วัดที่ความเฉียบ!สิงห์โดนก่อนพลิกแซง 2-1









วัดที่ความเฉียบ!สิงห์โดนก่อนพลิกแซง 2-1


เกมนี้เรียกได้เลยว่าวัดกันที่ความเฉียบคมจริงๆ เมื่อแบล็คเบิร์นที่อุตส่าได้ประตูนำไปก่อนแถมมีโอกาสบวกเพิ่มแต่ทำไม่ได้ เลยเจอเชลซีลงโทษจากประตูชัยของบรานิสลาฟ อิวาโนวิชพลิกแซงเฮไป 2-1 เก็บ 3 คะแนนเพิ่มความมั่นคงสำหรับแท่นจ่าฝูงต่อไป

พรีเมียร์ ลีก

วันเสาร์ที่ 30 ตุลาคม 2553


แบล็คเบิร์น 1 : 2 เชลซี

ประตู :
1-0 เบนจานี่ เอ็มวารูวารี น.22,1-1 นิโกล่าส์ อเนลก้า น.39,1-2 บรานิสลาฟ อิวาโนวิช น.84

กุหลาบไฟ แบล็คเบิร์นเปิดรังอีวู้ด พาร์คต้อนรับการมาเยือนของจ่าฝูงเชลซีด้วยแรงใจอันเต็มเปี่ยมหลังได้คริสโตเฟอร์ แซมบ้าปราการหลังตัวเก่งกลับคืนมาสู่ทีม

เจ้าบ้านเล่นเกมเหย้าถือว่าสถิติไม่ธรรมดา ผ่านมา 4 นัดเพิ่งจะพ่ายไปเพียงนัดเดียวเท่านั้น

ด้านเชลซีแม้จะยังคงไม่มีแฟรงค์ แลมพาร์ดที่ยังคงต้องนั่งดูเพื่อนเล่น แต่ขุมกำลังก็แกร่งเหลือขณา ไม่ว่าจะเป็นแนวรุกที่กำลังฟอร์มร้อนแรงอย่างฟลอร็องต์ มาลูด้า จอมเทคนิคอย่างนิโกล่าส์ อเนลก้า และดิดิเย่ร์ ดร็อกบาศูนย์หน้าจอมแกร่ง

ครึ่งแรก

แมลงสาบโขกบางไปนิด
เริ่มเกมมาได้ 7 นาที กองหลังของแบล็คเบิร์นก็พลาดปล่อยให้ดิดิเย่ร์ ดร็อกบาวิ่งสอดขึ้นไปลอยตัวโหม่งบอลคนเดียวหน้าปากประตู แต่ยังดีที่ลูกเปิดของบรานิสลาฟ อิวาโนวิชโด่งไปนิด ทำให้โดนไม่เต็ม และหลุดเสาไกลออกไป

กุหลาบมาดี
เข้าสู่ช่วง 15 นาทีแรกของเกม ใช่ว่าทางแบล็คเบิร์นจะมาตั้งรับในบ้านของตัวเองซะที่ไหน พอโดนเชลซีบุกใส่ช่วงต้นเกม พวกเขาก็ตั้งตัวได้ และเซ็ตเกมรุกขึ้นไปกดดันทางทีมเยือนได้ไม่น้อยเช่นเดียวกัน

เช็กลื่นแต่เซฟเยี่ยม
อีกเพียงหนึ่งนาทีต่อมา เชลซีเกือบพังก่อน จากจังหวะที่มาเม บิราม ดิยุฟได้บอลหน้ากรอบเขตโทษ เหลือบไปเห็นปีเตอร์ เช็กออกมานอกเส้นเลยบรรจงชิบบอลเน้น ๆ เหมือนตอนแรกเช็กจะกะจังหวะได้แล้ว แต่ดันไปลื่นล้มก่อน ยังดีที่พยายามเหยียดสุดแขนพุ่งปัดเอาไว้ได้ทัน

เบนจานี่ลากไปยิง-เช็กเซฟ
นาทีที่ 17 ต่อเนื่องกันไปเลย เหมือนทางเชลซีจะไม่ค่อยมีสมาธิกัน เพราะพลาดเสียบอลง่าย ก่อนโดนเบนจานี่ เอ็มวารูวารีลากบอลกระชากผ่าน 2-3 คนเข้าไปยิงเลียดในกรอบเขตโทษ แต่ปีเตอร์ เช็กยังล้มตัวเซฟเอาไว้ได้อีกครั้ง

