สิงห์บลูส์ตีเจ๊าบาร์ซ่าทดเจ็บ-หงส์จิกบอร์กโดซ์ลิ่วยุโรป

สิงห์บลูส์ เชลซี ได้ประตูของ ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา


ในช่วงทดเวลาเจ็บทำให้ทีมตามตีเสมอ บาร์เซโลน่า 2-2 ด้าน หงส์แดง ลิเวอร์พูล เปิดรังไล่ถล่ม บอร์กโดซ์ 3-0 ลิ่วสู่รอบน็อกเอาต์ของศึกฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก สำเร็จ

แฟร้งค์ ไรจ์การ์ท กุนซือชาวดัตช์ หวังพา บาร์เซโลน่า เก็บชัยในเกมบิ๊กแมตช์กับ เชลซี ให้จงได้เพื่อลุ้นผ่านเข้ารอบน็อกเอาต์ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก


เกมนี้เจ้าถิ่นขนผู้เล่นชุดใหญ่ลงสนาม แดนกลางเสริม ติอาโก้ ม็อตต้า ลงมาช่วยงาน เดโก้ ซูซ่า ส่วนเกมรุกมีข่าวดีเมื่อ ลิโอเนล เมสซี่ วันเดอร์คิดทีมชาติอาร์เจนติน่า หายเจ็บกลับมาประสานงาน โรนัลดิโญ่ และไอเดอร์ กุ๊ดยอห์นเซ่น

ด้าน โฮเซ่ มูรินโญ่ หวังว่า เชลซี จะเก็บผลที่น่าพอใจกลับไปและผ่านเข้ารอบแบบอัตโนมัติ


เกมนี้ทีมเยือนปรับหมากเล่นหน้าตัวเดียวอีกครั้งให้ ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา ยืนค้ำ โดยเกมรุกจะได้รับการสนับสนุนจาก แฟร้งค์ แลพพาร์ด , มิชาเอล บัลลัค และอาร์เยน ร็อบเบน ส่วนแนวรับ คาลิด บูลาห์รุซ และแอชลี่ย์ โคล ประจำการแบ็กขวา-ซ้ายตามลำดับ

เริ่มเกมการแข่งขัน บาร์เซโลน่า ขึ้นนำ 1-0 ตั้งแต่นาทีที่ 3


เมื่อแผงเกมรับ เชลซี ปล่อยให้ เดโก้ ซูซ่า มีพื้นที่มิดฟิลด์ทีมชาติโปรตุเกสจึงกดด้วยขวาจากนอกกรอบส่งบอลผ่านมือ ฮิลาริโอ เข้าไปตุงตาข่ายอย่างสวยงาม แม้ทีมเยือนจะพยายามตั้งเกมรุก

แต่ก็เกือบจะเสียท่าให้เจ้าถิ่นอีก

ลิโอเนล เมสซี่ ลากเข้าไปสุดเส้นด้านขวาก่อนเปิดหักเข้ากลางให้ โรนัลดินโญ่ วิ่งเข้ามายิงแต่บอลหลุดคานออกไปไม่ห่าง

ผ่าน 20 นาทีแรก ติอาโก้ ม็อตต้า โดน ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา


วิ่งเข้ามาใช้เข่ากระแทกในขณะกำลังจะลุกขึ้นจากการโดนสอยร่วงไปก่อนหน้านี้ ทำให้นักเตะทั้งสองฝ่ายกรูเข้าหากัน ส่วนที่ข้างสนามบรรดาสตาฟฟ์โค้ชของทั้งสองทีมก็ไม่พอใจ แต่ทีมงานผู้ตัดสินจากอิตาลียังสามารถคุมสถานการณ์เอาไว้ได้

อีกสองนาทีถัดมา บาร์เซโลน่า อาศัยการต่อบอลอันสวยงาม


โรนัลดินโญ่ ได้จังหวะแทงทะลุให้ ชาบี้ เฮอร์นันเดซ ได้จิ้มด้วยขวาแต่ ฮิลาริโอ ออกมาปิดมุมปัดบอลออกหลังไปได้ ครึ่งชั่วโมงผ่านไป เชลซี ได้ลุ้นบ้าง มิคาเอล เอสเซียง ได้โหม่งเต็มๆ แต่ บิคตอร์ บัลเดส ปัดออกหลังไป จากลูกเตะมุม อาร์เยน ร็อบเบน ได้ยิงอีกครั้งแต่นายทวารเจ้าบ้านก็ปัดพ้นอันตรายไปอีก

ช่วงท้ายครึ่งแรกเกมมาวุ่นวายอีกครั้งเมื่อ สเตฟาโน่ ฟารีน่า ชักใบเหลือง


ให้ แอชลี่ย์ โคล ซึ่งก่อนหน้านี้ก็โดนใบเหลืองมาแล้วหนหนึ่ง แต่ผู้ตัดสินชาวอิตาเลียนไม่ได้ไล่นักเตะทีมเยือนออกไป ทำเอาผู้เล่นบาร์เซโลน่าสับสนและไม่พอใจ เมสซี่ เข้าไปเถียงกับผู้เล่นเชลซีถึงขั้นผลักอก จึงโดนใบเหลืองไปทำให้แฟนๆ ในคัมป์ นู พากันโห่หนักเข้าไปใหญ่

