สั่งลา ‘กุส’ เชลซีตะปบทอฟฟี่ 2-1 เถลิงเอฟเอคัพ















ขุนพลแข้ง “สิงห์บลูส์” เชลซี สั่งลากุนซือ กุส ฮิดดิงก์ ด้วยการพลิกสถานการณ์กลับมาตะปบ “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” เอฟเวอร์ตัน 2-1 คว้าแชมป์ศึกลูกหนัง เอฟเอ คัพ ประจำฤดูกาล 2008/09 มาครอง
       
       ศึกฟุตบอล เอฟเอ คัพ อังกฤษ นัดชิงชนะเลิศ
       เชลซี 2-1 เอฟเวอร์ตัน














ดร็อกบา สลัด เลสคอตต์ โขกเสมอให้เชลซี
       

       กุส ฮิดดิงก์ เดินนำพลพรรค “สิงห์บลูส์” เชลซี ลงสู่สนามเวมบลีย์ เพื่อทำศึกเอฟเอ คัพ นัดชิงชนะเลิศกับ เอฟเวอร์ตัน และจะอำลาทีมไปหลังจบเกมนี้ ซึ่งกุนซือชาวดัตช์วางทัพใหญ่ลงสนามนำมาโดย จอห์น เทอร์รี, แฟรงค์ แลมพาร์ด หรือว่ ดิดิเยร์ ดร็อกบา ด้าน เดวิด มอยส์ จัดชุดที่ดีที่สุดของ “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” ลงสนามเช่นกัน ฟิล เนวิลล์ กัปตันทีมฟิตทันลงแข่ง แดนหน้าวางหน้าเป้าอย่าง หลุยส์ ซาฮา กลับมาล่าตาข่าย ได้รับการสนับสนุนเกมรุกจาก ทิม เคฮิลล์














ซาฮา ยิงให้ทอฟฟี่นำเร็ว
       เริ่มเกมการแข่งขันได้เพียง 25 วินาที เอฟเวอร์ตัน ดันเกมรุกขึ้นมา เลห์ตัน เบนส์ แทงทะลุให้ สตีเวน พีนาร์ หลุดกับดักล้ำหน้าเปิดจากกราบซ้ายเข้ากลาง มิคาเอล เอสเซียง โหม่งเคลียร์ไม่ขาด มารูยาน เฟลไลนี โขกตั้งให้ หลุยส์ ซาฮา วอลเลย์ด้วยซ้ายส่งลูกหนังผ่านมือ ปีเตอร์ เช็ก เสียบตาข่ายอย่างรวดเร็วให้ เอฟเวอร์ตัน ขึ้นนำ 1-0 พอเสียประตูไปอย่างไม่ทันตั้งตัว เชลซี รวบรวมสติกลับมาดาหน้าบุกใส่เป็นชุด แต่ขุนพล “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” ช่วยกันตั้งเกมค้ำยันเอาไว้
       
       บี้อยู่พักใหญ่ นาทีที่ 21 สกอร์กลับมาเสมอกัน 1-1 จนได้ แฟรงค์ แลมพาร์ด ตักบอลออกซ้ายให้ ฟลอรองต์ มาลูดา ได้เปิดโล่งๆ เข้ามาให้ ดิดิเยร์ ดร็อกบา เบียด โจลีออน เลสคอตต์ ขึ้นโหม่งลูกหนังเสียบมุม ทิม ฮาวเวิร์ด ได้แค่ป้องกันด้วยสายตาเท่านั้น สองนาทีถัดมา “แลมพ์” ได้โอกาสส่องจากนอกกรอบบอลเหินข้ามคานไปแบบได้ลุ้น ครึ่งชั่วโมงผ่านไปเกมเป็นทาง เชลซี ที่คุมจังหวะได้เหนือกว่า
       
       แต่นาทีที่ 32 เอฟเวอร์ตัน เกือบใช้จังหวะสวนกลับแผลงฤทธิ์ พีนาร์ จ่ายไปหน้าประตูหวังให้ ทิม เคฮิลล์ เผด็จศึกทว่า เช็ก อ่านเกมดีตัดบอลได้ทันเวลา ช่วงท้ายครึ่งแรกแฟนๆ “สิงห์บลูส์” ได้ลุ้นบ้าง มาลูดา เปิดบอลติดเท้า เฟลไลนี กระดอนเข้ากรอบโทษตัวเอง แอชลีย์ โคล สลัดหลุด โทนี ฮิบเบิร์ต ก่อนยิงด้วยซ้ายบอลหลุดกรอบไปอย่างน่าเสียดาย จบ 45 นาทีแรก ทั้งสองทีมยังเสมอกันที่ 1-1














