เชลซี พลิกสภาพจากทีมรองกลับมาเอาชนะบาเยิร์น มิวนิก ได้แบบเหลือเชื่อด้วยการพลิกดวลจุดโทษ เอาชนะ ได้ 4-3
หลังจากที่เสมอกันในเวลา 1-1 คว้าแชมป์สมัยแรกของสโมสรได้สำเร็จ พร้อมคว้าโควตาไปยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลหน้าสำเร็จในฐานะแชมป์
การแข่งขันยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบชิงฯ ที่สนามอัลลิอันซ์ อารีน่า ที่มิวนิก วันที่ 19 พฤษภาคม เชลซี ส่งดาวิด ลูอิซ และแกรี่ เคฮิลล์ ที่หายเจ็บกลับมาช่วยทีมทัน และเลือกใช้งานไรอัน เบอร์ทรานด์ แบ็คดาวรุ่งขึ้นมาเล่นเป็นปีกซ้าย ขนาบข้างกับซาโลมง คาลู โดยกองกลางมีแฟรงค์ แลมพาร์ด และจอห์น โอบี มิเกล คุมเกม
ด้านบาเยิร์น มิวนิก ใช้งานเจโรม บัวเต็ง จับคู่กับแอนโตลี ทิโมชุค และมีดิเอโก คอนเตนโต เป็นแบ็คซ้าย แผงกลางมีโทนี่ โครส และบาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ พร้อมกับโธมัส มุลเลอร์ สนับสนุนเกมรุก มาริโอ โกเมซ หัวหอกร่วมกับ ริเบรี่ และร็อบเบน ขึ้นเกมริมเส้นทั้งสองด้าน
เริ่มเกมบาเยิร์น บุกเข้าใส่แบบไม่รีรอ ช่วง 10 นาทีแรกเป็นเจ้าบ้านได้ครองบอลบุกฝ่ายเดียว หลังจากนั้น เชลซี เริ่มตั้งตัวได้เก็บบอลทำเกมโต้กลับได้บ้าง เสือใต้เห็นเชลซี ตัดบอลได้จะเข้ามาบีบเกมเร็วทันทีเพื่อกดดันกันเกมสวนกลับเร็วของเชลซี
บาเยิร์นมิวนิก เป็นฝ่ายได้โอกาสส่องก่อนจากการโขกของมาริโอ โกเมซ บอลเหินข้ามคาน และเริ่มมีโอกาสไหลมาต่อเนื่อง จากจังหวะหลุดไปยิงของอาร์เยน ร็อบเบน ที่ได้ซัดบอลหน้าประตูเยื้องซ้าย แต่ติดปีเตอร์ เช็ก บอลกระดอนลอยไปชนเสา เด้งออกมาอย่างน่าเสียดาย
หลังจากนั้น บาเยิน์น ยังมีโอกาสได้ยิงอีกหลายครั้ง จังหวะลูกครอสของคอนเตนโต้ โยนมาเข้าทางปืน โธมัส มุลเลอร์ วอลเลย์ตามน้ำด้วยซ้ายแต่บอลหลุดกรอบไป แถมท้ายด้วยจังหวะยิงหน้าปากประตูบริเวณในเขตโทษที่อาร์เยน ร็อบเบน ติดเครื่องและจ่ายมาให้โธมัส มุลเลอร์ แต่โดนดาวิด ลูอิซ เข้าปะทะจนล้มไป แต่ผู้ตัดสินไม่ว่าอะไร บอลเลยมาถึงมาริโอ โกเมซ หลอกยิงก่อนจังหวะแรก บอลมาเข้าเท้าซ้าย ได้ซัดเต็มๆ แต่หัวหอกอินทรีเหล็ก ยิงเหินข้ามคาน
ครึ่งหลังบาเยิร์นลงมาโหมเกมเข้าใส่ทีมจากลอนดอนทันที นาทีที่ 53 ริเบรี่ ได้ซ้ำดาบสอง จากจังหวะลูกยิงของร็อบเบนไปติดกองหลังเชลซี มาเข้าทางปีกฝรั่งเศสยิงโล่งแต่ผู้ตัดสินเป่าเป็นลูกล้ำหน้า
การแข่งขันเลย 60 นาทียังเป็นเกมของบาเยิร์น มิวนิก ครองบอลบุกเข้าใส่มากกว่า กลายเป็นเชลซี ลงไปตั้งรับในแดนตัวเองแทบทั้งทีม ทิ้งดร็อกบาไว้ข้างหน้าคนเดียว
