ตามฟอร์ม!สิงห์เน่าต่อเนื่องแพ้มาร์กเซย 1-0



แฟนเซ็ง!สิงห์เน่าต่อเนื่องแพ้มาร์กเซย 1-0


ฟอร์มยังเป๋อย่างต่อเนื่องสำหรับเชลซีที่แม้จะการันตีแชมป์กลุ่มตั้งแต่ยังไม่แข่งแต่เกมแชมเปี้ยนลีกส์ที่ชนะ 5 นัดรวดก็มาสะดุดในนัดสุดท้ายพ่ายมาร์กเซยไป 1-0 จากฝีเท้าของบรันเดาหัวหอกชาวบราซิลทำสถิติแพ้ 4 จาก 8 นัดหลังสุด

ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มเอฟ

วันพุธที่ 8 ธันวาคม 2553


โอลิมปิก มาร์กเซย 1 : 0 เชลซี

ประตู :
1-0 บรันเดา น.81

เกมที่สต๊าด เวโลโดรม โอลิมปิก มาร์กเซยไม่มีสเตฟาน เอ็มเบียมิดฟิลด์ตัวตัดเกมที่ติดโทษแบนขณะที่เซซ่าร์ อัซปิลิกวยต้าและวิตอริโน่ ฮิลตันสองกองหลังยังมีอาการบาดเจ็บ

คาร์โล อันเชล็อตติกุนซือสิงโตน้ำเงินครามกำลังเครียดกับผลงานลูกทีมเมื่อผลงานในลีก 6 นัดหลังสุดเอาชนะคู่แข่งได้เพียงนัดเดียวเกมนี้ไม่มีนิโกล่าส์ อเนลก้ากับแอชลี่ย์ โคลที่ได้พักแข้งขณะที่โจชัว แม็คเอชรานได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริง

เกมนี้ดิดิเย่ร์ ดร็อกบากองหน้าไอวอรี่โคสต์ได้กลับมาเยือนถิ่นเก่าอีกครั้งหลังย้ายไปเชลซีตั้งแต่ปี 2004

ครึ่งแรก

มาร์กเซยรุกหนักหวังยิงนำเร็ว
เกมในช่วง 10 นาทีแรกเจ้าบ้านบุกกดดันผู้มาเยือนจากอังกฤษได้มากกว่าโดยมีจังหวะได้ลุ้น 2 ครั้งคือจังหวะที่โลอิก เรมี่ได้วอลเล่ย์ลูกที่กองหลังสกัดลอยโด่งมาเข้าทางในกรอบเขตโทษแต่หัวหอกทีมชาติฝรั่งเศสกลับยิงแป๊กแทบหลังหักกับอีกช็อตที่บัวโนต์ เชย์รูได้เอี้ยวตัวยิงลูกที่ลอยอยู่หน้ากรอบเขตโทษแต่ลูกออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย

วัลบูเอน่ากดชนคานสะเทือน
นาที 11 มาติเยอ วัลบูเอน่าได้โอกาสส่องไกลร่วม 30 หลาส่งลูกพุ่งผ่านมือปีเตอร์ เช็คไปชนคานเข้าอย่างจังขณะที่จังหวะต่อเนื่องเชย์รูได้ครอสลูกจากด้านซ้ายและก็เป็นวัลบูเอน่าอีกครั้งที่พุ่งโหม่งเฉียดเสาสองออกไป

เรมี่ยิงไกลได้ลุ้น
ถัดจากนั้นอีก 2 นาทีเรมี่ได้บอลจากบรันเดาจึงสบโอกาสส่องไกลจากนอกกรอบส่งลูกพุ่งเฉียวโคนเสาไปนิดเดียว

เจ้าบ้านเกือบเสียจุดโทษ
เจ้าบ้านบุกไปบุกมาเกือบมาเสียลูกโทษให้เชลซีซ่ะงั้นหลังมาลูด้าปีกจอมเทคนิกได้ลูกจากการจ่ายบอลทะลุช่องจนเข้าไปถึงกรอบเขตโทษแต่มาโดนดิยาวาร่าเซนเตอร์แบ็กมาร์กเซยพุ่งเข้ามาเสียบจากทางด้านหลังโดนข้อเท้านิดนึงแต่มาลูด้าดันแอ็คท่าเหมือนกับนักกระโดดไกลทีมชาติเลยทำให้ตอนแรกทีผู้ตัดสินเหมือนจะให้เป็นลูกโทษจึงเปลี่ยนใจตัดสินให้เชลซีได้แค่ลูกเตะมุมเท่านั้น

