หอยบ้อท่า!เจ๊าฟูแล่มไร้สกอร์-วืดชัยชนะ 6 นัดรวด


 
ราฟาเอล เบนิเตซยังทำให้แฟนบอลเชลซีร้องยี้ต่อไปเมื่อเล่นในบ้านตัวเองแท้ๆดันทำได้แค่เสมอฟูแล่มไปแบบสมควรแล้ว 0-0 ถึงตอนนี้สิงห์บลูส์ไม่ชนะใครเลยตลอด 6 นัดที่ผ่านมาทำให้ถูกแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดจ่าฝูงทิ้งห่างไป 7 คะแนนแล้ว

ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก

วันพุธที่ 28 พฤศจิกายน 2555


เชลซี 0 : 0 ฟูแล่ม

สนาม : สแตมฟอร์ด บริดจ์

ประตู :


เชลซีที่ไม่ชนะใครในลีกมา 5 เกมติดหมดสิทธิ์ใช้งานจอห์น เทอร์รี่กับแฟรงค์ แลมพาร์ดที่เดี้ยงต่อไปเช่นเดียวกับแดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ ขณะที่ฆวน มาต้าเป็นเพียงตัวสำรองในเกมนี้โดยมีไรอัล เบอร์ทรานด์ลงไปป่วนกราบซ้ายแทน ด้านโอริออล โรเมวก็ได้ลงมาตัดเกมแทนที่ของจอห์น โอบี มิเกล

ฟูแล่มไม่สามารถใช้งานไบรอัน รุยซ์, คีแรน ริชาร์ดสันที่ยังบาดเจ็บ ด้านเบรเด้ ฮังเกลันด์ต้องชดใช้โทษแบนเป็นนัดที่สองจากสามเกม ส่วนความหวังในการล่าตาข่ายยังฝากไว้ที่ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ

ครึ่งแรก

รามิเรสประเดิมกดข้ามคาน
หลังมีประเด็นกับแฟนเชลซีมาตลอดสัปดาห์มาถึงเกมนี้เสียงโห่เบนิเตซก็เบาลงไปอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่นาที 6 ออสการ์ที่ครองบอลอยู่แถวหัวกระโหลกก็ไหลคืนหลังให้รามิเรสวิ่งเข้าหวดข้ามคาน


นาที 16 แฟนสิงห์จัดให้ราฟาตามนัด
ถึงนาที 16 สาวกสิงห์ลุกขึ้นปรบมือพร้อมตะโกนโอนลี่ วัน ดิ มัตเตโอให้โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโออดีตนักเตะและกุนซือผู้พาทีมคว้าถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีกส่วนอับราโมวิชนั่งหน้าบอกบุญไม่รับเช่นเดิม

ลูอิซซัดฟรีคิกข้ามคานยิ่งกว่าเล่นรักบี้
นาที 24 เชลซีมาได้ฟรีคิกระยะ 30 หลาหน้ากรอบเขตโทษแล้วเป็นลูอิซทายาทแข้งยิงควายตายอย่างอเล็กซ์ที่ขันอาสาวิ่งเข้าตะบันข้ามกำแพงพ้นคานออกไปแบบไม่ได้ลุ้นเท่าไหร่เลย

ตอร์เรสพลิกแล้วยิงเข้าซอง
เกมส่วนใหญ่ยังเป็นของเชลซีและในนาที 30 อัซปิลิกวยต้าก็ได้จังหวะเปิดเลียดจากริมเส้นฝั่งขวามาเข้าเท้าตอร์เรสที่พลิกตัวยิงลอดขาฮิวจ์สไปตรงตัวชวาร์เซอร์รับได้ไม่มีพลาด

โรดาเยก้าลองส่องไกลไม่ผ่านมือเช็ก
อย่างไรก็ตามฟูแล่มก็มีโอกาสตอบโต้ขึ้นมาบ้างในนาที 37 เมื่อรีเธอร์กระชากบอลลุยขึ้นไปทางกราบขวาก่อนเปิดมาหน้าเขตโทษให้โรดาเยก้าได้ตั้งป้อมซัดไปเข้าซองของเช็ก

จบครึ่งแรกไปแบบคนดูตาแทบปิด
ก่อนพักครึ่งเชลซีพยายามโหมเกมบุกเข้าใส่ฟูแล่มแต่ก็ไม่มีจังหวะจบสกอร์แบบจังๆเลยสักนิดทำให้จบครึ่งแรกสกอร์ยังหยุดอยู่ที่ 0-0 ต้องไปดูว่าเริ่มครึ่งหลังจะมีการปรับทัพกันบ้างไหม

ครึ่งหลัง

ออสการ์เกือบได้ง้างเท้าในเขตโทษ
เข้าสู่ครึ่งหลังนาที 50 เชลซีตัดบอลจากดัฟฟ์ได้ที่ริมเส้นก่อนที่อาซาร์กระชากบอลขึ้นหน้าแล้วจ่ายยัดให้ออสการ์ทะลวงเข้าไปในเขตโทษแต่ดิอาร์ร่าวิ่งเข้ามาสกัดไว้ได้อย่างเฉียบขาด

