เชลซี 10 คนสุดต้านพ่ายบาร์ซ่า-เบรเมนยิงยูเว่ร่วงท้ายเกม

เชลซี 10 คนสุดต้านพ่ายบาร์ซ่า-เบรเมนยิงยูเว่ร่วงท้ายเกม

เกมเดือดเมื่อ เดล ออร์โน่ สกัดหนักใส่ เมสซี่

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 23 กุมภาพันธ์ 2549 04:54 น.

เชลซี ทีมดังจากเกาะอังกฤษเหลือผู้เล่นในสนามแค่ 10 คนตั้งแต่ครึ่งเวลาแรกทำให้พ่ายคาถิ่นให้แก่ บาร์เซโลน่า จากสเปน 1-2 ส่วน แวร์เดอร์ เบรเมน สโมสรจากเยอรมันเปิดบ้านบดเอาชนะ ยูเวนตุส จากอิตาลี ไปได้ในช่วงท้ายเกม 3-2 ในศึกฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดแรก

ศึกฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดแรก
เชลซี (อังกฤษ) 1-2 บาร์เซโลน่า (สเปน)

โฮเซ่ มูรินโญ่ เดินนำทัพ สิงห์บลูส์ เชลซี ทำศึกยุโรปสุดเดือดกับ บาร์เซโลน่า ซึ่งเกมนี้เจ้าถิ่นมีปัญหาเรื่องตัวผู้เล่นเล็กน้อยเมื่อ วิลเลี่ยม กัลลาส ปราการหลังสารพัดประโยชน์ประสบปัญหาบาดเจ็บ ส่วนแดนกลางไร้ มิคาเอล เอสเซียง ที่ติดโทษแบน ทำให้ส่งส่ง ไอเดอร์ กุ๊ดยอห์นเซ่น ลงมาประจำการ ในแดนหน้าให้ เฮอร์นัน เครสโป ลงเป็นตัวเป้าโดยได้รับการสนับสนุนเกมรุกจากทั้ง โจ โคล และอาร์เยน ร็อบเบน

ด้าน แฟร้งค์ ไรจ์การ์ท หวังพาทีม เจ้าบุญทุ่ม มาล้างแค้นเชลซี และไม่มีปัญหาในการจัดทีมแต่อย่างใด แนวรับอาศัย คาร์เลส ปูโยล กัปตันทีมคอยค้ำร่วมกับ ราฟาเอล มาร์เกซ แดนกลางมี เดโก้ ซูซ่า เป็นห้องเครื่อง ส่วนสามประสานแดนหน้าเป็นการผนึกกำลังกันของ โรนัลดินโญ่ , ซามูเอล เอโต้ และลิโอเนล เมสซี่

เริ่มเกมการแข่งขันเป็นทาง เชลซี อาศัยความเป็นเจ้าถิ่นและคุ้นเคยสภาพสนามของตัวเองมากกว่า เป็นฝ่ายครองเกมบุกเอาไว้ได้ในช่วง 15 นาทีแรก แต่โอกาสลุ้นประตูแรกกลับกลายเป็นของบาร์เซโลน่าเมื่อ เมสซี่ ทำเกมขึ้นไปทางขวาก่อนตบเข้ากลางให้ เอโต้ แตะต่อจะให้ โรนัลดินโญ่ ยิงแต่ดาวเตะบราซิเลียน พยายามจะล็อกหนึ่งจังหวะก่อนง้างยิง แต่ก็ช้าไปโดนแผงรับเจ้าบ้านเคลียร์พ้นอันตรายไปได้

ผ่านครึ่งชั่วโมง บาร์เซโลน่า ค่อยๆ ทำเกมกันขึ้นมาจังหวะต่อบอลเร็วตามช่องเริ่มได้ผล สามารถเป็นฝ่ายครองเกมได้มากกว่าเชลซี และก็น่าจะได้ประตูอีกครั้งเมื่อ โอเลเกร์ เติมเกมไปสุดเส้นหลังฝั่งขวาก่อนเปิดเข้ากลางให้ โรนัลดินโญ่ วิ่งเข้ามาหวดด้วยขวาเต็มๆ แต่เป็น เช็ก ที่เซฟให้เจ้าถิ่นไว้ได้

