เจ้าพ่อแฉลบ!แลมพ์ยิงดับหงส์10ตัว

เจ้าพ่อแฉลบ!แลมพ์ยิงดับหงส์10ตัว

เจ้าพ่อแฉลบ!แลมพ์ยิงดับหงส์10ตัว

เจ้าพ่อลูกแฉลบแฟร็งค์ แลมพาร์ดยังคงเครื่องหมายการค้าไว้ได้อย่างสม่ำเสมอหลังยิงชนคาร์ราเกอร์ย้อยเสียบตาข่ายก่อนเชว่ามาปิดกล่อง 2-0 นาทีสุดท้ายให้เชลซีเขี่ยลิเวอร์พูลร่วงคาร์ลิ่ง คัพรอบ 8 ทีมสุดท้ายไปตามระเบียบและเป็นความพ่ายแพ้สามนัดจากสี่นัดหลังของลูกทีมราฟาเข้าให้แล้ว

เชลซี 2-0 ลิเวอร์พูล

ประตู :
1-0 แลมพาร์ด น.59,2-0 เชว่า น.90

ศึกคาร์ลิ่ง คัพรอบ 8 ทีมสุดท้ายคู่สุดท้ายเป็นเจ้าถิ่นเชลซีที่จัดทัพเกือบใหญ่โดยมีแค่สก็อตต์ ซินแคลร์เจ้าหนูดาวรุ่งลงยืนคู่หน้าแต่พักโจ โคลไว้ที่ม้านั่งสำรอง

ในขณะที่ลิเวอร์พูลทีมเยือนไม่มีเฟอร์นานโด ตอร์เรสที่ราฟาตัดสินใจพักส่วนสตีเฟ่น เจอร์ราร์ดท้องเสียแต่มีชาบี้ อลอนโซ่ลงยืนโฮลดิ้งบอลช่วยแนวรับที่มีแจ็ค ฮอบบ์ยืนคู่คาร์ราเกอร์ส่วนแดนหน้าใช้สามหอกเป็นบาเบิ้ล,ปีเตอร์ เคราช์และโวโรนิน

ช่วงแรกเป็นเชลซีที่เป็นฝ่ายขึงเกมอยู่พักใหญ่โดยที่หงส์แดงพยายามเข้าแย่งเร็วแต่ดูเหมือนยังมีปัญหาในการตั้งเกมเนื่องจากมีแต่มิดฟิลด์ตัวรับอย่างอลอนโซ่,ซิสโซโก้และไลว่า

แต่นาทีที่ 8 ทีมเยือนได้เสียวก่อนไลว่าทำสวยหลังพลิกหลบผู้เล่นเชลซีตรงระยะ 30 หลาก่อนไหลให้ปีเตอร์ เคราช์วิ่งลากเข้าเขตโทษมานิดนึงก่อนตะบันเต็มๆแต่บอลแป๊กค่อยๆไหลออกหลังไปอย่างน่าอดสู

หงส์แดงเริ่มทำเกมและได้บอลมากขึ้นแต่เชลซีเองก็ยังมีเอสเซียง,แลมพาร์ดและมิเกลคอยเก็บบอลกลับมาทวงการครองบอลกลับคืนอย่างรวดเร็ว

นาทีที่ 12 เชลซีได้โอกาสครั้งแรกและได้เสียวทันทีหลังเชฟเชนโก้ตบบอลจากเส้นหลังให้กาลูง้างเท้าอัดเต็มๆแต่อีตองด์เช่ยืนปิดมุมประสานมือปัดออกหลังเสียเตะมุมไป

อีกนาทีเดียวบาเบิ้ลทำเสียของหลังได้บอลยาวหลุดขึ้นมาทางปีกซ้ายก่อนลากเข้าในเขตโทษและล็อกหลบมิเกลจนเสียหลักล้มลงแต่แทนที่จะเลือกยิงแต่กลับไหลให้เพื่อนหน้าเขตโทษเลยถูกบริดจ์ซึ่งยืนดักอยู่แหย่ขาสกัดทันควัน

แต่นาที 21 เชลซีน่าจะขึ้นนำหลังแลมพาร์ดเตะมุมมาเสาแรกเป็นคาลูโขกเผาเขนเช็ดออกหลังไป จังหวะนี้ผู้เล่นทั้งสองทีมโผนมาโขกกันมากหน้าหลายตาเลยไม่มีโอกาสได้คิดอะไรเลย

