บาร์นสลีย์สร้างปาฏิหาริย์เขี่ยเชลซีร่วง1-0เอฟเอฯ

บาร์นสลีย์ ทีมจาก ลีก แชมเปี้ยนชิพ สร้างปาฏิหาริย์ฉบับที่สองหลังจากเขี่ย ลิเวอร์พูล ตกรอบ เมื่อเปิด โอ๊คเวลล์ กราวนด์ จัดการโค่น สิงโตน้ำเงินคราม เชลซี ทีมแชมป์เก่าไปแบบสนุก 0-1 ส่ง เชลซี หนึ่งในบิ๊กโฟร์พรีเมียร์ตกรอบไปอีกทีม ส่วน บาร์นสลีย์ ทะยานเข้าสู่รอบรองชนะเลิศต่อไป ในศึกเอฟเอคัพ เมื่อคืนที่ผ่านมา


ฟุตบอลเอฟเอ คัพ


(รอบก่อนรองชนะเลิศ ฤดูกาล 2007/08)


(วันเสาร์ที่ 8 มีนาคม 2551)



บาร์นสลีย์ (แชมเปี้ยนชิพ) 1 - เชลซี (พรีเมียร์ลีก) 0


สนาม:โอ๊คเวลล์ กราวนด์


อีกคู่ที่โอ๊คเวลล์ กราวนด์ บาร์นสลีย์ซึ่งเขี่ยลิเวอร์พูลตกรอบมาได้มีปัญหาขาดผู้เล่นหลายรายทั้งนายทวารโทนี่ วอร์เนอร์กับเลวิน เอ็นยาทังก้าที่ติดคัพไท แถมไฮนซ์ มุลเลอร์นายประตูอีกรายก็เดี้ยงเช่นเดียวกับอันแดร์สัน เดอ ซิลวา แต่มีร็อบ คอซลัคพ้นโทษแบนกลับมา


ส่วนเชลซีขาดแค่ปีเตอร์ เช็คโกลมือกาวรายเดียวที่ไม่สมบูรณ์ และมีการโรเตชั่นผู้เล่นเล็กน้อย


เกมเริ่มต้นโดยบาร์นสลีย์ได้เขี่ยบอลก่อน และเกือบสร้างเซอร์ไพรส์ได้ตั้งแต่นาทีที่ 3 เมื่อจามาล แคมป์เบลล์ ไรซ์แทงลูกเข้าเขตโทษด้านซ้ายให้กัปตันไบรอัน ฮาเวิร์ดล็อคหลบจอห์น เทอร์รี่ได้แล้วแต่ก่อนสับไกมีมิชาเอล เอสเซียงตามมาแหย่บอลออกเส้นหลังได้ซะก่อน


เจ้าตูบยังกดดันสิงห์บลูส์อย่างคึกคัก แต่ผ่านมา 15 นาทีทีมมหาเศรษฐีก็มีเสียวเช่นกันจากลูกเตะมุมที่โจ โคลได้ยิงสวนจากหน้าเขตโทษเข้าไป แต่กระทบคาโยเด้ โอเดจายี่เปลี่ยนทิศออกนอกกรอบไปหวุดหวิด


เท่านั้นเอง ทีมจากเมืองกรุงก็ตั้งลำได้ แต่ถึงนาทีที่ 21 เชลซีก็เกือบเสียเหลี่ยมง่ายๆในจังหวะที่เจ้าถิ่นทุ่มบอลมาจากฝั่งขวาแล้วโอเดจายี่ลุยเข้าเขตโทษโดยมีเทอร์รี่เข้าบังทางเอาไว้ แต่คาร์โล คูดิชินี่ออกลูกประมาทพักบอลด้วยอกก่อนแล้วค่อยเตะสาดจึงถูกหอกผิวสีปี่เข้าบล็อค ดีที่ว่าบอลกระดอนเฉี่ยวปากประตูออกไป


ทำไปทำมา เกมกลับมาตกอยู่กับทีมรองบ่อนอย่างเต็มตัวซะแล้ว โดยในนาทีที่ 37 จากลูกฟรีคิกที่ถูกตักยาวมาจากกลางสนาม อิสต์วาน เฟเรนซี่ก็ตามไปเกี่ยวในเขตโทษด้านขวาได้จึงสับไกทันทีชนิดที่มิชาเอล บัลลัคตามไปสกัดไม่ทันแล้ว แต่บอลพุ่งกระแทกเสาแรกเต็มๆ


นาทีต่อมา บาร์นสลีย์น่าจะขึ้นนำด้วยบอลโยนโด่งจากแดนตัวเองอีกครั้งเมื่อเฟเรนซี่โขกต่อให้ฮาเวิร์ดลากไปจ่ายให้อเดจายี่ควบเข้าเขตโทษด้านขวาหนีริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ ก่อนจะตะบันมุมแคบถูกคูดิชินี่ทิ้งตัวใช้ขาสกัดได้เฉียดฉิว ครบ45นาทีทั้งคู่จึงเสมอกันไป 0-0 ชนิดที่เจ้าถิ่นเล่นได้อย่างน่าประทับใจเกินคาด


