ดร็อกบาซัดชัยสิงห์เฉือนท็อฟฟี่ 3-2 จี้ผี 2 แต้ม

ดร็อกบาซัดชัยสิงห์เฉือนท็อฟฟี่ 3-2 จี้ผี 2 แต้ม

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 17 ธันวาคม 2549 22:56 น.

ดิดิเยร์ ดร็อกบา กองหน้าชาวไอวอรี่โคสต์ ซัดประตูสุดสวยช่วยให้ สิงโตน้ำเงินคราม เชลซี เฉือนชนะ ท็อฟฟี่สีน้ำเงิน เอฟเวอร์ตัน แบบหวุดหวิด 3-2 เก็บ 3 คะแนนได้สำเร็จและทำให้ช่องว่างตามแมนฯ ยูไนเต็ด เหลือเพียง 2 คะแนนเท่านั้น ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประจำวันอาทิตย์ที่ 17 ธันวาคม 2549
เอฟเวอร์ตัน 2-3 เชลซี

เดวิด มอยส์ ผู้จัดการทีมของ ท็อฟฟี่สีน้ำเงิน เอฟเวอร์ตัน ทำอันดับ 10 ของตารางพรีเมียร์ชิป ได้ มิเกล อาร์เตต้า มิดฟิลด์ตัวทำเกมลงเป็นตัวจริง และส่ง วิกเตอร์ อนิเชเบ หัวหอกดาวรุ่งลงเล่นเป็นครั้งแรกในฟุตบอลพรีเมียร์ลีก จับคู่กับ แอนดี้ จอห์นสัน ในแดนหน้า ส่วนทาง โฮเซ่ มูรินโญ่ กุนซือของ สิงโตน้ำเงินคราม เชลซี ต้องการชัยชนะในนัดเป็นอย่างยิ่งเพื่อต้องการลดช่องว่างเหลือเพียง 2 คะแนนในการทำแต้มไล่แซง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่จะเตะเป็นคู่สุดท้ายของวันอาทิตย์ เกมนี้ เฮียมู มีการเปลี่ยนแปลงผู้เล่นบางตำแหน่งโดยแนวรับ จอห์น เทอร์รี่ กองหลังชาวอังกฤษหมดสิทธิ์ลงสนามเนื่องจากมีอาการบาดเจ็บบริเวณหลัง ทำให้ คาร์ลิด บูลาห์รูซ ที่สมบูรณ์กว่าลงเล่นเป็นตัวจริง ส่วนแดน ดิดิเยร์ ดร็อกบา ลงเล่นเป็นตัวจริงล่าตาข่ายอีกครั้งหลังเมื่อกลางสัปดาห์เป็นตัวสำรอง

มิเกล อาร์เตต้า สังหารจุดโทษให้เอฟเวอร์ตันขึ้นนำในครึ่งแรก

เริ่มต้นครึ่งแรก 8 นาที ดิดิเยร์ ดร็อกบาของเชลซี จับบอลด้วยซ้ายก่อนวอลเลย์ตรงกรอบเขตโทษระยะ 12 หลาแต่บอลหลุดออกไปทางขวา ถัดมานาที 11 มิคาเอล เอสเซียง ได้ยิงด้วยซ้ายแต่บอลลอยไปติดตัว มิชาเอล บัลลัค ทว่าในนาที 12 เอฟเวอร์ตันได้โอกาสเล่นเกมสวนกลับ เมื่อ มิเกล อาร์เตต้า ลากบอลทางกราบซ้ายจนถึงเส้นหลัง ก่อนจับด้วยขวาซัดผ่านไปหน้าประตูแต่กองหลังของทีมเยือนโหม่งสกัดออกไปได้

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป เอฟเวอร์ตัน ทำเกมรุกได้ดีกว่าและมีโอกาสทำประตูหลายครั้ง ในนาที 37 เจ้าบ้านมาได้จุดโทษจากความผิดพลาดของ คาร์ลิด บูลาห์รูซ ที่เข้าไปกอด วิกตอร์ อนิเชบี้ จนล้มลงในเขตโทษ และ มิเกล อาร์เตต้า รับหน้าที่สังหารหลอก เอ็นริเก้ ฮิลาริโอ พุ่งไปผิดทาง บอลพุ่งเรียดเสียบมุมซ้ายของตนเองเข้าตาข่ายไปอย่างสวยงาม เอฟเวอร์ตัน ขึ้นนำ 1-0 หลังจากเสียประตู สิงห์บลูส์ พยายามเร่งเพื่อทำประตูและมีโอกาสลุ้นในนาที 42 แอชลี่ย์ โคล สับไกระยะ 25 หลาแต่หลุดกรอบ

ครึ่งหลังเริ่มได้ 2 นาที เชลซี เปิดเกมรุกเข้าใส่ทันที

เพื่อนร่วมทีมเข้ามาสะใจกับลูกฟรีคิกของ มิชาเอล บัลลัค

แฟรงค์ แลมพาร์ด รับบอลจากเพื่อนแล้วได้ยิงหน้ากรอบเขตไทษแต่ติดบล็อก ลี คาร์สลี่ย์ จากนั้นนาที 48 ทีมเยือนมาได้ฟรีคิกระยะหวังผล โดย มิชาเอล บัลลัค กองกลางชาวเยอรมัน รับหน้าที่ปั่นด้วยขวาหนีกำแพงบอลเลี้ยวไปชนเสากระดอนโดนหลัง ทิม ฮาวเวิร์ด เข้าประตูไป เชลซี ตีเสมอ 1-1