อีก 3 นาทีต่อมาแจ็ค ฮอบบ์พลาดถูกเชฟเชนโก้ฉกลากเข้าหน้าเขตโทษก่อนป้ายไปกลางเขตโทษให้แลมพ์หลุดไปล่อเป้ากับอีตองด์เช่แต่แข้งทีมชาติอังกฤษจะเอาสวยชิพหมายให้ข้ามหัวแต่ติดหัวไหล่นายทวารมือสองที่หันหน้าหลบแหยงบอลออกหลังไปอย่างไม่น่าเชื่อ

แต่อีกนาทีเศษๆลิเวอร์พูลน่าจะขึ้นบ้างหลังต่อบอลจังหวะเดียวสวยงามตั้งแต่ไลว่าให้โวโรนินก่อนเป็นเคราช์ทำชิ่งพรวดเดียวให้แข้งแซมบ้าหลุดเข้าไปอัดเต็มข้อโล่งๆในกรอบโทษแต่เช็กไวทายาทล้มตัวปัดอย่างสุดยอด

สก็อตต์ ซินแคลร์ของเชลซีใช้ได้เลยเพราะกล้าเล่นจนป่วนแนวรับหงส์แดงหลายครั้งโดยทำชิ่งเร็วกับเชว่าก่อนหลุดเข้าเขตโทษและกำลังจะตบเข้ากลางแต่ถูกออเรลิโอสไลด์ดักออกหลังหวุดหวิด

ก่อนหมดครึ่งแรก 10 นาทีเชลซีได้เตะมุมอีกแลมพ์ปั่นมาถูกโหม่งเคลียร์แต่เข้าทางเอสเซียงที่ยิงนอกเขตบอลพุ่งถากเสาออกไปฉิวเฉียด จากภาพช้าตัวคุมเสาสองคนของผู้เล่นทีมเยือนถูกติวมาดีวิ่งดันขึ้นจังหวะที่เอสเซียงกำลังจะยิงหลังมีบทเรียนจากเกมที่แพ้ปิศาจแดงมา

ทีมเยือนพยายามต่อบอลทำเกมกันขึ้นมาแม้จะไม่หวือหวาแต่ถือว่าใช้ได้โดยบอลมาพักที่บาเบิ้ลตรงปีกซ้ายค่อนข้างเยอะรวมทั้งอลอนโซ่ที่คอยดึงจังหวะช้าและวางยาวแต่เชลซีเล่นได้เป็นระเบียบในแนวรับทำให้ลูกทีมราฟายังทำอะไรไม่ได้หมดครึ่งแรกเสมอกัน 0-0

เริ่มครึ่งหลังมานาที 53 คาลูกลากเลื้อยเข้ามาเองและดึงผู้เล่นลิเวอร์พูลมาถึงสามก่อนไหลออกมาให้แลมพาร์ดยิงไกล 20 หลาโล่งๆแต่บอลกลับโด่งออกไปอย่างไม่น่าเชื่อ

จากนั้นอีกนาทีเดียวเชลซีมาชุดใหญ่จากการลากเลื้อยของซินแคลร์จี้เข้าหาคาร์ราเกอร์แต่เลี้ยงไม่ผ่านโดนแหย่แต่บอลไปเข้าทางเอสเซียงที่แต่งจังหวะนึงก่อนอัดบนเส้นโทษบอลกำลังจะเสียบตาข่ายแต่อีตองด์เช่ที่วันนี้เล่นดีสุดๆลอยตัวบินปัดอย่างสุดสวย

นาที 55 ลิเวอร์พูลน่าจะขึ้นนำสุดๆหลังเบลเล็ตติโหม่งคืนหลังให้เช็กไม่ดูตาม้าตาเรือเป็นเคราช์ที่ฉกได้แล้วพยายามแตะข้ามหัวเช็กที่ออกมาเร็วปัดทันเลยรอดตัวกันไป

แต่แล้วหงส์แดงดวงกุดไม่เลิกหลังแลมพาร์ดหลุดไปยิงในกรอบโทษแต่คาร์ราเกอร์สไลด์บล็อกทันแต่ลูกแฉลบย้อยข้ามหัวอีตองด์เช่เสียบหน้าต่างเสาไกลเข้าไปอย่างสุดช็อก เชลซีนำ 1-0

