หงส์ช่วยด้วย!เชลซีโหดแสดยำ 7-0 คืนฝูงเทพ

.

หงส์ช่วยด้วย!เชลซีโหดแสดยำ 7-0 คืนฝูงเทพ

แชมป์พรีเมียร์ลีกปีนี้คงเป็น หงส์แดง ลิเวอร์พูลทีเป็นผู้กำหนดหลังเชลซีไม่มีกดดันไล่อัดสโต๊ค ซิตี้ไร้ความปรานี 7-0 ด้วยแฮตทริกของซาโลมง กาลูทำให้ สิงห์ไฮโซ กลับไปแซงนำแมนฯยูไนเต็ด 1 แต้มเท่าเดิมส่วนประตูได้เสียทิ้งห่างผองปีศาจไป 8 ลูกแล้ว


พรีเมียร์ลีก

วันอาทิตย์ที่ 25 เมษายน 2553


เชลซี 7-0 สโต๊ค ซิตี้

ประตู : 1-0 ซาโลมง กาลู น.23 , 2-0 ซาโลมง กาลู น.31 , 3-0 แฟร้งค์ แลมพาร์ด(จุดโทษ) น.44 , 4-0 ซาโลทง กาลู น.68 , 5-0 แฟร้งค์ แลมพาร์ด น.82 , 6-0 แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ น.87 , 7-0 ฟลอร็องต์ มาลูด้า น.89


เชลซีเจ้าถิ่นมาตามโผคือส่งบรานิสลาฟ อิวาโนวิชหุบเข้าไปเล่นเซ็นเตอร์แทนจอห์น เทอร์รี่ที่โดนโทษแบน ในส่วนของแผนเกมนี้คาร์โล อันเชล็อตติเลือกใช้ 4-3-3 โดยใช้นิโกล่าส์ อเนลก้าและซาโลมง กาลูมายืนประคองดิดิเย่ร์ ดร็อกบาที่เป็นตัวเป้า

ครึ่งแรก

ช่วง 5 นาทีแรกรูปเกมตามคาดคือเชลซีเจ้าถิ่นต่อเกมหาจังหวะลุ้นประตูแต่ทีมเยือนยังต้านเอาไว้ได้ แถมยังมีจังหวะที่ฟูลเลอร์ได้บอลทางขวาแล้วพลิกหลบอิวาโนวิชเข้าไปในกรอบเขตโทษแต่จังหวะจ่ายเข้ากลางดันโดนสกัดทิ้งได้เสียก่อน

ช่วงต้นๆนี่ยังตัดสินอะไรไม่ได้เพราะ สิงห์บลูส์ เครื่องร้อนช้าและไม่ค่อยโหมทำเกมบุกในช่วงแรกๆของเกมอยู่แล้ว

หม้อซวยฟายเจ็บเดินออกหน้าซึม
สโต๊คต้องเสียกองหลังตัวหลักตั้งแต่นาทีที่ 8 เท่านั้นหลังอับดุลลาย ฟายกัปตันทีมมีอาการบาดเจ็บทำให้พูลิสส่งไรอัน ชอว์ครอสส์อดีตแข้งแมนฯยูไนเต็ดลงสนามแทน ต้องดูว่าจะกตัญญูทีมเก่าได้รึเปล่า

โซเรนเซ่นเหนียวหนึบเซฟเหลือเชื่อ
นาที 11 สโต๊คชะล่าใจจนเกือบเสียประตูเมื่อแลมพาร์ดได้บอลตรงหน้าเขตโทษระยะทำการเห็นๆเลยส่องไกลตามถนัดบอลพุ่งเข้ากลางประตูแล้วโซเรนเซ่นพุ่งปัดเอาไว้ได้แต่บอลดันมาเข้าทางแอชลี่ย์ โคลที่กางมุ้งรอซ้ำอยู่แล้วแต่แบ็กซ้ายช้ำรักก็ดันยิงไปติดเซฟโซเรนเซ่นอีกที เกือบนำแล้วสำหรับเจ้าถิ่น

