บิ๊กแมตช์!! หยุดทุกสายตา เชลซี เปิดรังรับ หงส์แดง

บิ๊กแมตช์!! หยุดทุกสายตา "เชลซี" เปิดรังรับ "หงส์แดง"

คาร์ร่า (แดง) งานเบาไปเยอะเมื่อไม่มี ดร็อกบา

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 3 กุมภาพันธ์ 2549 15:44 น.

ถือเป็นแมตช์สำคัญที่จะชี้แชมป์ พรีเมียร์ชิพ ในฤดูกาลนี้ก็ว่าได้ เมื่อจ่าฝูง สิงโตน้ำเงินคราม เชลซี จะเปิดรัง สแตมฟอร์ดบริดจ์ รับมือ หงส์แดง ลิเวอร์พูล หนึ่งเดียวที่ถูกมองว่ายังมีลุ้นอยู่ในตอนนี้ โดยจะหยุดทุกสายตาตามเวลาในบ้านเราที่ 23.00 น.ของวันอาทิตย์ที่ 5 ก.พ.นี้

เชลซี อยู่ในช่วงฟอร์มไม่ค่อยดีนักเสมอรวดใน 3 นัดหลังสุดรวมทุกถ้วย โดยเฉพาะในลีกทำหลุดมือไปถึง 4 แต้มชนิดที่เรียกว่า โฮเซ่ มูรินโญ่ กุนซือหน้าเครียด ออกอาการโมโหโทโสไม่น้อย แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็ไม่เสียหายนัก เมื่อทิ้งที่ 2 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถึง 15 คะแนน

แต่สำหรับ ลิเวอร์พูล ยังมีลุ้นเบียดแย่งแชมป์อยู่เมื่อตามหลัง 18 คะแนน แต่ว่าแข่งน้อยกว่าถึง 2 นัด ซึ่งแน่นอนนักเตะทุกคนคงรู้ดีว่าหากเกมนี้บุกไปคว้าชัยได้สำเร็จ พร้อมกับเกมที่ตุนอยู่ในมือ พวกเขาจะตามหลังไม่ถึง 10 คะแนน และจะบี้กันอย่างสนุกในช่วง 13 นัดสุดท้ายที่เหลือของฤดูกาลนี้

อย่างไรก็ตาม โอกาสที่ ลิเวอร์พูล จะกลับบ้านพร้อมสามคะแนนเต็มมีไม่สูงนัก เมื่อฟอร์มในช่วงหลังก็ไม่ค่อยโสภานักนับตั้งแต่แพ้ แมนฯยูไนเต็ด 0-1 ในเกมลีก ก่อนบุกไปชนะ ปอร์ทสมัธ แบบสุดหืด 2-1 ในเกม เอฟเอ คัพ รอบ 4 และล่าสุด เสมอ เบอร์มิงแฮม ซิตี้ 1-1 แถมนัดแรกของฤดูกาลนี้ก็ถูก เชลซี บุกมาสอนมวยถึงถิ่น แอนฟิลด์ 1-4 ส่วนในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม ก็เสมอกันแบบจืดชืด 0-0 ทั้งสองนัด

สองกัปตัน เจอร์ราร์ด (แดง) ดวลกับ เทอร์รี่

ในส่วนของตัวผู้เล่น เชลซี ดูจะอ่อนยวบลงไปเมื่อ ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา ดาวยิงที่ ลิเวอร์พูล ประหวั่นพรั่นพรึงติดภารกิจรับใช้ทีมชาติ ไอวอรี่ โคสต์ ในศึก แอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ ที่ประเทศ อียิปต์ รวมถึง มิคาเอล เอสเซียง กองกลางจอมถึก ครั้นได้ มานิเช่ มาจากการยืมตัวก็ดูจะไม่ใช่ตัวแทนที่ดีเท่าที่ควร

ทำให้ภาระไปตกอยู่ที่ โคล้ด มาเกเลเล่ และ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ที่ต้องพยุงทีม เนื่องจากแนวรับที่เคยไว้ใจได้ก็เสียประตูง่ายๆ แบบไม่น่าเชื่อ จอห์น เทอร์รี่ และ วิลเลี่ยม กัลล่าส์ ดูจะเงียบไปส่วน อาซิเอร์ เดล ออร์โน่ แบ็กซ้ายก็ดันมาฟอร์มตกไปอีก

ก็คงจะต้องพึ่งแนวรุกอย่าง โจ โคล, อาร์เยน ร็อบเบน, เดเมี่ยน ดัฟฟ์, ไอเดอร์ กุ๊ดยอห์นเซ่น และ เฮอร์นัน เครสโป โดยขึ้นอยู่กับ เฮียมู ว่า จะส่งใครลงสนาม ซึ่งก็ดูแล้วศักยภาพนั้นไม่ได้ด้อยกว่ากันเลยแม้แต่น้อย

ทางฝั่ง ลิเวอร์พูล แทบไม่มีปัญหาเรื่องตัวผู้เล่นอยู่ที่ ราฟาเอล เบนิเตซ กุนซือชาวสเปน จะหยิบสอยใช้งาน โดยเฉพาะ เจมี่ คาร์ราเกอร์ น่าจะกลับมายืนในตำแหน่งเซนเตอร์ฮาล์ฟตัวจริงคู่กับ ซามี่ ฮูเปีย อีกครั้งหลังจากเกมล่าสุด ได้พัก โดยเป็น ดาเนี่ยล แอกเกอร์ แข้งหน้าใหม่ที่ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริง

ในส่วนแผงกองกลาง โมฮัมเหม็ด ซิสโซโก้ ที่ได้พักจะกลับมาตัดเกมร่วมกับ ซาบี้ อลอนโซ่ ที่หน้าเสียทำเข้าประตูตัวเองในเกมเสมอ เบอร์มิงแฮม ซิตี้ โดยมี สตีเว่น เจอราร์ด และ แฮร์รี่ คีเวลล์ ร่วมเดินเกมทางกราบทั้งสองฝั่ง

แต่ในตำแหน่งศูนย์หน้าถือว่าน่าหนักอก สำหรับ เบนิเตซ เมื่อทุกคนต่างอยู่ในช่วงฟอร์มตก ปีเตอร์ เคร้าช์, เฟร์นานโด มอริเอนเตส และ ฌิบริล ซิสเซ่ ยังไว้ใจไม่ได้สักคน โดยจะมี หลุยส์ การ์เซีย เป็นออปชั่นสอดแทรกเข้ามา ส่วน ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ จะลงเป็นซูเปอร์ซับในช่วง 20 นาทีสุดท้าย

ย้อนอดีตกันสักเล็กน้อยก่อนทิ้งท้าย โดยชัยชนะนัดครั้งสุดท้ายของ ลิเวอร์พูล เหนือ เชลซี ในเกมลีก คือ ในฤดูกาล 2003 - 2004 เมื่อบุกไปเฉือนชนะถึงถิ่น สแตมฟอร์ดบริดจ์ 1-0 จากฝีเท้าของ บรูโน่ เชย์รู

การเจอกันในเวลานี้ช่างสูสีเหลือเกิน เพราะทั้งสองทีมไม่ได้อยู่ในช่วงสุดยอดเหมือนที่เคยเป็น โอกาสเสมอกันมีค่อนข้างสูง หากไม่เป็นเช่นนั้นความผิดพลาดเพียงแค่ครั้งเดียวจะเผยโฉมหน้าของผู้ชนะในเกมนี้

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์