สถานการณ์แย่หนักเข้าไปอีกหลังปีเตอร์ เคราช์กระโดดยันสองขาใส่ด้านหลังมิเกลอย่างน่าเกลียดและถูกไล่ออกทันที จังหวะนี้ต้องบอกว่าสมควรสุดๆเพราะน่าเกลียดกว่าใบแดงของเดนิลสันและโซโกร่าหลายเท่านัก

นาที 64 อีตองด์เช่ต้องทำงานหนักต่อไปหลังทุบลูกยิงนอกเขตของแลมพาร์ดก่อนมาคว้าจังหวะสองอีกต่อนึง

ตอนนี้เกมกลายเป็นของเชลซีอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดโดยที่แจ็ค ฮอบบ์กลายเป็นบ่อน้ำมันที่ถูกเจาะอย่างสนุกสนาน

ลิเวอร์พูลไม่รู้จะหาโอกาสทำประตูจากตรงไหนเพราะเกมตายสนิทและสภาพแบบนี้ต้องเซ็ตพีซหรือฉาบฉวยเท่านั้นที่จะตีเสมอเชลซีได้

ก่อนหดมเวลา 13 นาทีจากลูกชุลมุนแย่งกันมั่วซั่วตรงระยะ 40 หลาเป็นโรโวนินที่ได้บอลก่อนแปะออกด้านข้างกรอบโทษฝั่งขวาให้เอลซาร์วิ่งมาอัดเต็มข้อแต่บอลไม่ตรงแป๊กออกหลังไปอย่างน่าเหนื่อยใจ

แถมอีกนาทีเดียวต่อมาเชลซีจ่ายบอลคืนหลังไม่ดีกลายเป็นโวโรนินที่ควบลากเข้ามาถึงกรอบโทษแต่ตอนยิงมุมค่อนข้างตีบเลยอัดถากเสาไปเอง

พอเหลือ 10 ตัวเกมทีมเยือนเละเทะสุดๆเพราะต่อกันไม่ขึ้นเลยและเหมือนรอวันเวลาปิดเกมของเชลซีแถมโมโม่มาอารมณ์เสียเตะบอลทิ้งรับใบเหลืองไปอีกคน เค้าคงนึกว่าเป็นซูเปอร์สตาร์ล่ะมั๊งเนี่ย

ช่วงเวลาที่เหลือลิเวอร์พูลไม่มีนักเตะมหัศจรรย์ในสนามที่จะเปลี่ยนเกมและมาถูกตอกฝาโลงในนาที 90 โดยเป็นจังหวะที่เหมือนไม่มีอะไรเพราะบริดจ์ถูกรุมสองหนึ่งอยู่ที่มุมธงก่อนสับขาหลอกแล้วเปิดยาวเข้าเขตโทษเป็นบัลลัคที่โหม่งแย่งกับคาร์ราเกอร์แต่บอลไปตกใส่หัวเข้าทางเชฟเชนโก้ที่แอบอยู่เสาสองคนเดียวอัดตูมเสียบเสาแรกช่องนิดเดียวเข้าไปอย่างสวยงาม จบเกมเชลซีเข้ารอบรองชนะเลิศอย่างสมเกียรติ

รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม

เชลซี : ปีเตอร์ เช็ก,เวย์น บริดจ์,ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่,ชูลิโอ เบลเลตติ,ทัล เบน ฮาอิม,มิกาเอล เอสเซียง,จอห์น โอบี มิเกล(บัลลัค น.68),แฟร็งค์ แลมพาร์ด,ซาโลมง กาลู,อังเดร เชฟเชนโก้,สก็อตต์ ซินแคลร์(โจ โคล น.57)

ตัวสำรองไม่ได้ลงสนาม : คูดิชินี่,ซิดเวลล์,แฟร์เรียร่า

ลิเวอร์พูล : ชาร์ลส์ อีตองด์เช่,อัลบาโร่ อาร์เบลัว,เจมี่ คาร์ราเกอร์,แจ็ค ฮอบบ์,ฟาบิโอ ออเรลิโอ,โมโม่ ซิสโซโก้,ลูคัส ไลว่า,ชาบี้ อลอนโซ่(เอล ซาร์ น.60),อังเดร โวโรนิน,ปีเตอร์ เคราช์,ไรอัล บาเบิ้ล(เบนายูน น.73)

ตัวสำรองไม่ได้ลงสนาม : มาร์ติน,ฮูเปีย,ริเซ่



































 

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์