ความทรงจำสีน้ำเงินที่ โอลด์ แทฟฟอร์ต

.........หากจะบอกว่าการเจอกันระหว่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับ ลิเวอร์พูล คือการแข่งขันที่มี ศักดิ์ศรี เป็นเดิมพัน.. การพบกันของปีศาจแดงกับสิงโตน้ำเงินครามก็เปรียบได้ว่าเป็นนัดที่ตัดสินทิศ ทางของแชมป์ พรีเมียร์ลีก เกือบทุกครั้งในเวลาหลายปีที่ผ่านมา

แต่ ถ้าย้อนไปในช่วงที่ แมนยูไนเต็ด กำลังรุ่งเรืองสุดขีดหลังจากคว้าทริปเปิ้ลแชมป์ การเจอกันของ เชลซี กับ แมนยูไนเต็ด ต้องบอกว่าปีศาจแดงเป็นต่อพอสมควร หากเอาชนะได้ได้ก็ถือว่าสุดยอดแล้ว ยิ่งถ้าวันใดเกิดพลิกล็อคบุกไปชนะที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด ได้นั่นก็คือโบนัสแสนล้ำค่าสำหรับแฟนบอลที่ไม่มีวันลืม
arsenal
ตัวผมเริ่มเชียร์ เชลซี ในปี 1997 โดยตอนนั้นยังเป็นเด็กอายุ 6 ขวบที่วิ่งเล่นกับเพื่อนๆ ตามสวนสาธารณะ.. ทุกคนในครอบครัวขายวิญญาณให้กับปีศาจแดงแบบเต็มสายเลือด จะมีก็แต่ผมนั่นแหละ ที่เป็นแกะดำเพราะดันบังเอิญไปเห็นโปสเตอร์ของ จานฟรังโก้ โซล่า ในห้องนอนของพี่ชาย

จากนั้นก็รบเร้าขอให้คุณแม่ ซื้อเสื้อของ เชลซี ให้กับผม และเสื้อฟุตบอลตัวแรกที่ผมได้นั้น เป็นของขวัญที่แสนล้ำค่า มีสีน้ำเงินที่ครามอย่างสง่า และมีสปอนเซอร์ตรงกลางที่เขียนไว้ว่า Autoglass.. ทำให้เสื้อตัวเล็กที่เคยใส่ในตอนเด็กๆ ตัวนั้นยังอยู่ในตู้เสื้อผ้าเหมือนเดิมไม่เคยหายไปไหน

ความทรงจำแสน งดงามครั้งแรกของผมที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด คงต้องย้อนไปในปี 2001..

เป็น วันที่ผมมอบหัวใจให้แก่ เชลซี แบบเต็มร้อย เพราะตามเชียร์อย่างใกล้ชิดมาตลอดหลังจากนั้น.. จิมมี่ ฟลอยด์ ฮัสเซลแบงค์ เปิดลูกเตะมุมจากฝั่งซ้ายของสนาม.. มาริโอ เมลคิออท วิ่งโฉบขึ้นมาโหม่งเต็มศรีษะให้ทีมบุกมานำ แมนยูไนเต็ด ไปก่อน 1 - 0

หลัง จากนั้นสถานการณ์ของ เชลซี เกือบมีปัญหาเมื่อพี่ม้า ฟาน นิสเตอรอย ได้โอกาสหลุดเดี่ยวไปดวลกับ คาร์โล คูดิชินี่ แต่ว่า บาบายาโร่ ล้มตัวตัดฟาวส์ไว้เสียก่อน และต้องถือว่าโชคดีที่เป็นแค่ใบเหลืองทั้งๆ ที่เป็นกองหลังตัวสุดท้าย สามารถให้ใบแดงได้ทันที

จบครึ่งแรก เชลซี เป็นฝ่ายที่ครองความได้เปรียบเอาไว้ ครึ่งหลังปีศาจแดงก็บุกตามระเบียบ.. แต่ว่า เซบาสเตียน เวรอน เจ้าของค่าตัวสถิติสโมสรผ่านบอลพลาดแบบไม่น่าให้อภัยตรงกลางสนาม.. ฮัสเซลแบงค์ ตัดบอลได้และฝากไปให้ที่ ไอเดอร์ กุ๊ดยอร์นเซ่น..