เกมเริ่มจะเดือดขึ้นโดยนักเตะบาร์เซโลน่าเริ่มไม่พอใจที่ เมสซี่ ซึ่งขึ้นเกมได้วูบวาบโดนตัดเกมเล่นงานจาก เดล ออร์โน่ หลายหน ทำได้มีปากเสียงกับบรรดานักเตะเชลซีที่เข้าไปปกป้องเพื่อนเช่นกัน และจากการตัดเกมดังกล่าวทำให้เจ้าถิ่นต้องเสียผู้เล่นไปหนึ่งคนเมื่อ เดล ออร์โน่ แบ็กชาวสเปนโดนใบแดงไล่ออกจากสนามในนาทีที่ 37 ทำให้ มูรินโญ่ ต้องแก้เกมด้วยการส่ง เฌเรมี่ เอ็นจิตั๊ป ลงไปเล่นแทน โคล

เมื่อได้เปรียบเรื่องตัวผู้เล่น บาร์เซโลน่า เดินเกมบุกอย่างสนุกแต่ยังไม่สามารถฝ่าด่านเกมรับของเชลซีได้ แต่ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีที่ 4 ทีมเยือนร้องจะเอาลูกจุดโทษเมื่อ มาร์เกซ พักอกยิงในเขตโทษบอลพุ่งไปโดนแขน เฌเรมี่ เต็มๆ แต่ผู้ตัดสินจากนอร์เวย์ ไม่เป่าให้เป็นลูกที่จุดโทษแต่อย่างใดทำให้จบ 45 นาทีแรก สกอร์ยังตรึงอยู่ที่ 0-0

กุ๊ดยอห์นเซ่น แย่งลูกโหม่งกับ ม็อตต้า

มูรินโญ่ ปรับเกมอีกครั้งด้วยการส่ง ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา ศูนย์หน้าตัวแกร่งลงมาเล่นแทน เครสโป ที่ 45 นาทีแรกกระดิกแทบไม่ออก และเปิดฉากครึ่งหลังกลับเป็นเชลซีที่เหลือผู้เล่นน้อยกว่าเดินเกมบุกรุกเร้าเข้าใส่ ร็อบเบน ได้กระชากเข้าไปยิงทางกราบซ้ายแต่ไปติดบล็อกแผงหลังบาร์เซโลน่า ทีมเยือนมีโอกาสลุ้นก่อนหนึ่งชั่วโมงเช่นกันเมื่อ ม็อตต้า ได้สับด้วยขวาจากนอกกรอบบอลพุ่งข้ามคานไปแบบได้ลุ้น

เกมเดินทางมาถึงนาทีที่ 59 แฟนๆ สิงห์บลูส์ได้เฮกันลั่นสนามเมื่อ แลมพาร์ด สาดฟรีคิกทางด้านซ้ายบอลพุ่งแรงไปแฉลบขา ม็อตต้า บอลพุ่งผ่านตัว บัลเดส ที่กะจะพุ่งออกมาป้องกันเข้าประตูไปทำให้เชลซี ขึ้นนำ 1-0 พอเสียประตูไป บาร์เซโลน่า เปิดเกมรุกคืนทันทีและก็ได้ลุ้นจากการขึ้นเกมทางกราบขวาของเมสซี่ แต่บอลที่ผ่านไปหน้าประตูเลยนักเตะทั้งสองทีมไปหมด และไรจ์การ์ท หันมาแก้เกมให้ทีมเยือนบ้างด้วยการเติมเกมรุกเต็มตัวส่ง เฮนริค ลาร์สสัน กองหน้าตัวเก๋าลงสนามไปเล่นแทน ม็อตต้า ผู้ทำเข้าประตูตัวเอง อีกทั้งยังให้ ซิลวินโญ่ แบ็กจอมบุกมาเล่นแทน ฟาน บรองฮอร์สท์

ในที่สุดทีมเยือนก็ตามตีเสมอ 1-1 สำเร็จเริ่มจากจังหวะฟรีคิก โรนัลดินโญ่ เปิดบอลเข้าไปลุ้นในเขตโทษแต่เป็น เทอร์รี่ ที่สอดหัวเข้ามาโหม่งบอลผิดเหลี่ยมเข้าประตูตัวเองหมดปัญญาที่ เช็ก จะป้องกันไว้ได้ และเมื่อได้ประตูบาร์เซโลน่า เปิดฉากบุกใส่แบบได้ใจ เมสซี่ ได้ล็อกเข้ามายิงด้วยซ้ายบอลพุ่งไปชนคานจังๆ

