มารู้จักตำนานผู้โปรยทางสวรรค์ให้กับเชลซี

โชเซ่ มูรินโญ่

โชเซ่ มูรินโญ่ (José Mário dos Santos Mourinho Félix) เป็นผู้จัดการทีมฟุตบอล
ชาวโปรตุเกส เกิดวันที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2506 (ค.ศ. 1963) ปัจจุบันว่างงานหลังจากยกเลิกสัญญากับเชลซีเมื่อ 20 กันยายน 2550 เขาเป็นบุตรของเฟลิกซ์ มูรินโญ่(Félix Mourinho)ซึ่งเคยติดทีมชาติโปรตุเกส 1 นัด ในฐานะผู้รักษาประตู และเป็นโค้ชในเวลาต่อมา ทำให้โชเซ่ได้รับศาสตร์ลูกหนังจากคุณพ่อมาตั้งแต่เด็ก โชเซ่เป็นกุนซือที่ประสบความสำเร็จมากมายแม้จะยังอายุน้อยก็ตาม รวมทั้งเป็นที่ยอมรับว่ามีความสามารถมากที่สุดคนหนึ่งอีกด้วย 


งานแรกของเขาในวงการฟุตบอลเริ่มขึ้นที่สปอร์ตติ้ง ลิสบอนยุคที่เซอร์ บ็อบบี้ ร็อบสันคุมทีมเมื่อปี1992เป็นล่ามแปลภาษาโปรตุเกส และในไม่ช้าก็เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้ช่วยผู้จัดการทีม และติดตามปู่บ็อบไปคุมทีมปอร์โต้ และมหาอำนาจลูกหนังอย่างบาร์เซโลน่าในปี1996 หลังจากปู่บ็อบออกจากคัมป์ นูไปคุมเพเอสเว แองโทเฟิน(พีเอสวีที่เราเรียกกันนั่นเอง)ในฮอลแลนด์ โชเซ่ก็ยังคังอยู่ที่ถิ่นอ่างยักษ์นี้ต่อไป โดยทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยหลุยส์ ฟาน กัล ผู้จัดการทีมชาวดัตช์ที่เข้ามาแทนนั่นเอง ในระหว่างที่อยู่กับบาร์เซโลน่า ทีมได้แชมป์มากมายทั้งสแปนิช คิงส์ คัพ และ ซูเปอร์ คัพ รวมถึง คัพ วินเนอร์ส คัพด้วย การที่เขาได้ทำงานที่บาร์เซโลน่านั้นทำให้เขามีโอกาสในการศึกษาจากผู้จัดการทีมที่ยิ่งใหญ่ถึง 2 คน โดยโชเซ่กล่าวไว้ในหนังสืออัตชีวประวัติว่าผู้จัดการ 2 คนนี้แตกต่างกันมาก โดยปู่บ็อบแทบไม่สนใจแท็กติกเลย ปล่อยหน้าที่การวางแผนเป็นของมูรินโญ่ แต่จะคุมทีมซ้อมด้วยตนเองเพื่อแสดงให้ลูกทีมเห็นด้วยท่าทางที่ชัดเจน และจำลองเหตุการณ์ต่างๆในสนามด้วย และปู่บ็อบยังชอบเกมรุกอย่างมากอีกด้วย ขณะที่ฟาน กัลยกหน้าที่คุมทีมซ้อมให้กับมูรินโญ่ และตัวเขาเป็นผู้วางแผน ด้วยเหตุนี้ทำให้มูรินโญ่ได้เรียนรู้ทั้งสองด้าน(หนังสือพิมพ์สตาร์ ซอคเก้อร์ ฉบับวันเสาร์ที่ 22 กันยายน 2550 : 21-22)