เชลซีได้โอกาสส่องหลายครั้ง
เกมผ่านมาถึงนาที 21 รามิเรสได้กดจากนอกกรอบแต่ลูกดันเหินข้ามคานไปจังหวะต่อเนื่องซาโลมง กาลูได้เลื้อยเข้าไปในกรอบเขตโทษทางฝั่งขวาก่อนจะยิงบอลเฉียวโคนเสาออกไปแบบได้เสีย

ดร็อกบาได้ยิงแต่ติดบล็อก
นาที 34 ดร็อกบาเกือบเล่นงานทีมเก่าเสียแล้วเมื่อได้บอลจากโบซิงวาตรงแถวจุดโทษแต่พอจังหวะยิงดันถูกกองหลังเจ้าบ้านพุ่งมาบล็อกได้ทัน

เด็กเก่าผีโขกตุงประตูเชลซีแต่ล้ำหน้า
จากลูกฟรีคิดที่เทอร์รี่ไปทำฟาวล์หน้ากรอบเป็นเชย์รูที่เปิดเข้ามาให้กาเบรียล ไฮน์เซ่อดีตเด็กเก่าผีแดงวิ่งสอดเข้ามาโขกตุงตาข่ายแต่คงออกตัวแรงไปเลยล้ำหน้าเจ้าบ้านจึงอดได้ประตูขึ้นนำอีกครั้ง

เรือใบ
เกมก่อนจบครึ่งแรกทั้งสองทีมบุกโต้กันไปโต้กันมาอย่างสนุกเร้าใจโดยเชลซีมีโอกาสลุ้นซี๊ดๆจากจังหวะที่กาลูสับขาหลอกกองหลังเจ้าบ้านในเขตโทษแต่จังหวะยิงดันกดเต็มหลอดส่งลูกข้ามคานไปอีกสุดท้ายจากโอกาสยิงรวมกัน16 ครั้งของทั้งสองฝ่ายจึงยังไม่มีประตูเกิดขึ้น สกอร์หยุด(ชั่วคราว)อยู่ที่ 0-0


ครึ่งหลัง

มาลูด้าได้ยิงเร็ว
เปิดฉากครึ่งหลังมา 2 นาทีเป็นมาลูด้าที่โชว์เด่นอย่างแรงในครึ่งแรกที่ได้จังหวะพาบอลจากด้านซ้ายก่อนจะตัดเข้าในแล้วสับไกยิงไปตรงตัวม็องด็องด้าส่อให้เห็นว่าเกมนี้ยังคงมันส์อยู่

ผ่านไป 10 นาทีเกมยังสนุก
เกมดำเนินมาถึงนาที 55 ทั้งสองทีมยังรุกและรับกันอย่างสนุกเพราะเกมค่อนข้างเร็วและเปิดกว้างผู้เล่นคีย์แมนของทั้งสองฝ่ายเลยมีพื้นที่ให้เล่นตลอดแต่ยังไม่มีฝ่ายไหนพลาดกันเลย

ดร็อกบาได้ใจแฟน
จังหวะที่ดร็อกบาได้พลิกบอลหนีผู้เล่นเจ้าบ้านทะลุเข้าไปในเขตโทษฝั่งซ้ายแต่โดนกองหลังพุ่งเข้าสกัดอย่างจังแต่เจ้าตัวกลับรีบลุกขึ้นมาโดยไม่มีทีท่าว่าจะร้องเอาจุดโทษแถมยังมีน้ำใจไปช่วยประคองคนที่เข้ามาแท็กตัวเองอีกทำให้พอตอนโดนเปลี่ยนตัวแฟนๆทั้งสนามเลยปรบมือให้อย่างเกรียวกราวโดยมีสเตอร์ริดจ์กองหน้าตัวจี๊ดลงมาแทนขณะที่ฝั่งเจ้าบ้านก็ส่งตัวทีเด็ดอย่างลูโช่ กอนซาเลสจอมทัพอาเจนไตน์และอังเดร อายิวปีกความเร็วสูงลงมาเล่นงานทีมเยือน

