก้า และ ดิดิเยร์ ดร็อกบา ที่ฟอร์มการเล่นหาความแน่นอนไม่เจอจริงๆ โดยเฉพาะในเกมที่ทำได้เพียงเสมอกับ เอฟซี โคเปนเฮเก้น ในบ้านแบบโนสกอร์

เอาง่ายๆ 2 เกมล่าสุดที่เอาชนะ แมนยูไนเต็ด กับ แบล็คพูล คนยิงประตูเบิกร่องให้กับทีมไม่ใช่ใคร.. แต่ว่าเป็นกองหลังของทีมอย่าง ดาวิด ลูอิซ กับ จอห์น เทอร์รี่.. แล้วชื่อของกองหน้าบนสกอร์บอร์ดละหายไปไหน ?

คือผมมองว่าถ้าเกิดยังเป็นแบบนี้ต่อไปทีมลุ้นแชมป์ได้ยากครับ.. กองหน้าหาความมั่นใจไม่เจอ.. อเนลก้า ยิงได้บ้างในถ้วยยุโรปแต่ขาดความสม่ำเสมอ.. ส่วนพี่แมลงสาบไม่ต้องพูดถึงเพราะประตูล่าสุดของพี่ท่านที่ทำได้ต้องย้อนกลับไปถึงเดือน มกราคม ในเกมที่บุกไปเอาชนะ โบลตั้น เลยทีเดียว..

หากมีใครบอกว่า เฟร์นานโด ตอร์เรส กำลังจะกลายเป็น เชว่า II ผมคงขอเถียงอย่างเต็มความสามารถ.. ขนาดดาวยิงอย่าง ดร็อก & นิโก้ ที่เล่นกันมานานหลายปียังยิงไม่ค่อยได้ในช่วงนี้.. แล้วประสาอะไรกับ ตอร์เรส ที่เล่นไปเพียงแค่ 6 นัดละครับ.. แถมได้ลงเต็ม 90 นาทีเพียง 2 เกมอีกต่างหาก

จังหวะมีบ้าง เริ่มเข้าขากับเพื่อนร่วมทีมใหม่มากขึ้น แต่โอกาสที่ได้ยิงแบบชนิดเรียกว่าจ่อๆ ตอร์เรส ยังไม่ได้สัมผัสเลยแม้แต่ครั้งเดียว.. ความจริงสกอร์แรกของพี่ต๊อดน่าจะมาตั้งแต่นัดชนะ แบล็คพูล ไปแล้วนะครับ..

ทว่า ฟลอล็องต์ มาลูด้า ดันเลือกยิงมุมแคบแทนที่จะส่งให้ ตอร์เรส จบสกอร์ก็เลยต้องแบกความกดดันมูลค่า 50 ล้านปอนด์อันแสนหนักอึ้งไว้บนไหล่ต่อไป..

หรือถ้าจะมีคนยกเหตุผลฟอร์มการจับบอลอันแสนห่วยแตกในนัดที่บุกไปเสมอ ฟูแล่ม ผมว่าของแบบนี้มันมีสิทธิ์เกิดขึ้นได้กับกองหน้าทุกคนครับ..

ปกติตัว ตอร์เรส เองสัมผัสบอลถือว่าเนียนพอสมควร.. เฟิร์สทัชสวยๆ แล้วยิงเต็มข้อมีให้เห็นกันบ่อยไป เพียงแต่ว่าความผิดพลาดที่มีให้เห็นน้อยครั้งมันดับมาแสดงออกในเกมที่ทุกคนเฝ้าจับตามองพอดี.. มันจึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่คนจะนำเอา อคติ มาเป็นที่ตั้ังจากภาพรวมที่เห็นในเกมนั้น..

ต้องบอกว่ายังดีนะครับที่พักหลัง แฟรงค์ แลมพาร์ด เริ่มกลับมาเข้าฟอร์มอีกครั้ง ปั้นเกมสวยๆ ได้บ่อย.. มีแอสซิสให้เห็นรวมถึงจังหวะเติมไปหาโอกาสยิงและสังหารจุดโทษได้เฉียบขาดเหมือนเก่าทำให้ทีมยังคงผลิตสกอร์ได้บ้าง

2 ฤดูกาลของ คาร์โล อันเชล็อตติ ก็แทคติคเดิมเน้นการต่อบอลสั้นๆ ช้าแต่ชัวร์และขึ้นบอลด้วยฟูลแบ็ค.. ถ้าอยู่ในฟอร์มที่ดีแผนการเล่นนี้จะแสดงผลนั่นก็คือสร้างโอกาสเข้าทำกันได้เรื่อยๆ ไม่เกมตันเหมือนปัจจุบันนี้

คือต้องบอกว่านักเตะควรจะเล่นกันให้มีชีวิตชีวามากกว่าที่เป็นอยู่ การผ่านบอลที่เสียง่ายๆ จาก มาลูด้า หรือ เอสเซียง มีให้เห็นบ่อยครั้งมากเกินไป.. จะพูดให้ถูกก็คือ เชลซี ในตอนนี้ขาดความมั่นใจและความกระหายในชัยชนะอย่างแรง

มีอีก 1 สิ่งที่ผมอยากจะพูดก็คือสไตล์ของกองหน้า เชลซี ในตอนนี้เป็นประเภท เบ็ดเสร็จ ชงเองยิงเองกันแทบทุกคน..