 เบนฟิก้า และเลยเรีย


และแล้วโอกาสในการเป็นผู้จัดการทีมเต็มตัวของเขาก็มาถึงในเดือนกันยายน 2000 เมื่อเขาได้รับข้อเสนอจากทีมยักษ์ใหญ่ในประเทศบ้านเกิดอย่างเบนฟิก้าเพื่อไปแทนที่จุ๊ปป์ ไฮน์ซเกส(Jupp Heynckes) ซึ่งในขณะนั้น ฟุตบอลลีกโปรตุเกสผ่านไปแล้ว4นัด งานแรกของเขา คือ ดึงตัวคาร์ลอส มอสเซอร์(Carlos Mozer)อดีตกองหลังทีมชาติบราซิลชุดลุยศึกฟุตบอลโลก90 ซึ่งเคยมาค้าแข้งกับเบนฟิก้าถึง2ครั้งก่อนไปแขวนสตั๊ดที่ญี่ปุ่นมาเป็นผู้ช่วยของเขา


แต่ขณะที่ทั้งคู่กำลังเป็นที่จับตามอง โดยเฉพาะหลังถล่มคู่ปรับร่วมเมืองสปอร์ติ้ง ลิสบอนไปถึง3-0 สโมสรก็ไม่ได้ต่อสัญญาหลังผ่านไปเกือบครึ่งฤดูกาลเพื่อเปิดทางให้ อันโตนิโอ โชเซ่ คอนไซเซา โอลิเวร่าหรือโทนี่ ซึ่งเป็นตำนานของทีมคนหนึ่งเข้ามารับงานแทน มูรินโญ่จึงต้องออกจากเบนฟิก้าหลังทำงานไปเพียง 9 นัดในลีกในวันที่ 5 ธันวาคม 2000


แต่แล้วเขาก็ว่างได้ไม่นานเมื่อทีมระดับกลางตารางอย่างเลยเรียหยิบยื่นโอกาสให้เขาในเดือนมกราคม 2001 หรือหลังจากตกงานเพียงเดือนเดียว โดยในปีแรกนั้น เขาพาทีมทะยานสู่อันดับ 5 ซึ่งเป็นอันดับดีที่สุดของทีม และที่สำคัญ เลยเรียของเขามีอันดับดีกว่าเบนฟิก้าที่เพิ่งเมินเขาด้วย


ปอร์โต้


ในเดือนมกราคมปีต่อมา มูรินโญ่ก็ต้องย้ายที่ทำงานอีกครั้งหลังผลงานการคุมทีมไปเข้าตาปอร์โต้ ยักษ์ใหญ่อีกรายของโปรตุเกสที่ผลงานกำลังจมดิ่ง และมีทีท่าจะอดร่วมสังคายนาบอลยุโรปทุกรายการด้วยฝีมือการคุมทีมของอ็อคเตวิโอ มาชาโด้ และแล้วการตัดสินใจของปอร์โต้ก็สัมฤทธิ์ผลในท้ายฤดูกาลเมื่อกุนซือสมองเพชรคนนี้โชว์ฝีมือในการคุมทีม 15 นัด ชนะ 11 เสมอ 2 และแพ้แค่ 2 นัด และให้สัญญาว่าปีหน้าจะพาทีมไปร่วมวงตะลุยล่าเจ้าบิ๊กเอียร์อีกด้วย


มูรินโญ่จัดแจงเตรียมทีมเพื่อสู้ต่อในฤดูกาลถัดไป ทั้งนักเตะเก่าที่เขาเชื่อมั่นว่าจะเป็นกำลังสำคัญในทีมอย่างบาย่า, ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่, คอสตินญ่า, เดโก้, ดิมิทรี อเลนิเชฟ, ปอสติก้า และเรียกฮอร์เก้ คอสต้า กองหลังกัปตันทีมกลับมาจากชาร์ลตัน(หลังจากขัดแย้งกับมาชาโด้) จากนั้นนักเตะหน้าใหม่ก็ทยอยเดินเข้าสู่ทีมทั้งนูโน่ วาเลนเต้, แดร์เล่(ศิษย์เก่าจากเลยเรียทั้งสองคน), เปาโล แฟร์เรร่า(จากวิคตอเรีย เซตุบัล), เปโดร เอ็มมานูเอล(จากเบาวิสต้า และเอ็ดการาส ยานเคาส์คาสกับมานิชจากเบนฟิก้า