อเนลกา เข้าไปฉลองกับ แลมพ์
       ลงมาลุยต่อครึ่งหลัง เดวิด มอยส์ ปรับหมากให้ “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” ใส่ทาง ลาร์ส ยาค็อบเซน มาปักหลักเป็นแบ็กขวาแทน ฮิบเบิร์ต ที่โดนใบเหลืองในครึ่งแรกและก็โดนเจาะค่อนข้างบ่อย จากนั้นทั้งสองฝ่ายเปิดฉากลุยใส่กันต่อ หนึ่งชั่วโมงพอดี เชลซี เกือบพลิกขึ้นนำ นิโกลาส์ อเนลกา อาศัยความเร็วหลุดกับดักล้ำหน้าฉีกแผงรับ เอฟเวอร์ตัน เข้าไปดีดบอลข้ามหัว ฮาวเวิร์ด แต่ก็ลอยโด่งข้ามคานไปเช่นกัน
       
       จากนั้น กุส ฮิดดิงก์ ปรับเกมให้ “สิงห์บลูส์” บ้างด้วยการเติม มิชาเอล บัลลัค ไปช่วยแดนกลางพร้อมกับถอด เอสเซียง ออกมา แต่กลับกลายเป็น เอฟเวอร์ตัน เกือบได้ประตูบ้างถ้า เช็ก ไม่สามารถป้องกันลูกยิงของ เคฮิลล์ เอาไว้ นาทีที่ 67 “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” น่าจะขึ้นนำ พีนาร์ เปิดจากกราบซ้ายให้ ซาฮา ได้โหม่งโล่งๆ แต่กดไม่ลงทั้งที่ เช็ก ไม่มีทีท่าป้องกันได้แล้ว เกมแลกหมัดกันแล้ว มาลูดา หลุดขึ้นมาทางซ้ายเปิดแรงมาเสาแรก ดร็อกบา ชาร์จไม่ตรงกรอบ
       
       ถึงนาทีที่ 72 เชลซี พลิกขึ้นนำ 2-1 สำเร็จ อเนลกา ป้ายบอลให้ แลมพาร์ด ล็อกหลบ ฟิล เนวิลล์ ทำท่าจะเสียหลักแต่ยังตะบันด้วยซ้ายส่งลูกหนังแหวกอากาศพุ่งเข้าประตูอย่างสุดสวย ฮาวเวิร์ด ทำได้แค่ปัดโดนปลายนิ้วเท่านั้น สามนาทีถัดมาทีมจากลอนดอนพลาดโอกาสทิ้งห่าง “แลมพ์” จ่ายทะลุให้ มาลูดา ซึ่งอยู่ในตำแหน่งล้ำหน้าซัดบอลข้ามคาน ทั้งที่ผู้ช่วยผู้ตัดสินพลาดไม่ยกธงให้แล้ว
       
       ถัดมา มอยส์ ต้องเติม เจมส์ วอห์น กองหน้าดาวรุ่งลงไปล่าตาข่ายแทน ซาฮา แต่เป็น เชลซี ที่เกือบทิ้งห่างอีกครั้งคราวนี้ มาลูดา ตะบันบอลกระแทกคานก้ำกึ่งว่าจะคาบเส้นหรือไม่ แต่ผู้ตัดสิน ฮาวเวิร์ด เว็บบ์ ไม่ได้เป่าให้เป็นประตู ท้ายเกม เอฟเวอร์ตัน ทิ้งไพ่ใบสุดท้ายให้ แดน กอสลิง ไปเล่นแทน ลีออน ออสแมน แต่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ครบ 90 นาที เชลซี ประคองตัวเบียดชนะไป 2-1 ผงาดคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ เป็นสมัยที่ 5 ของสโมสร
       
       รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
       เชลซี
: ปีเตอร์ เช็ก , โฮเซ โบซิงวา , จอห์น เทอร์รี , อเล็กซ์ , แอชลีย์ โคล , จอห์น โอบี มิเกล , มิคาเอล เอสเซียง , แฟรงค์ แลมพาร์ด , ฟลอรองต์ มาลูดา , นิโกลาส์ อเนลกา , ดิดิเยร์ ดร็อกบา
       
       เอฟเวอร์ตัน : ทิม ฮาวเวิร์ด , โทนี ฮิบเบิร์ต , โจเซป โยโบ , โจลีออน เลสคอตต์ , เลห์ตัน เบนส์ , ลีออน ออสแมน , ฟิล เนวิลล์ , มารูยาน เฟลไลนี , สตีเวน พีนาร์ , ทิม เคฮิลล์ , หลุยส์ ซาฮา




โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์