ดิดิเยร์ ดร็อกบา จะทรงประสิทธิภาพที่สุดหากได้เล่นกับระบบที่มีการโจมตีรอบทิศจากปีกครอสซิ่งเข้าตรงกลางในยุคของ โชเซ่ มูรินโญ่.. ส่วนทางด้าน นิโกล่าส์ อเนลก้า ดึงจังหวะเก่ง เหมาะที่จะทำงานแบบหน้าคู่อย่างแรง..

ซึ่งซีซั่นก่อน เชลซี มี เดโก้ ซูซ่า ที่เป็นมิดฟิลด์ตัวรุกของระบบ 4 - 4 - 2 ไดมอนด์คอยสร้างโอกาสให้อย่างสม่ำเสมอ.. รวมถึง มาลูด้า ที่ทำเกมริมเส้นได้อย่างโดดเด่น.. ย้ำอีกทีว่าคือในตอนนั้น !

แต่ตอนนี้ เชลซี ไม่มีตัวสร้างสรรค์แบบ เดโก้ แล้วไหนจะ มาลูด้า ที่ดันมาฟอร์็มตก.. เมื่อเป็นเช่นนี้ใคระจะไปสร้างโอกาสทองให้กองหน้าได้ละครับ ?

มันอาจจะเป็นเพียงตรรกะที่ถูกยกตัวอย่างขึ้นมาแต่ผมก็คิดว่ามีส่วนไม่น้อยเลยจริงๆ ถ้าเทียบกับผลงานที่เป็นอยู่.. จะบุกแบบปีกก็ไม่ได้เพราะมีแต่นักเตะฝั่งซ้าย.. หรือจะไปหวังผลกองกลางตัวรุก ยอสซี่ เบนายูน ก็เจ็บ..

แฟรงค์ แลมพาร์ด เป็นเซ็นเตอร์มิดฟิลด์โดยตรงไม่ใช่พวกเชิงสูง จะให้จับไปยืนในจุดนั้นเดี๋ยวก็ขาดคนเชื่อมเกมในแบบที่เป็นช่วงกลางฤดูกาลอีก..

แล้วในเมื่อมันเป็นแบบนี้กองหน้า เบ็ดเสร็จ ที่ผมได้บอกไปก็เลยทำอะไรไม่ได้นอกจากต่างฝ่ายต่างเล่น ไร้ซึ่งการประสานงานแดนหน้า เอะอะได้บอลมาไม่คิดจะทำอะไรนอกจากกระผมมุ่งมั่นที่จะเลี้ยงขึ้นไปยิงเองกันทุกคน !!!

ผลสุดท้ายก็คือไม่มีประโยชน์.. ผมไม่อยากโทษว่าตอนนี้กองหน้าฟอร์มฝืดนะครับ แต่มันเป็นผลรวมจากทุกๆ อย่างไล่ตั้งแต่เกมฟูลแบ็คไม่อันตรายเหมือนเก่ายันกองกลางที่ขาดพวกวิสัยทัศน์แจ่มๆ มาสร้างเกมรุก.. ถ้าทีมทำเกมกันได้ ยังไงกองหน้าก็มีโอกาสได้หาจังหวะยิงดีๆ เองนั่นละครับ

จะพูดให้ถูกก็คือไม่ควรไปโทษใครมากเกินไปแต่ต้องเรียกความมั่นใจกลับมาให้ได้โดยเร็วที่สุดเพราะพวกนักเตะฝีเท้าดีก็ใกล้ที่จะหายเจ็บกันหมดแล้ว.. เรียกได้ว่าขุมกำลังใกล้จะฟูลทีมอีกครั้งก็คงไม่ผิด..

ถ้าหากทีมจะกลับมาฟอร์มยอดเยี่ยมอีกครั้งในตอนนี้ผมว่าอาจจะสายเกินไปแต่ัยังพอปรับจูนแก้ไขให้ดีขึ้นได้ทั้งในบอลลีกและถ้วยยุโรป..

หากแต่ว่าถ้าเกิดวันเวลาผ่านไปนักเตะสิงโตน้ำเงินครามยังไม่สามารถกลับไปเป็นแบบเก่าได้แล้วไซร้.. เหนือสิ่งอื่นใดเหล่าบรรดากองหลังที่ดูแล้วฟอร์มต่อเนื่องคงเส้นคงวาที่สุดคงจะตะโกนบอกกล่าวไปข้างหน้าพร้อมกันว่า...

พวกกูไม่ได้ยิงกันเป็นทุกนัดนะโว้ยยย !!!




Petrboat


ไม่ได้เขียนนานมากๆ ถ้าผิดพลาดประการใดก็ขออภัยด้วยครับ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์