ผ่านมา 20 นาทีเชลซีขึงเกมไว้ได้หมดแล้วและได้ลุ้นอีกทีจากลูกเตะมุม แลมพาร์ดเปิดบอลเข้ามาบอลลึกไปกระเด้งโดนตัวอเล็กซ์แล้วไปเข้าทางอเนลก้าซึ่งพยายามดีดกะให้เข้าเสาแรกแต่ทำได้แค่เฉี่ยวเสาออกไปเท่านั้น

เหลือเชื่อ!ดร็อกยิงออก
ยังไงก็ต้องนำแล้วสำหรับเชลซีจังหวะนี้ นาที 22 ฟูลเลอร์ได้บอลแล้วยึกยักกับอิวาโนวิชก่อนโดนเซ็นเตอร์ร่างเบิ้มสกัดออกมาได้บอลมาเข้าทางมาลูด้าที่ฉลาดเป็นกรดมองแว้บเดียวก่อนหยอดบอลโด่งทะลุช่องข้ามแนวรับทีมเยือนให้ดร็อกบาจับบอลเน้นๆก่อนกระดกหลบโซเรนเซ่นอีกจังหวะแต่ดันยกบอลขึ้นแล้วยิงข้ามคานออกไปเฉย แต่ได้เกาหัวเซ็งๆสำหรับหอกแดนงาช้าง

สิงห์สตาร์ทเครื่อง!กาลูชาร์จไม่เหลือ
กระนั้น ช่างปั้นหม้อ ที่มุดหัวรับอยู่เกือบตลอดก็ไม่รอดสันดอนโดนจนได้คราวนี้มาลูด้าได้บอลหน้าเขตโทษทางซ้ายแล้วสาดเปลี่ยนแกนให้ดร็อกบาทางขวาก่อนที่แข้งจอมถึกจะเปิดกึ่งยิงกึ่งผ่านแล้วฮิคกิ้นบ็อตแธ่มไม่รู้คิดอะไรปล่อยให้บอลผ่านตัวไปเฉยก่อนที่บอลจะไปถึงกาลูที่เข้าชาร์จสบายๆ 1-0 จนได้

กองแช่งนอนเต้อะ!กาลูซ้ำจ่อๆนำสองดอก-โซเรนเซ่นเจ็บ
ไม่ให้ลุ้นกันยาวๆเลยเมื่อเกมมาขาดตั้งแต่ 32 นาทีแรกเท่านั้นเพราะเชลซี นำ 2-0 จากจังหวะที่ดร็อกบาซึ่งยืนกลางสนามจิ้มบอลให้แลมพาร์ดยิงไกลเรียดของชอบอีกครั้งคราวนี้โซเรนเซ่นพลาดรับกระฉอกแล้วกาลูวิ่งหน้าโร่ตามเข้ามาแหย่เท้าจิ้มเข้าไปพร้อมๆกับที่โซเรนเซ่นจะกลับมาป้องกันทำให้โดนปลายสตั๊ดของหอกเชลซีเจ็บมือต้องถูกเปลี่ยนออกไปอีกและก็ไม่ฟาว์ลแน่ๆเพราะกาลูถึงบอลก่อน งานนี้สโต๊คเสียหายเพราะเสียโควต้าเปลี่ยนตัวไปถึง 2 คนแล้วด้วย

ดร็อกยิงนก
ไม่รู้ใจร้อนไปไหนสำหรับดร็อกบาหลังได้โอกาสอีกครั้งนาทีที่ 36 เมื่อรับบอลยาวจากแนวรับขึ้นมาแล้วพาบอลเข้าเขตโทษแต่ก็เลือกยิงหลังเท้าบอลหลุดกรอบแบบไม่มีลุ้นอะไรเลย

ช่วงท้ายครึ่งแรกเชลซีผ่อนเกมลงไปแต่สโต๊คก็ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันไม่ได้เลยมีแต่ฟูลเลอร์ที่วิ่งทางกราบขวาป่วนกองหลังเชลซีอยู่คนเดียว

