ดรอกซัดอีกแล้ว เชลซีบุกเชือดสาลิกาศึกลีกคัพ

เชลซีบุกเชือดสาลิกาศึกลีกคัพ

เจมส์ มิลเนอร์ ปีกสาลิกาดงโดนเสียบคว่ำในเกมนี้

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 21 ธันวาคม 2549 04:42 น.

สาลิกาดง นิวคาสเซิล ทำเกมสู้ สิงโตน้ำเงินคราม เชลซี ได้ แต่สุดท้ายพ่ายความเฉียบคม หลังแพ้ไป 0-1 ตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายในศึกคาร์ลิ่ง ลีก คัพ เมื่อวันพุธที่ผ่านมา

นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด มีโปรแกรมต้องเปิดบ้านรับ เชลซี ทำศึกฟุตบอลคาร์ลิ่ง ลีก คัพ รอบ 8 ทีมสุดท้าย เมื่อวันพุธที่ 20 ธันวาคม 2549 โดยเกมนี้ทีมเยือนถือโอกาสพักนักเตะตัวหลักหลายราย อาทิ แฟร้งค์ แลมพาร์ด, จอห์น เทอร์รี่, มิชาเอล บัลลัค, แอชลี่ย์ โคล และ ดิดิเยร์ ดร็อกบา

โดยเปิดเกมมาทั้งสองฝ่ายต่างเปิดเกมรุกแลกใส่กันอย่างสนุก แต่ยังไม่มีทีมใดพังประตูกันได้ กระทั่งนาทีที่ 23 คีรอน ดายเออร์ ไปทำฟาวล์ โอบี มิเกล นักเตะทีมเยือน พร้อมแสดงกิริยาไม่เหมาะสม เกือบจะมีเรื่องกัน สุดท้ายผู้ตัดสินเข้ามาห้ามทัพได้ทัน แต่ถัดมาอีกเพียงนาทีเดียว เปาโล แฟร์ไรร่า ไปทำฟาวล์ เจมส์ มิลเนอร์ จนได้รับใบเหลืองแรกของเกมนี้


แต่ นิวคาสเซิล เกือบจะได้ประตูนำไปก่อน

เมื่อ โอบาเฟมี่ มาร์ตินส์ ได้จังหวะส่องไกลหน้ากรอบเขตโทษ บอลพุ่งแรงผ่านมือผู้รักษาประตูเชลซี แต่ชนคานกระดอนคาบเส้นปากประตู แล้วถูกสกัดออกไปได้อย่างน่าลุ้น

นาทีที่ 39 เชลซี มีลุ้นจากลูกหวาดเสียว เมื่อ โอบี มิเกล วิ่งเข้ามาหวดลูกเก็บตกหน้ากรอบเขตโทษโด่งข้ามคานออกไปไกล ทั้งๆ ที่ไม่มีใครประกบ ขณะที่ในนาทีที่ 43 ยังเป็นโอกาสของ เชลซี อีกครั้ง เมื่อ มาเกเลเล่ ผ่านบอลขวางสนามมาให้ เอสเซียง ซัดไกลระยะเกือบ 40 หลา แต่บอลก็ยังไร้ทิศทางที่จะพุ่งเข้ากรอบประตูอยู่ดี

นาทีที่ 45 เชฟเชนโก้ พลาดโอกาสมีชื่อเป็นผู้ทำสกอร์ไปอย่างน่าเสียดาย เมื่อทำชิ่งกับ เอสเซียง จนตัวเองหลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษด้านขวา กันซัดหักข้อเต็มแรง บอลพุ่งเรียดชนเสาไกลกระดอนออกไปอย่างน่าเสียดาย กระทั่งจบ 45 นาทีแรก ทั้งสองทีมยังเสมอกัน 0-0

เข้าสู่การแข่งขันใน 45 นาทีหลัง โฮเซ่ มูรินโญ่ นายใหญ่ค่าย เชลซี ตัดสินใจถอด โคลด มาเกเลเล่ ออก แล้วส่ง แฟร้งค์ แลมพาร์ด ลงมาทำเกมรุกแทน แต่เกมรุกทางริมเส้นของ นิวคาสเซิล ยังสร้างปัญหาให้กับเชลซี จนกระทั่งนาทีที่ 53 บูลาห์รูซ ต้องรับใบเหลืองเป็นรายที่ 2 หลังไปทำฟาวล์ สกอตต์ ปาร์เกอร์

นาทีที่ 65 จอห์น โอบี มิเกล ได้รับบาดเจ็บจนต้องถูกเปลี่ยนตัวออกไป ทำให้ มูรินโญ่ ต้องส่ง มิชาเอล บัลลัค จอมทัพชาวเยอรมนี ลงเล่นแทน ขณะที่นาทีที่ 72 อังเดร เชฟเชนโก้ โดนเปลี่ยนตัวออก เพื่อเปิดโอกาสให้ ดิดิเยร์ ดร็อกบา หัวหอกฟอร์มร้อนแรงลงมาทำหน้าที่แทน

นาทีที่ 73 เอ็มเร่ ต้องโดนใบเหลืองเป็นรายแรกของ นิวคาสเซิล

หลังไปทำฟาวล์ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ขณะที่อีก 2 นาทีถัดมา รอบเบน โดนทำฟาวล์นอกกรอบเขตโทษด้านซ้าน และเป็น ดร็อกบา ที่ปั่นฟรีคิกเสียบเสาสองเข้าไป โดยที่ กิฟเว่น ทำได้เพียงแค่ใช้ปลายมือปัดแต่ไม่พ้นกรอบประตู ส่งให้ นิวคาสเซิล ตามหลัง เชลซี 0-1

นาทีที่ 84 โนเบอร์โต้ โซลาโน่ รับใบเหลืองไปอีกราย หลังไปใช้ตัวขวางการเล่นบอลของ ดร็อกบา หน้ากรอบเขตโทษ และเป็น มิชาเอล บัลลัค รับหน้าที่สังหาร แต่บอลหลุดกรอบประตูออกไปไกล ถัดมาอีกเพียง 1 นาที เกล็น โรเดอร์ กุนซือเจ้าถิ่น ตัดสินใจแก้เกมด้วยการส่ง ซิเบียร์สกี้ ลงมาเล่นแทน เจมส์ มิลเนอร์ แต่เกมนี้ นิวคาสเซิล ก็ทำอะไรเพิ่มไม่ได้ สุดท้าย พ่าย เชลซี ไป 0-1 ส่งทีมเยือนผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศต่อไป

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

นิวคาสเซิล : เชย์ กิฟเว่น, พอล ฮันทิงตัน, ปีเตอร์ ราเมจ, สตีเฟ่น เทย์เลอร์, โนเบอร์โต้ โซลาโน่, เจมส์ มิลเนอร์, สกอตต์ ปาร์เกอร์, นิคกี้ บัตต์, คีรอน ดายเออร์, เอ็มเร่ เบโลโซกลู และ โอบาเฟมี่ มาร์ตินส์

เชลซี : ฮิลาริโอ, คาลิด บูลาห์รูซ, เวย์น บริดจ์, ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่, เปาโล แฟร์ไรร่า, โคลด มาเกเลเล่, มิคาเอล เอสเซียง, จอห์น โอบี มิเกล, ซาโลมอน คาลู, อาร์เยน ร็อบเบน และ อังเดร เชฟเชนโก้

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์