ริเซ่หลุดเดี่ยววอลเล่ย์แป๊ก
นาที 55 คารากูนิสปล่อยของด้วยการวางบอลยาวข้ามแนวรับเจ้าบ้านให้ริเซ่วิ่งสอดเข้าทางด้านซ้ายไปเผชิญหน้ากับเช็กแล้วแท้ๆแต่ดันวอลเล่ย์แป๊กเลยโดนบล็อกไปอย่างน่าเสียดาย

ตอร์เรสโหม่งชง-รามิเรสจบไม่ลง
สองนาทีถัดมาสิงห์บลูส์สาดบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษแล้วเป็นตอร์เรสที่โหม่งชงมาให้รามิเรสได้วิ่งเข้าจิ้มแบบไม่ต้องจับแต่เบาไปเลยเจอชวาร์เซอร์ล้มตัวรับไว้ได้อย่างไม่ยากเย็น

โปรโขกได้แค่เสียว
นาที 64 คารากูนิสสบช่องยิงที่หัวกระโหลกติดเซฟของเช็ก ขณะที่ไม่กี่นาทีถัดมามาต้าที่ลงมาแทนเบอร์ทรานด์ก็เปิดลูกเตะมุมฝั่งขวามาให้อิวาโนวิชเทคตัวโหม่งหลุดเสาไกลไปแบบได้ลุ้น

สิงห์บลูส์อาการไม่ดี
หลังจากนั้นลูอิซมาได้ใบเหลืองแก่ๆในนาที 74 หลังไปดักคารากูนิสในจังหวะวิ่งตัดไปรับบอลเข้าเขตโทษ ขณะที่นาทีถัดมาเบอร์บาตอฟไหลบอลจากซ้ายมาให้ริเซ่ส่องไกลไปโดนเช็กล้มตัวปัดออก

ตอร์เรสไร้โชคลูกยิงโดนสกัดก่อนข้ามเส้น
นาที 80 ออสการ์วางบอลไปให้ตอร์เรสพักบอลลงที่เสาซ้ายก่อนเอี้ยวตัววอลเล่ย์ผ่านมือชวารืเซอร์ไปแล้วแต่ยังมีฮิวจ์สวิ่งมาสกัดไว้ได้ก่อนข้ามเส้น ทำให้เจ้าบ้านต้องโหมเกมบุกต่อไป

จบเกมเชลซีทำได้แค่เสมอฟูแล่ม 0-0 ทำให้สิงห์บลูส์สะกดชัยในลีกไม่เจอเป็นนัดที่ 6 ติดต่อกันเทียบเท่ากับสถิติที่ย่ำแย่ที่สุดที่เกิดขึ้นช่วงเดือนพฤศจิกายน - ธันวาคม 2010 แถมตอนนี้ถูกแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดทิ้งห่างออกไปถึง 7 แต้มแล้วด้วยแม้ตอนนี้ขยับกลับมาอยู่ที่ 3 แล้วก็ตาม

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

เชลซี :
ปีเตอร์ เช็ก, บรานิสลาฟ อิวาโนวิช , ดาวิด ลูอิซ , เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า, แอชลี่ย์ โคล, โอริออล โรเมว , รามิเรส, ออสการ์, เอด็อง อาซาร์ (มาร์โก มาริน น.82), ไรอัน เบอร์ทรานด์ (ฆวน มาต้า น.63), เฟร์นานโด ตอร์เรส

สำรองไม่ได้ใช้ : รอสส์ เทิร์นบูลล์, เปาโล เฟร์ไรร่า, แกรี่ เคฮิลล์, จอห์น โอบี มิเกล, วิคเตอร์ โมเซส

เทรนเนอร์ : ราฟาเอล เบนิเตซ

ฟูแล่ม : มาร์ค ชวาร์เซอร์, ซาส์ช่า รีเธอร์, ยอห์น อาเน่ ริเซ่, ฟิลิปป์ เซนเดรอส, อารอน ฮิวจ์ส, มามาดู ดิอาร์ร่า (คริส แบร์ด น.64), สตีฟ ซิดเวลล์, จอร์จอส คารากูนิส (เคริม ฟราย น.74), ดาเมี่ยน ดัฟฟ์, ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ, ฮูโก้ โรดาเยก้า (มลาเดน เปทริช น.83)

สำรองไม่ได้ใช้ : นีล เอเธอร์ริดจ์, สตีเฟ่น เคลลี่, ปัจทิม คาซามี่, อัชคาน เดยากาห์

เทรนเนอร์ : มาร์ติน โยล

ผู้ตัดสิน : แอนโธนี่ เทย์เลอร์

















 


แหล่งที่มา: ขอขอบคุณ soccer suck

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์