เข้าสู่ช่วง 15 นาทีสุดท้าย บาร์เซโลน่า ดาหน้าบุกใส่เป็นระลอก เอโต้ หลุดเข้าไปยิงติดเซฟของเช็ก บอลกระเด้งมาให้ โรนัลดินโญ่ ปั่นซ้ำเข้าไปแต่เป็น เทอร์รี่ ยืนเฝ้าเส้นพอดีจึงเคลียร์ออกมาได้หวุดหวิด เมื่อเกมเริ่มเป็นรอง มูรินโญ่ ส่งเอา ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์ ลงมาขึ้นเกมแทน ร็อบเบน ซึ่งดูจะล้าๆ ลงไป และเชลซีก็ได้ลุ้นบ้างเมื่อ ดร็อกบา หลุดเดี่ยวเข้าไปจิ้มบอลติดมือ บัลเดส

แต่แล้วในนาทีที่ 80 กลายเป็นบาร์เซโลน่า ขึ้นนำ 2-1 จนได้จากจังหวะสวนกลับ โรนัลดินโญ่ ไหลบอลออกซ้ายให้ ลาร์สสัน ไหลต่อให้ มาร์เกซ เปิดบอลแบบเหมาะเหม็งไปเสาสองให้ เอโต้ โหนโขกบอลเสียบตาข่าย ช่วงเวลาที่เหลือทีมเยือนปิดเกมสำเร็จครบ 90 นาที ถือความได้เปรียบเอาไว้ได้ก่อนจะกลับไปเล่นที่บ้านของพวกเขาอีกสองสัปดาห์ข้างหน้า

รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
เชลซี : ปีเตอร์ เช็ก , เปาโล แฟร์ราร่า , ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ , จอห์น เทอร์รี่ , อาเซียร์ เดล ออร์โน่ , ไอเดอร์ กุ๊ดยอห์นเซ่น , โคล้ด มาเกเลเล่ , แฟร้งค์ แลมพาร์ด , โจ โคล , เฮอร์นัน เครสโป , อาร์เยน ร็อบเบน

บาร์เซโลน่า : บิคตอร์ บัลเดส , โอเลเกร์ เปรซาส , คาร์เลส ปูโยล , ราฟาเอล มาร์เกซ , โจวานนี่ ฟาน บรองฮอร์สท์ , เดโก้ ซูซ่า , โฮเซ่ เอ็ดมิลสัน , ติอาโก้ ม็อตต้า , โรนัลดินโญ่ , ซามูเอล เอโต้ , ลิโอเนล เมสซี่

สรุปผลการแข่งขันฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดแรก ประจำคืนวันพุธ

อาแจ๊กซ์ อัมสเตอร์ดัม (ฮอลแลนด์) 2-2 อินเตอร์ มิลาน (อิตาลี)
[1-0 : มาร์ค แยน ฮันเตลาร์ (น.16) , 2-0 : เมาโร โรซาเลส (น.20) , 2-1 : เดยัน สแตนโควิช (น.49) , 2-2 : ฮูลิโอ ครูซ (น.86)]

เชลซี (อังกฤษ) 1-2 บาร์เซโลน่า (สเปน)
[1-0 : ติอาโก้ ม็อตต้า (ทำเข้าประตูตัวเอง น.59) , 1-1 : จอห์น เทอร์รี่ (ทำเข้าประตูตัวเอง น.72) , 1-2 : ซามูเอล เอโต้ (น.80)]

กลาสโกว์ เรนเจอร์ส (สกอตต์แลนด์) 2-2 บียาร์รีล (สเปน)
[0-1 : ฮวน โรมัน ริเคลเม่ (จุดโทษ น.8) , 1-1 : ปีเตอร์ โลเวนครานส์ (น.22) , 1-2 : ดีเอโก้ ฟอร์ลัน (น.35) , 2-2 : มาร์กอส เซนน่า (ทำเข้าประตูตัวเอง น.82)]

แวร์เดอร์ เบรเมน (เยอรมัน) 3-2 ยูเวนตุส (อิตาลี)
[1-0 : คริสเตียน ชูลซ์ (น.39) , 1-1 : พาเวล เนดเวด (น.73) , 1-2 : ดาวิด เทรเซเก้ต์ (น.82) , 2-2 : ทิม โบรอฟสกี้ (น.87) , 3-2 : โยฮัน มิกูด์ (น.90)]

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์