แล้วมูรินโญ่ก็ไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง เมื่อฤดูกาลต่อมา เขาพาทีมได้แชมป์ลีกด้วยสถิติสวยหรู ชนะ27นัด เสมอ5นัด และแพ้เพียง2นัด ทิ้งห่างอันดับ 2 เบนฟิก้าที่เขาเดินออกมาเมื่อ 2 ปีก่อนไม่เห็นฝุ่นถึง 11 แต้ม โดยแต้มรวม 86 แต้มยังเป็นสถิติใหม่ของลีกอีกด้วย นับตั้งแต่เปลี่ยนการให้คะแนนทีมชนะเป็น 3 คะแนน เฉือนของเก่าที่ปอร์โต้ทำไว้เองไปคะแนนเดียว ไม่เท่านั้น แชมป์โปรตุกีส คัพก็ตกเป็นของมูรินโญ่และเหล่าลูกทีมเมื่อเอาชนะทีมเก่าเลยเรียในนัดชิงไปหวุดหวิด 1-0 กลายเป็นดับเบิ้ลแชมป์ในประเทศ แต่เขาและลูกทีมปอร์โต้ยังไม่พอใจแค่นั้น หลังจากได้แชมป์ที่สองไม่นาน แชมป์ที่สามก็ตามมาในไม่กี่วันเมื่อปอร์โต้สามารถยัดเยียดความปราชัยให้ยอดทีมจากเมืองขี้เมาอย่างเซลติกในนัดชิงยูฟ่า คัพที่เซบีญา สร้างประวัติศาสตร์คว้าทริปเปิ้ล แชมป์มาครองในปีแรกที่เข้ามาทำหน้าที่อย่างเต็มฤดูกาล พร้อมทั้งได้สิทธิ์ไปช่วงชิงเจ้าหูยักษ์


ฤดูกาลถัดมา ปอร์โต้ของมูรินโญ่ยังคงเล่นได้ดีและคว้าแชมป์ลีกไปครองเป็นสมัยที่สองติดต่อกัน โดยพวกเขาได้แชมป์ไปตั้งแต่ 5 สัปดาห์ก่อนปิดฤดูกาล แม้ทีมต้องลงแข่งหลายรายการ รวมทั้งยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกด้วย ปอร์โต้ก็ยังคงฝ่าฟันมาจนถึงรอบชิงฯโปรตุกัส คัพได้สำเร็จ ครั้งนี้พวกเขาพ่ายให้กับเบนฟิก้าไป แต่สองสัปดาห์ถัดมา พวกเขาก็สร้างประวัติศาสตร์คว้ารางวัลอันล้ำค่ามาครองได้ที่อัฟชาลเก้ อารีน่าในเกลเซ่นเคียร์เช่น, เยอรมนี โทรฟี่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุโรปตกเป็นของพวกเขาหลังฝ่าด่านโหดมากมายทั้งแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โอลิมปิก ลียง ลา คอรุนญ่า และโมนาโกในนัดชิง 3-0 โดยแพ้เพียงนัดเดียวให้กับ เรอัล มาดริดในรอบแบ่งกลุ่ม เป็นแชมป์ที่5และแชมป์ส่งท้ายของเขากับปอร์โต้