ศูนย์ หน้าชาวไอริชเลี้ยงบอลจี้เพื่อกดดันกองหลัง ก่อนที่จะผ่านบอลไปให้ ฮัสเซลแบงค์ อีกครั้งและจัดการสังหารโหดมุมแคบเสียบเสาสองผ่านมือ ฟาเบียง บาร์กเตซ เข้าไปอย่างสวยงาม.. ภาพในจอทีวีตัดกลับมาให้เห็นอารมณ์ของ เวรอน ในตอนนั้นด้วยสีหน้าที่รู้สึกผิดหวังในตัวเองอย่างรุนแรง

ช่วงท้าย เชลซี มาตอกย้ำชัยชนะด้วยประตูชัยของ ไอเดอร์ กุ๊ดยอร์นเซ่น ทำให้สิงโตน้ำเงินครามบุกไปเอาชนะ แมนยูไนเต็ด ที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด 3 - 0 ภายใต้อาการดีใจอย่างสุดขีดของผู้จัดการทีม เคลาดิโอ รานิเอรี่..

หลัง จากนั้นผมไม่เคยมีความทรงจำดีๆ แบบนี้อีกเลยที่โรงละครแห่งความฝัน.. สาวกสิงโตน้ำเงินครามรู้สึกผิดหวังอย่างมากที่ โรมัน อบราโมวิช จัดการปลด รานิเอรี่ ออกในปี 2004 ทั้งๆ ที่พาทีมไปถึงรอบรองชนะเลิศถ้วยยุโรปและจบฤดูกาลด้วยอันดับ 2 ในเกมลีก
arsenal
นายใหม่ โชเซ่ มูรินโญ่ สามารถสร้างปรากฏการณ์อันวิเศษให้แก่พวกเราอีกครั้ง.. เชลซี คว้าแชมป์ลีกสูงสุดได้ในรอบ 50 ปีที่ รีบอร์ค สเตเดี้ยม..

เกมต่อมา ต้องเดินทางไปที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด ในฐานะ ผู้ชนะ โดยมี แฟรงค์ แลมพาร์ด เดินน้ำหน้าเข้าสู่การต้อนรับอันสุดแสนประทับใจ นักเตะปีศาจแดงยืนเป็นแถวให้ผู้เล่น เชลซี เดินผ่านไปพร้อมกับเสียงปรบมือดังสนั่นจนทำให้ตัวผมขนลุกเหมือนตอนที่กำลัง นั่งเขียนบทความนี้ขึ้นมา

แมนยูไนเต็ด ได้ประตูขึ้นนำไปก่อนจากการยิงไขว้ขาสุดคลาสสิกของ รุด ฟาน นิสเตอรอย.. แต่ประตูเสมอของ เชลซี ทำให้ผมจำชื่อของ ติอาโก้ เมนเดส ไปตลอดชีวิตว่านั่นคือลูกยิงที่สวยงามที่สุดตั้งแต่เคยดูฟุตบอลมา.. ติอาโก้ ตั้งป้อมตรงกลางสนามระยะ 30 กว่าหลา

บอลพุ่งเป็นจรวดพร้อมกับเสียบ สามเหลี่ยมพอดิบพอดีในชนิดที่ รอย คาร์โรล ได้แต่มองบอล ทำให้นายใหญ่ โชเซ่ มูรินโญ่ ถึงกับลุกขึ้นมาแล้วชูนิ้วให้อย่างมึนงง อารมณ์ประมาณว่า นายยิงเข้าไปได้ยังไง

เกมวันนั้นจบลงด้วยการที่ เชลซี บุกมาเอาชนะ 3 - 1 โดยอีก 2 ประตูที่ได้คือการหลุดไปแปบอลแบบจ่อๆ ของ ไอเดอร์ กุ๊ดยอร์นเซ่น และการชาร์จหน้ากรอบเผาขนของ โจ โคล.. เป็นอีกแมทที่สร้างความประทับใจให้กับแฟนบอลได้อย่างดี

แต่มันก็มี บางครั้ง ที่ความทรงจำสีน้ำเงินได้อ่อนจาง.. ปี 2005 เชลซี บุกไปเยือน แมนยูไนเต็ด ในสถาณการณ์ที่ยอดเยี่ยม.. หนังสือพิมพ์ทุกแขนงลงความเห็นกันว่า เกมนี้มันจะสู้กันได้หรือ ?

