ปีนี้ไม่พลาด! สิงห์หนังเหนียวเคี้ยวผี 1-0 ซิวเอฟเอสมัย 8

แม้จะอกหักจากปีก่อนแต่ปีนี้สิงห์บลูส์ก็กลับมาคว้าถ้วยเก่าแก่ของอังกฤษได้สำเร็จ หลังเฉือนรองแชมป์พรีเมียร์ลักด้วยลูกจุดโทษของเอเด็น อาซาร์

ฟุตบอล เอฟเอ คัพ 2017-2018 นัดชิงชนะเลิศคู่ระหว่าง เชลซี พบ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ณ เวมบลีย์ สเตเดี้ยม

สิงโตน้ำเงินคราม ของ อันโตนิโอ คอนเต้ เกมนี้มาในระบบ 3-5-1-1 นำมาโดย เชสก์ ฟาเบรกัส , เอ็นโกโล ก็องเต้ และ ติมู บากาโยโก้ ปั้นเกมให้กับ เอเด็น อาซาร์ และ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ คอยล่าตาข่าย

ส่วนปีศาจแดงของ โชเซ มูรินโญ พัก โรเมลู ลูกากู ที่เพิ่งหายจากอาการบาดเจ็บเป็นตัวสำรอง โดยจัดทัพมาในระบบ 4-3-3 อเล็กซิส ซานเชซ , เจสซี ลินการ์ด และ มาร์คัส แรชฟอร์ด เป็นสามประสานในแดนหน้า

นาทีที่ 9 สิงห์บลูส์ทักทายก่อนจากจังหวะ เอเด็น อาซาร์ ขึ้นเกมมาทางฝั่งซ้ายของเขตโทษ ก่อนยิงเสาแรก แต่ ดาบิด เด เคอา ใช้ขาเซฟไว้ได้

นาทีที่ 21 เชลซี มาได้ลูกโทษที่จุดโทษจากจังหวะ ฟิล โจนส์ ไปสกัดใส่ เอเด็น อาซาร์ ล้มลงในเขตโทษ ก่อนเอเด็น อาซาร์ จะรับหน้าที่สังหารเข้าไปไม่เหลือ เดอะ บลูส์นำ 1-0

ครึ่งแรกเป็นปีศาจแดงที่ครองบอลบุกได้มากกว่า แต่มาพลาดเสียจุดโทษทำให้จบครึ่งแรก เชลซี 1 แมนฯยูฯ 0

นาทีที่ 56 ทีมรองแชมป์พรีเมียร์ลีกได้จังหวะลุ้นตีเสมอ เมื่อ อเล็กซิส ซานเชซ ไปเกี่ยวบอลจาก เชสก์ ฟาเบรกัส มาเข้าทาง มาร์คัส แรชฟอร์ด ได้ยิงด้วยขวาหน้าเขตโทษแต่ไปตรงตัว ติโบต์ กูร์ตัวส์ ทุบออกมาได้

นาทีที่ 70 สิงโตน้ำเงินครามเกือบได้ประตูที่สองจากจังหวะ เอ็นโกโล ก็องเต้ ทะลุเข้ามาในเขตโทษ ก่อนไหลให้ มาร์กอส อลอนโซ ยิงด้วยขวาไปติดเซฟ เด เคอา อีกครั้ง

2 นาทีถัดมา แมนฯยูฯ ได้โอกาสทอง มาร์คัส แรชฟอร์ด หลุดเข้าไปดวลตัวต่อตัวกับ กูร์ตัวส์ แต่ยิงไปติดเซฟอย่างน่าเสียดาย สกอร์ยัง 1-0

นาทีที่ 80 ยูไนเต็ดได้ลุ้นอีกครั้งจากจังหวะ เนมานยา มาติช ได้ลองซัดไกลด้วยขวาแต่บอลยังไปตรงตัว กูร์ตัวส์ ปัดออกมาได้

เวลาที่เหลือทำอะไรกันไม่ได้ จบ 90 นาที เชลซี เฉือนชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-0 คว้าแชมป์เอฟเอ คัพสมัยที่ 8 ของสโมสร

>>>
Cr::: Goal.com/th