ครึ่งหลังเชลซีกลับมาบุกได้น่ากลัว และนาทีที่ 48 ฌอน ไรท์ ฟิลลิปส์ก็ผ่านบอลให้นิโกล่าส์ อเนลก้าลุยเข้าเขตโทษด้านขวาก่อนจะตวัดเข้ามาให้โจ โคลตะบัน แต่บอลกลิ้งไม่ดีทำให้ดาวเตะร่างจิ๋วยิงบดลูกจึงวิ่งผ่านหน้าปากประตูออกไป


จากนั้นในนาทีที่ 54 คอซลัคก็เข้าปะทะใส่โจ โคลจึงรับใบเหลืองเป็นรายแรก และอีกสามนาทีถัดมาโจ โคลก็เลื้อยขึ้นกราบขวาก่อนจะตักยาวมาเสาไกลโดยมีเทอร์รี่โขกตั้งให้อเนลก้ากดระยะสิบหลา แต่บ๊อบบี้ ฮาสเซลล์ตามไปแหย่ให้บอลแฉลบโด่งข้ามคานได้ทัน


สิงโตน้ำเงินครามเพียรพยายามที่จะพังประตูให้ได้ และส่งซาโลมง กาลูลงไปแทนฟลอร็องต์ มาลูด้าที่ยังฟอร์มตกไม่เลิกในนาทีที่ 62 ก่อนที่อเนลก้าจะมีโอกาสเก็บตกลูกขลุกขลิกในกรอบเขตโทษด้านซ้าย แต่แคมป์เบลล์ ไรซ์หุบขาสกัดได้ทัน


กระนั้นก็ดี สิ่งที่เหลือเชื่อก็บังเกิดจนได้ในนาทีที่ 66 เมื่อเจ้าบ้านบุกสู้ขึ้นกราบขวาแล้วมาร์ติน เดวานี่ย์โยนบอลไปเสาไกลให้โอเดจายี่ดวลลูกโขกกับคูดิชินี่ระยะ 4 หลาแบบตัวต่อตัวโดยที่นายทวารชาวอิตาลีกระโดดได้เตี้ยกว่าบอลจึงตุงตาข่ายเป็นสกอร์นำ1-0 ของแจ็คผู้ฆ่ายักษ์


เชลซีจำต้องบุกแบบเต็มสูบแล้ว และเปลี่ยนเคลาดิโอ ปิซาร์โร่ลงไปแทนชูเลียโน่ เบลเล็ตติในนาทีที่74 ขณะที่เจ้าถิ่นส่งไมเคิ่ล คูลสันลงไปแทนโอเดจายี่ในช่วงสิบนาทีสุดท้ายและต้านเกมรุกของอาคันตุกะได้อย่างเหนียวแน่น กระทั่งนาทีที่ 90 คาร์วัลโญ่ก็ดับเครื่องชนฮาเวิร์ดแถวกลางสนามอย่างจังหยุดเกมโต้กลับน่าเกลียดแต่ผู้ตัดสินเมตตาชูใบเหลืองให้เท่านั้น จบเกมบาร์นสลีย์จึงสร้างผลงานชิ้นโบแดงอีกรอบเขี่ยแชมป์เก่าร่วงด้วยชัยชนะ 1-0 ทำเอาแฟนๆอดใจไม่อยู่วิ่งลงมาในสนามกันยกใหญ่


รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
บาร์นสลี่ย์ : ลุค สตีล, มาร์เซียโน่ ฟาน โฮโมต, เดนนิส ซูซ่า, สตีเฟ่น ฟอสเตอร์, โรเบิร์ต คอซลุค, จามาล แคมป์เบลล์-ไรซ์, บ็อบบี้ ฮาสเซลล์, ไบรอัน ฮาวเวิร์ด, มาร์ติน เดวานี่ย์ (แซม ท็อกเวลล์ น.73), กาโยเด้ โอเดจายี่ (ไมเคิ่ล โคลสัน น.80), อิสต์วาน เฟเรนซี่
สำรองไม่ได้ใช้ : ดาเนี่ยล นาร์ดิเอลโล่, จาค็อบ บัตเตอร์ฟิลด์, ดิเอโก้ เลออน
เชลซี : คาร์โล คูดิชินี่, ชูเลียโน่ เบลเลตติ (เคลาดิโอ ปิซาร์โร่ น.74), ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่, จอห์น เทอร์รี่, เวย์น บริดจ์, มิชาเอล เอสเซียง, มิชาเอล บัลลัค, ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์, ฟลอร็องต์ มาลูด้า (ซาโลมง กาลู น.62), โจ โคล, นิโกล่าส์ อเนลก้า
สำรองไม่ได้ใช้ : ฮิลาริโอ, จอห์น โอบี มิเกล, ทาล เบน-ฮาอิม




เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์