ฮูธงุ่มง่ามทำหม้อเสียโทษ-แลมพ์ซัดไม่เหลือ 3-0
เกมจบตรงนี้แน่นอนแล้วและต้องบอกว่าเป็นความงุ่มง่ามไม่ทันเกมของฮูธในนาที 44 เมื่อกาลูจะได้หลุดเข้าไปในเขตโทษอยู่แล้วแต่ฮูธรั้งขาเอาไว้แต่กาลูเองก็ฉลาดกระโดดเป็นกระต่ายขาเดียวไว้จนไปล้มเอาในเขตโทษ ผู้ตัดสินเป่าก่อนที่จะเป็นแลมพาร์ดมือสังหารยิงเข้าไปไม่พลาด

หมดครึ่งแรกแม้ว่าจะทดเวลาไปถึง 6 นาทีแต่ก็วิ่งไล่เตะกันแก้บนจนจบครึ่งแรกเจ้าบ้านนำห่าง 3-0

ครึ่งหลัง

กาลูเกือบแฮตทริก
นาที 51 กาลูเกือบทำแฮตทริกและบวกลูกสี่ให้เชลซีเมื่อได้บอลหน้ากรอบเขตโทษก่อนโยกเข้าซ้ายแล้วปั่นเน้นๆแต่บอลข้ามคาน

ผ่านมาอีก 3 นาทีแอชลี่ย์ โคลโชว์พลิ้วเลี้ยงบอลตะลุยเข้ากรอบเขตโทษแล้วหลบหลังสโต๊คเกือบยกแผงแต่มาตายตอนจบในจังหวะที่จะจ่ายให้เพื่อนเข้าชาร์จเหน่งๆแต่โดนเตะทิ้งออกไปได้

ช่วงกลางครึ่งแรกเกมน่าเบื่อเอามากๆไม่มีจังหวะจบสกอร์กันเลยอาจเพราะว่าเกมมันขาดไปแล้วแถมเชลซีเองก็ไม่ได้เร่งอะไรมีจังหวะก็เข้าทำหวังบวกประตูได้เสียหนีแมนฯยูไนเต็ด

นิโก้มีเสียว
จนล่วงมาถึงนาทีที่ 65 เชลซีมีโอกาสอีกครั้งเมื่อทำเกมรุกขึ้นมาสุดท้ายเป็นอเนลก้าได้เอาบอลลงหน้ากรอบเขตโทษก่อนล็อกเข้าขวาแล้วกดหักข้อแต่บอลหลุดกรอบ

กาลูแฮตทริกสมใจเชลซีทิ้ง 4-0
สมหวังกันไปสำหรับซาโลมง กาลูนาที 68 หลังทำแฮตทริกได้สำเร็จเริ่มจากแลมพาร์ดได้บอลตรงครึ่งสนามแล้วจิ้มบอลทะลุช่องไปให้กาลูซึ่งฉีกหนีคอลลินส์กับฮิคกิ้นบ็อตแธ่มเพื่อกะเช็กล้ำหน้าแต่กองหลังอีกฝั่งดันไปยืนลึกทำให้กาลูไม่ล้ำแล้วได้บอลไปทางขวาหลุดเดี่ยวเข้าไปล่อเป้ากับเบโกวิชก่อนที่จะแปเน้นๆ เบโกวิชเซฟได้แต่กาลูก็ตามไปซ้ำไม่เหลือซาก เป็นแฮตทริกแห่งความทรงจำในฤดูกาลนี้ของเจ้าตัวเลยเพราะโอกาสโชว์ฟอร์มเด่นๆแบบนี้มีน้อยมาก

มาลูด้างงยิงไม่เข้าได้ไง ?
เกือบมีลูกห้าแล้วสำหรับเจ้าถิ่นแต่พลาดเหลือเชื่อเมื่อโจ โคลได้บอลทางขวาแล้วเปิดเข้ามาบอลติดขาแข้งสโต๊คแต่บอลมาเข้าทางอเนลก้าที่กึ่งยิงกึ่งผ่านเข้าไปกะให้มาลูด้าชาร์จโล่งๆหน้าประตูแต่ปีกเลือดเฟร้นช์ดันวางเท้าไม่ดีบอลเลยปลิ้นหลุดกรอบไปสุดเหลือเชื่อ นี่ถ้ายังไม่นำห่างขนาดนี้สงสัยมีโวยกันแน่