เชลซี บดเกมรุกอย่างหนัก ทำเอาแนวรับของเจ้าบ้านปั่นปวนและในนาที 56 แลมพาร์ดเปิดลูกเตะมุมยาวบอลข้ามถึงตัว โยโบ แต่เตะวืดมาเข้าทาง คาลู ยิงด้วยขวาบอลชนเสาออกไป อย่างไรก็ตาม เอฟเวอร์ตัน หาจังหวะขึ้นทำเกมตรงริมเส้นซ้าย และ มาได้ฟรีคิกบริเวณดังกล่าว แต่ ฮิลาริโอ กระโดดชกออกไปได้ ทว่านาที 64 เอฟเวอร์ตัน ขึ้นนำ 2-1 จากลูกเตะมุมของอาร์เตต้า เปิดยาวผ่านหน้าปากประตู โยโบ เทคตัวโหม่งเบียดผู้เล่นของเชลซี บอลพุ่งเสียบเข้าประตูไป

นาที 67 แลมพาร์ด ตักบอลให้ ดร็อกบา

แลมพ์สะใจกับลูกตีเสมอ 2-2

วิ่งแซงกลับตัวแล้วยิงแต่บอลลอยข้ามคานไม่ได้ลุ้น เข้าสู่นาที 73 มูรินโญ่ เห็นว่าเกมของทีมยังไม่ดีขึ้นหลังเสียประตู จึงตัดสินใจปรับเปลี่ยนตัวผู้เล่น 2 คนสุดท้ายพร้อมกันโดยส่ง อังเดร เชฟเชนโก้ ดาวยิงชาวยูเครน แทน อาร์เยน ร็อบเบน ที่ไม่ค่อยมีบทบาทในเกมนี้มากนัก และ เวย์น บริดจ์ ลงมาเล่นแทน คาร์ลิด บูลาห์รูซที่ทำเสียจุดโทษในครึ่งแรก

สิงห์บลูส์ ยังคงหาจังหวะเจาะประตูเพิ่มหวังตีเสมอในนาที 78 มาเกเลเล่ โยนบอลมาให้ เชว่า กระชากยาวขึ้นมาแล้วตัดสินใจยิงทันทีแต่บอลพุ่งผิดเหลี่ยมไม่เข้ากรอบ เข้าสู่ช่วง 10 นาทีสุดท้าย ทีมเยือนมาตีเสมอได้สำเร็จ 2-2 จากจังหวะที่ คาลู พาบอลขึ้นมาทางกราบซ้าย แล้วผ่านให้ แลมพาร์ด ส่องไกลด้วยขวาระยะ 20 หลาบอลลอยเสียบเข้าทางมุมซ้ายของฮาเวิร์ด

และแล้วในนาที 87 เชลซีได้ประตูแซงนำเป็น 3-2

ดรอกบ้าซัดฮาล์ฟวอลเล่ย์ ให้ทีมขึ้นนำ

เมื่อ เชว่า หยอดบอลให้ ดร็อกบา พักอกหนึ่งจังหวะแล้วกลับตัวตวัดยิงด้วยขวาบอลลอยโด่งก่อนจะย้อยเข้ากลางประตูอย่างสวยงาม ชนิดที่ ฮาเวิร์ด หมดโอกาสเซฟ ช่วงท้ายเกม มอยส์ ตัดสินใจเปลี่ยนตัวผู้เล่น สองคนพร้อมกัน โดยเอา เจมส์ บีทตี้ แทน ลี คาร์สลี่ย์ และ เจมส์ แม็คฟาดเด้น แทน วิกตอร์ อนิเชบี้ ทว่าไม่สามารถทำอะไรได้เพิ่มเติม หมดเวลการแข่งขัน เชลซี บุกมาเฉือนชนะ เอฟเวอร์ตัน ถึงรังกูดิสัน ปาร์ค แบบสุดมัน 3-2 เก็บ 3 แต้มสำคัญเอาไว้ได้พร้อมเหลือช่องว่างตามแมนฯ ยูไนเต็ด จ่าฝูงเพียง 2 คะแนนเท่านั้น ส่วน เอฟเวอร์ตัน พ่ายในบ้านเป็นเกมที่ 2 ของฤดูกาลนี้

รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม

เอฟเวอร์ตัน: ทิม ฮาเวิร์ด, โจลีออน เลสคอตต์, ฟิลล์ เนวิลล์, อลัน สตับส์, โจเซฟ โยโบ, มิเกล อาร์เตต้า, ลี คาร์สลี่ย์ (เจมส์ บีทตี้ น.90), ไซมอน เดวี่ส์, ลีออน ออสมัน, วิกตอร์ อนิเชบี้ (เจมส์ แม็คฟาดเด้น น.90), แอนดี้ จอห์นสัน

เชลซี : เอ็นริเก้ ฮิลาริโอ, คาร์ลิด บูลาห์รูซ (เวย์น บริดจ์ น.74), ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ , แอชลี่ย์ โคล , มิชาเอล บัลลัค , มิคาเอล เอสเซียง ,เฌเรมี่ เอ็นจิตั๊ป (ซาโลมอน คาลู น.45), แฟร้งค์ แลมพาร์ด , โคล้ด มาเกเลเล่, ดิดิเยร์ ดร็อกบา , อาร์เยน ร็อบเบน (อังเดร เชฟเชนโก้ น.73)

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์