แบ็กไนจีเรียทดสอบเช็ค
ถัดจากนั้นไตอิโว่แบ็กจอมปั่นฟรีคิกได้โอกาสกึ่งยิงกึ่งผ่านเข้ามาเทสต์ว่าเช็คยังเหมออยู่หรือเปล่าเล่นเอามือกาวเชลซีต้องผวาล้มตัวใช้เท้าสกัดเคลียร์ลูกออกไป

รามิเรสส่องไกลอีกหน
นาที 72 รามิเรสมิดฟิลด์ทีมชาติบราซิลได้โอกาสเบิกสกอร์ให้ตัวเองอีกครั้งหลังวิ่งเข้ามาอัดบอลจากนอกกรอบแต่ลูกข้ามคานไปอีกคงต้องปรับความแม่นยำให้มากกว่านี้

อายิวเกือบแผลงฤทธิ์
อายิวโชว์การเลื้อยปั่นป่วนแนวรับทีมเยือนได้ดีแต่จังหวะที่ลากเข้าไปจะแหวกสามในกรอบเขตโทษดันไปโดนเอสเซียงนักสู้พันธุ์ข้ามหลามพุ่งเอาไหล่มาชนจนเสียหลักไปโดนโบซิงวากระแทกเข้าอีกดอกล้มคว่ำกันเลยทีเดียวแต่ลูกนี้ไม่ได้จุดโทษเพราะกรรมการมองว่าไหล่ต่อไหล่

บรันเดาจัดประตูแรกแล้ว
นาที 81 มาร์กเซยมาได้ประตูออกนำเมื่อตาอิโว่แบ็กซ้ายเท้าหนักได้บอลทางริมเส้นฝั่งซ้านก่อนจะกระชากเข้ามาด้านในแล้วยิงอัดด้วยเท้าขวาลูกไปโดนกองหลังเชลซีหลุดมาเข้าทางบรันเดาที่ยิงสวนตัวปีเตอร์ เช็คเข้าประตูไปอย่างง่ายดาย

สเตอร์ริดจ์ขอยิงบ้าง
เป็นจังหวะที่สเตอร์ริดจ์ได้บอลมาจากแม็คเอชรานที่หน้าปากประตูก่อนจะลองยิงไกลแต่ลูกพุ่งไปเข้ามือม็องด็องด้าที่ยังทำหน้าที่ได้ดีในเกมนี้

สิงห์ดิ้นรนแต่จบไม่ได้
เกมในช่วงท้ายแม้สิงโตน้ำเงินครามจะพยายามทวงคืนประตูเท่าไหร่ก็ยังฝ่าแนวรับเจ้าบ้านที่ทำผลงานกันได้ดีในเกมนี้ไม่ได้ จบเกมมาร์กเซย 1-0 เชลซี

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

โอลิมปิก มาร์กเซย :
สตีฟ ม็องด็องด้า 6.5, ชาร์ลส์ กาบอเร่ 6, ซูเลย์มาน ดิยาวาร่า 6, กาเบรียล ไอน์เซ่ 6.5, ไต ตาอิโว่ 7.5***, เลย์ติ ดิอาเย่ 5.5 (จอร์แดน อายิว N/A น.86), บัวโนต์ เชย์รู 6.5, ฟาบริซ เอเบรียล 6 (อังเดร อายิว 6.5 น.63), มาติเยอ วัลบูเอน่า 7 (ลูโช่ กอนซาเลซ 6 น.63), โลอิก เรมี่ 6.5, บรันเดา 6.5

เชลซี : ปีเตอร์ เช็ก 6.5, โชเซ่ โบซิงวา 6.5 (ปาทริก ฟาน แอนโฮลท์ N/A น.80), บรานิสลาฟ อิวาโนวิช 6.5, จอห์น เทอร์รี่ 7 (เจฟฟรี่ย์ บรูม่า 6 น.72), เปาโล เฟอร์ไรร่า 6.5, มิชาเอล เอสเซียง 6.5, โจชัว แม็คเอชราน 7, รามิเรส 5.5, ฟลอร็องต์ มาลูด้า 6, ซาโลมง กาลู 6, ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา 6 (ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ 6 น.62)















 

http://www.lentee.com/soccer/viewtopic.php?t=359788









































































































































































































































































สุดยอดสปริงข้อเท้า!!!!!!!!!!(ขนาดเจอทีมเก่านะ..ยังไม่เว้นเลย)





เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์