มาลูด้าช็อกรอบ 2!ยิงจ่อๆเบโกวิชเซฟเหลือเชื่อ
สงสัยดวงมันจะยิงไม่เข้าจริงๆสำหรับมาลูด้านาที 77 เมื่อพลาดบวกสกอร์ให้ตัวเองเหลือเชื่อเริ่มจากอเนลก้าได้บอลสวนกลับมาแล้วทำชิ่งกับดร็อกบาจนเข้าเขตโทษก่อนที่ นิโก้ จะยิงจังหวะแรกติดบล็อกแต่บอลยังปลิ้นมาเข้าทางหอกจมูกไวอีกครั้งคราวนี้เลือกจ่ายเน้นๆให้มาลูด้าหลอกกองหลังตรงเส้น 6 หลาชนิดเอาแข้งนอกลีกมายิงก็เข้าแต่มาลูด้าซึ่งเลือกยิงไปเสาแรกถูกเบโกวิชปัดออกไปเหลือเชื่อ !!

ประตูได้เสียนำขาด!แลมพ์ยิงเหนือ 5-0
เกมนี้เชลซีกินประตูได้-เสียกันอ้วนฉุหลังบวกประตูที่ 5 ซึ่งต้องบอกว่าเหนือชั้นจริงๆเมื่อฮัทชินสันแบ็กขวาดาวรุ่งเปิดบอลเข้ามาในเขตโทษก่อนที่แฟร้งค์กี้ที่ยืนรออยู่เสาสองจะใช้เท้าขวาจิ้มบอลย้อนทางหนีมือเบโกวิชเข้าไปอย่างเวิลด์ คลาส

เต็มที่คับพี่...สเตอร์ริดจ์ยิงลูกหก
นาที 87 งานนี้กองแช่งนั่งเมายาดองซึมกันแน่เมื่อเชลซีมาได้ประตูที่ 6 อีกคราวนี้ดร็อกบาแทงทะลุช่องให้สเตอร์ริดจ์หลุดเดี่ยวก่อนล็อกหนีเบโกวิชแล้วยิงง่ายๆ 6-0 ครับ

เข้าแล้ว!มาลูด้า 7-0
ยิงไม่เข้าเกมนี้สงสัยนอนไม่หลับนาที 89 สำหรับมาลูด้าหลังเชลซีได้ฟรีคิกแล้วแลมพาร์ดยิงติดกำแพงแต่ตามเก็บได้ก่อนชิพบอลข้ามหัวกองหลังให้โจ โคลที่ยืนอยู่ทางขวาเปิดเรียดเข้ากลางให้มาลูด้าชาร์จโล่งๆ ขึ้นสวรรค์ชั้นเจ็ดกันไป

จบเกม สิงห์ไฮโซ รัวปืนกลไล่ยำสโต๊คเละคาทีนส์ 7-0 กลับไปนำเป็นจ่าฝูงสุดมันส์พร้อมตุนประตูได้เสียเป็น +61 หนีแมนฯยูไนเต็ดสุดกู่ 8 ลูก พร้อมกันนี้เหลือเกมอีก 2 นัดสุดท้ายต้องลุ้นกันต่อไป

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

เชลซี : ปีเตอร์ เช็ก , เปาโล แฟร์เรยร่า(แซม ฮัทชินสัน น.73) , อเล็กซ์ , บรานิสลาฟ อิวาโนวิช , มิชาเอล บัลลัค , แฟร้งค์ แลมพาร์ด , ฟลอร็องต์ มาลูด้า , นิโกล่าส์ อเนลก้า , ซาโลมง กาลู(โจ โคล น.71) , ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา

สโต๊ค ซิตี้ : โธมัส โซเรนเซ่น(แอสเมียร์ เบโกวิช น.35) , โรเบิร์ต ฮูธ , อับดุลลาย ฟาย(ไรอัน ชอว์ครอสส์ น.8) , แดนนี่ ฮิคกิ้นบอตแธ่ม , เกล็นน์ วีแลน , รอรี่ ดีแล็ป , แม็ทธิว เอเธอร์ริงตัน , ดีน ไวท์เฮด , เดฟ คิตสัน(ตุนกาย ซานลี่ น.59) , ริคาร์โด้ ฟูลเลอร์














_________________
##### ได้รู้ความจริง ได้ยิ่งกว่าฟุตบอล อ่าน SoccerSuck #####

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์