พอ จบเกมแล้วเซียนทั้งหลายถึงกับหน้าแตกกันเป็นแถว ลูกโหม่งย้อยๆ ของ ดาเรน เฟลตเชอร์ ทำให้ผู้เล่นของ เชลซี ต้องจำไปอีกนาน ตอนนั้นผมเศร้าสุดขีด เพราะคุณย่ามาเสียชีวิตในวันนั้นพอดี ทำให้ผมเสียน้ำตาไปหลายวันแบบทวีคูณจนตั้งสติแทบไม่ได้

อย่างไรก็ ตาม ฤดูกาลที่แล้ว ณ โอลด์ แทรฟฟอร์ด ก็ไม่ค่อยน่าจดจำเท่าไหร่..
arsenal
ทีมแพ้แบบหมดรูป สถาณการณ์ในแคมป์ของ เชลซี ระอุเพราะมีข่าวออกมาว่านักเตะอย่าง เช็ก ดร็อกบา และ บัลลัค เริ่มออกมาโจมตีใส่ หลุยส์ เฟลิเป้ สโคลารี่ จนทำให้ บิ๊กฟิล ต้องโดนเฉดหัวออกจาก เดอะ บริดจ์ ด้วยเวลาการทำทีมเพียง 7 เดือน

เวลา เดินทางมาจนถึงปี 2010.. ในวันเสาร์ที่ 3 เมษายน ซึ่งก็คือวันเสาร์นี้ จะมีเกมชี้ชะตาแชมป์เกิดขึ้นที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด โดยที่ แมนยูไนเต็ด มีข่าวที่ไม่สู้ดีนัก เมื่อ เวนย์ รูนีย์ ศูนย์หน้าตัวเก่งต้องพักรักษาตัวถึง 2 สัปดาห์.. กลับกัน เชลซี ได้ตัว ดิดิเยร์ ดร็อกบา กลับคืนสู่ทีมอีกครั้ง..

แต่สำหรับผมแล้ว ผมไม่มองว่า เชลซี จะได้เปรียบอะไรเลยแม้แต่นิด..!? อย่าลืมว่าเตะกันที่บ้านของ แมนยูไนเต็ด และทีมก็ยังไม่มีชื่อของ ไมเคิ่ล เอสเซียง , แอชลีย์ โคล , บรานิสลาฟ อิวาโนวิช และ โชเซ่ โบซิงวา อีกด้วย.. ตามความจริงคือความพร้อมของตัวผู้เล่นเจ้าถิ่นเหนือกว่าด้วยซ้ำ

สถาณการณ์ บีบบังคับให้ เชลซี ต้องไม่แพ้.. เพราะถ้าเกิดถูกปีศาจแดงขย้ำในวันเสาร์นี้ จะทำให้ทีมแทบหมดสิทธิ์ลุ้นแชมป์เลยทันที..

แต่ถ้าเกมจบลงด้วยผล เสมอ ก็ใช่ว่าจะไม่เสียหายอะไร.. ในทางกลับกัน เชลซี ยังต้องเจอกับ สเปอร์ และ ลิเวอร์พูล อีกต่างหาก โอกาสชนะก็น้อย เพราะสถิติการเล่นนอกบ้านปีนี้ไม่ค่อยจะดีนัก

ความลำบากใจของคนที่ ติดตามเชียร์คงไม่มากเท่ากับผู้จัดการทีมอย่าง คาร์โล อันเชล็อตติ.. ถึงจะตกรอบถ้วยยุโรปไปแล้ว ยังไงพวกเราในฐานะสาวกสิงโตน้ำเงินครามก็ยังต้องเอาใจช่วยกันต่อไป กำลังใจอันเต็มเปี่ยมคือแรงผลักดันให้ผู้นำของเรานั้นก้าวไปข้างหน้าอย่าง เต็มความสามารถ

เกมจะเป็นอย่างไรคงไม่มีใครตอบได้.. ของแบบนี้มันต้องลิ้มรสให้ถึงที่สุด.. แล้วคุณจะรู้ว่า ความทรงจำที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด ของคุณนั้นเป็นแบบไหน ?

คำตอบมันอยู่ที่จิตใต้สำนึกของตัวเราเอง.. ว่าจะให้มันเป็นเช่นไร..


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์