นาทีที่ 73 ดร็อกบา เริ่มมีโอกาสแผลงฤทธิ์ พาบอลหนีแผงหลังบาเยิร์นฯ เปิดบอลตัดเข้ากลางมาให้ได้เสียว คอนเตนโต้ ต้องเข้ามาสกัด ออกหลัง เชลซีเพิ่งได้เตะมุมเป็นครั้งแรกในเกมนี้
นาทีที่ 82 คอนเตนโต้ ครอสบอลจากกราบซ้ายไปที่เสาไกลให้โธมัส มุลเลอร์ สอดขึ้นมาด้านหลังโขกกดลงพื้นผ่านบอลกระดอนเสยใต้คาน ผ่านมือปีเตอร์ เช็ก ตุงตาข่าย ได้ประตูขึ้นนำที่ต้องการจนได้
หลังโดนขึ้นนำเชลซี เปลี่ยนตัวส่งมาลูด้า แทนไรอัน เบอร์ทรานด์ และส่งเฟร์นันโด ตอร์เรส แทนซาโลงมง คาลู ขณะที่บาเยิร์น มิวนิก เปลี่ยนมุลเลอร์ ออกใช้งานฟาน บุยเต็น ลงมาช่วยเกมรับ
นาทีที่ 87 เชลซี ได้ลูกเตะมุมครั้งที่ 2 ดิดิเยร์ ดร็อกบา ฉีกหนีบัวเต็ง ตัวประกบโขกบอลเข้าตาข่ายเฉย ตามตีเสมอ 1-1 ได้แบบทันควัน ต่อลมหายใจในเกมออกไป จนผู้ตัดสินเป่าหมดเวลา ต้องเล่นต่อเวลาพิเศษ
ช่วงต่อเวลาพิเศษ
ต้นครึ่งแรกเฟร์นันโด ตอร์เรส มีโอกาสหลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษ โดยมีแข้งบาเยิร์น ตามเข้ามาประกบ 2 คน โดยบัวเต็ง เบียดตอร์เรส ล้มลงแต่ผู้ตัดสินไม่ว่าอะไร หลังจากนั้น ไม่ถึง 2 นาที ฟรองค์ ริเบรี่ ลากบอลไปในกรอบเขตโทษ โดนดิดิเยร์ ดร็อกบา สะกิดขาด้านหลังล้มลงไป ผู้ตัดสินเป่าให้เป็นจุดโทษ ทีมให้ร็อบเบน อดีตแข้งเชลซีสังหาร สุดท้ายยิงไปทางขวาติดเซฟปีเตอร์ เช็ก พลาดโอกาสทองในการขึ้นนำ
และบาเยิร์น ต้องเปลี่ยนริเบรี่ ออกด้วยหลังแข้งบาเยิร์น เจ็บจากจังหวะดังกล่าว หลังจากนั้น บาเยิร์น ยังเป็นฝ่ายครองบอลทำเกมบุกแต่เจาะแนวรับเชลซีไม่ได้ สุดท้ายต้องดวลกันถึงจุดโทษ
ยิงจุดโทษ
ฟิลิป ลาห์ม, มาริโอ โกเมซ, มานูเอล นอยเออร์ ผู้รักษาประตูของบาเยิร์นฯ ยิงเข้าสำเร็จ แต่มาเริ่มติดขัดที่อิวิก้า โอลิช ยิงไปทางขวาโดนปีเตอร์ เช็กเซฟได้ และบาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ ยิงไปชนเสา
ด้าน ฮวน มาต้า ยิงคนแรกติดเซฟมานูเอล นอยเออร์ ส่วน ดาวิด ลูอิซ, แอชลี่ย์ โคล, แฟรงค์ แลมพาร์ด และดิดิเยร์ ดร็อกบา ยิงปิดท้ายบุกมาเอาชนะบาเยิร์นถึงถิ่น คว้าแชมป์สมัยแรกของทีมสำเร็จ ลบความผิดพลาดจากการพ่ายจุดโทษให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อปี 2007-08 กลายเป็นทีมที่ 5 จากอังกฤษที่ได้สัมผัสถ้วยแชมป์ยุโรป และเป็นทีมแรกที่ประกบแชมป์เอฟเอ คัพ กับ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในฤดูกาลเดียวกัน นับตั้งแต่แมนฯยูฯทำเทรเบิลแชมป์เมื่อปี 1999
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