ซึ่งสุดท้ายแล้วมีการยืนยันออกมาว่า

ใบแรกที่ให้กับ โคล นั้นเป็น แฟร้งค์ แลมพาร์ด ที่ได้ไปแทน จบ 45 นาทีแรกยังเป็นเจ้าบ้านรักษาความได้เปรียบเอาไว้ได้

เปิดฉากครึ่งหลัง เชลซี ลงมาเดินหน้าบุกใส่ทันที


เอสเซียง เปิดบอลจากกราบขวาเข้ากลางให้ ร็อบเบน ตั้งคอโหม่งแต่เป็น บัลเดส อีกแล้วที่เซฟไว้ได้ที่โคนเสาซ้ายมือของตัวเอง นาทีที่ 50 ปีก

ชาวดัตช์ทิ้งโอกาสทองของตัวเองอีกครั้งเมื่อ มิชาเอล บัลลัค เปิดใส่พานให้ ร็อบเบน หลุดเข้ายิงในเขตโทษแต่ดันแปบอลข้ามคานออกไปอย่างน่าเสียดาย

อย่างไรก็ตามอีกสองนาทีถัดมา เชลซี ตามตีเสมอเป็น 1-1


จนได้เมื่อ โคล้ด มาเกเลเล่ หยอดบอลให้ แลมพาร์ด ไปเกี่ยวที่สุดเส้นหลังฝั่งซ้ายก่อนตวัดไปหน้าประตูและบอลก็โค้งข้ามมือ บัลเดส เข้าไปเสียบเสาไกลอย่างสวยงาม

เมื่อเกมเป็นรอง แฟร้งค์ ไรจ์การ์ท ต้องแก้เกมให้ บาร์เซโลน่า ส่งเอา โฮเซ่ เอ็ดมิลสัน ลงมาตัดเกมแทน ม็อตต้า ที่ติดใบเหลืองทำให้จังหวะเข้าปะทะค่อนข้างกล้าๆ กลัวๆ

และมาถึงนาทีที่ 58 แฟนๆ เจ้าบุญทุ่ม ได้เฮกันลั่นสนาม


เมื่อ โรนัลดินโญ่ กระชากขึ้นไปทางซ้ายก่อนจ่ายไซด์ก้อยเข้ากลางให้ ไอเดอร์ กุ๊ดยอห์นเซ่น จิ้มจ่อๆ เข้าไปตุงตาข่ายให้เจ้าบ้านนำอีกครั้งเป็น 2-1 และก็เป็นการยิงประตูทีมเก่าได้สำเร็จของศูนย์หน้าทีมชาติไอซ์แลนด์อีกด้วย

พอเสียประตูไปดูเหมือนว่าเกมของทีมเยือนจะแผ่วลงไปอย่างเห็นได้ชัด


ทำให้ โฮเซ่ มูรินโญ่ ต้องแก้เกมบ้างส่งเอา โซโลมอน คาลู ลงไปลากเลื้อยทำเกมแทน ร็อบเบน ในช่วง 15 นาทีสุดท้าย ตามด้วย โจ โคล ลงมาเล่นแทน บูลาห์รุซ ที่เป็นกองหลัง เกมดำเนินไปแบบเอื่อยๆ เชลซี ไม่สามารถบุกพับได้เหมือนต้นครึ่งหลังแต่ บัลลัค มีโอกาสได้ยิงในเขตโทษแต่บอลก็ลอยหลุดคานไป

แต่ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีที่ 3


แฟนๆ ทีมเยือนที่ตามมาจากเกาะอังกฤษได้เฮกันลั่นเมื่อ เอสเซียง ขึ้นมาทางด้านขวาก่อนเปิดให้ จอห์น เทอร์รี่ เติมขึ้นมาโหม่งตั้งให้ ดร็อกบา หลุดเข้าไปยิงบอลตุงตาข่าย

หมดเวลาการแข่งขัน เชลซี บุกมาตีเสมอ บาร์เซโลน่า สุดมัน 2-2 แบ่งกันทีมละแต้มทำให้ สิงห์บลูส์ มีเพิ่มเป็น 10 แต้ม รั้งจ่าฝูงกลุ่มเอ

ส่วน แชมป์เก่า มีแค่ 5 แต้มโดน แวร์เดอร์ เบรเมน จากเยอรมนี แซงขึ้นไปอยู่ในตำแหน่งรองจ่าฝูง



แหล่งที่มา: ผู้จัดการออนไลน์
ภาพประกอบจาก: ลิขสิทธิ์จากต่างประเทศ


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์