ขณะที่เขายังคุมปอร์โต้อยู่นั้น มูรินโญ่มีข่าวพัวพันกับยอดทีมของยุโรปมากมายรวมถึงลิเวอร์พูลและเชลซีด้วย ในขณะนั้นมูรินโญ่กล่าวว่าเขาสนใจลิเวอร์พูลมากกว่าเชลซี “ลิเวอร์พูลเป็นทีมที่ทำให้ทุกคนสนใจ และเชลซีไม่ทำให้ผมสนใจมากนัก เพราะเชลซีเป็นโครงการใหม่ที่สร้างขึ้นมาด้วยเงินมหาศาล ผมคิดว่ามันเป็นโครงการที่หากสโมสรไม่ประสบความสำเร็จใดๆ อบราโมวิชก็จะล้มเลิกและนำเงินของเขาออกจากสโมสร มันเป็นโครงการที่ไม่แน่นอน มันน่าสนใจสำหรับโค้ชที่มีเงินซื้อนักเตะคุณภาพ แต่คุณไม่สามารถรู้เลยว่าจะประสบความสำเร็จเมื่อไหร่”


 เชลซี


ฤดูกาลต่อมา ในเดือน มิถุนายน ค.ศ.2004 เขาย้ายมาเป็นผู้จัดการทีมเชลซี ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงทีมอย่างมากมายจากการเข้ามาของเจ้าของคนใหม่ โรมัน อบราโมวิช เพียงฤดูกาลแรกเค้าสร้างความเกรียวกราวกับการตอบโต้ระหว่างผู้จัดการทีม และการให้ข่าวกับนักข่าวอย่างมากมาย มูรินโญ่สามารถทำทีมเชลซีได้แชมป์พรีเมียร์ลีกที่รอคอยมานาน สามารถทำแต้มได้สูงสุดนับแต่ตั้งพรีเมียร์ลีกมาและพร้อมกับสร้างสถิติใหม่ๆอีกมากมาย พร้อมๆกับถ้วยแชมป์ลีกคัพกลายเป็น Double champ มูรินโญ่สามารถทำทีมเข้าสู่รอบรองชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก แต่สุดท้ายแพ้ลิเวอร์พูล ตกรอบ ไปด้วยผล 1-0 มูรินโญ่สร้างความเกรียวกราวอีกครั้งกับประโยค ประตูที่ไม่เคยเกิดขึ้น ของ หลุยส์ การ์เซีย


ฤดูกาลต่อมา ปี ค.ศ.2005-06 มูริญโญ่ทำทีมป้องกันแชมป์พรีเมียร์ลีกได้อีกครั้ง แต่ผลงานในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกทำได้เพียงผ่านเข้ารอบแปดทีมสุดท้าย โดยแพ้ บาร์เซโลนาตกรอบ พร้อมๆกับสร้างความเกรียวกราวด้วยการวิจารณ์ผู้ติดสินจนถูกปรับเงิน และผู้ตัดสินได้ตัดสินใจแขวนนกหวีดในเวลาต่อมา


ฤดูกาลต่อมา ปี ค.ศ.2006-07 มูริญโญ่ไม่สามารถป้องกันแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ สาเหตุส่วนหนึ่งเกิดจากลูกทีมเชลซีตัวสำคัญ (ปีเตอร์ เช็ค, จอห์น เทอร์รี) ในเวลานั้น มีอาการบาดเจ็บอย่างมากและต้องใช้เวลาพักฟื้นยาวนาน แต่สุดท้ายในช่วงปลายฤดูกาลแข่งขัน มูริญโญ่สามารถสร้างผลงานด้วยการคว้าแชมป์ลีกคัพ และ เอฟเอคัพมาครองได้ แต่ก็ต้องพ่ายแพ้ต่อ ลิเวอร์พูล อีกครั้งในรอบรองชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกจากการดวลจุดโทษ


ฤดูกาลต่อมา ปี ค.ศ.2007 มูริญโญ่ไม่สามารถสร้างผลงานให้เชลซีได้ดีเพียงพอและมีปัญหากับเจ้าของสโมสร จึงถูกปลดออกกลางฤดูกาลแข่งขัน โดยเป็นผู้จัดการทีมคนแรกของพรีเมียร์ลีกในปีนั้น ที่ออกจากตำแหน่งทั้ง ๆ ที่ทำงานได้ดี


และใน ปี 2008 เขาก็ตอบรับการเป็นผู้จัดการทีมอินเตอร์มิลาน


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์