สิงห์โดนจนได้!
นาทีที่ 22 จนแล้วจนรอดเชลซีก็เสียท่าจนได้ จากจังหวะที่กองหลังของทีมเคลียร์บอลไม่ขาด โดนเอล-ฮัดจิ ดิยุฟโยนบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษให้เบนจานี่ เอ็มวารูวารีสะบัดโหม่งบอลไปเสาสอง สุดปัญญาที่ปีเตอร์ เช็กจะพุ่งไปได้ทัน แบล็คเบิร์นนำไปก่อนแล้ว 1-0

เช็กออกแรงเซฟอีก
อีก 4 นาทีต่อมา ปีเตอร์ฺ เช็กก็งานเข้าอีกรอบ จากจังหวะสวนกลับของแบล็คเบิร์นที่เบร็ตต์ เอเมอร์ตันเปิดโยนไปกราบซ้ายให้เอล-ฮัดจิ ดิยุฟตั้งป้อมโยนบอลเข้าไปหน้าประตู มาเม่-บิราม ดิยุฟเตรียมพุ่งเข้าโขกเต็มๆ แต่เช็กยังเหินปัดบอลเอาไว้ได้ แม้เอเมอร์ตันจะพยายามเข้าเก็บตกแต่ก็สุดปลายเท้าบอลปลิ้นออกหลังไป

ชิเว่เจ็บ
นาทีที่ 35 แบล็คเบิร์นต้องใช้โควต้าเปลี่ยนตัวตั้งแต่ครึ่งแรกเลย หลังจากกาแอล ชิเว่มีอาการบาดเจ็บจนไม่สามารถเล่นต่อได้ เจ้าถิ่นเลยเปลี่ยนเอามาร์ติน โอลส์สันลงไปเล่นแทน

เอสเซียงดีดเสียว
อีก 3 นาทีต่อมา มิชาเอล เอสเซียงเกือบทำประตูสุดสวยได้แล้ว จากจังหวะเติมไปรับบอลหน้ากรอบเขตโทษ พอโดนกองหลังเข้ามาบีบเลยจัดการดีดบอลออกไปทันทีติดไซร้ก้อยเหมือนจะพุ่งเข้าเสียบเสาสอง แต่ก็หลุดออกหลังไป

นิโก้ซัดให้สิงห์เสมอ!
นาทีที่ 39 เชลซีก็มาได้ประตูตีเสมอที่เฉียบขาดสุดๆ จากจังหวะเปิดบอลยาวของปีเตอร์ เช็กไปให้ฟลอร็องต์มาลูด้าทางซ้าย ก่อนโยนบอลยาวให้ดิดิเย่ร์ ดร็อกบาที่ขึ้นโขกได้ก่อนกองหลังของแบล็คเบิร์นชงกลับมาให้นิโกล่าส์ อเนลก้าวิ่งเข้ามาแปเน้น ๆ ผ่านตัวพอล โรบินสันเข้าไปตุงตาข่ายไม่มีเหลือ เสมอกัน 1-1 แล้ว

จบ 45 นาทีแรก ทั้งสองทีมเสมอกันอยู่ 1-1 ถือได้ว่าเป็นเกมที่ได้ลุ้นสนุกอยู่แทบจะตลอดเวลาเลย

ครึ่งหลัง

แอบแปลกใจเล็กน้อยเมื่อแบล็คเบิร์นเปลี่ยนเอาเบนจานี่ เอ็มวารูวารีที่ครึ่งแรกเล่นได้โดดเด่นออก แล้วเปลี่ยนเอาเจสัน โรเบิร์ตลงมาแทน ไม่แ่น่ว่าอาจจะมีอาการบาดเจ็บก็เป็นได้

โคลคล้ำยิงไม่ดี
นาทีที่ 55 แอชลี่ย์ โคลทำจังหวะการล็อกบอลหลอกล่อกองหลังของฟลอร็องต์ มาลูด้าที่ทำได้สวยงาม และจ่ายมาให้ได้วิ่งมาอัดเน้นๆที่เสาไกลเสียของไปอย่างน่าเสียดาย เพราะพี่ท่านดันวิ่งมายิงแบบเฉือนๆติดไซร้ก้อยหลุดเสาออกไป

ซีร์คอฟซัดติดเซฟ
นาทีที่ 61 เกมของเชลซีที่ลงมาครึ่งหลังเล่นได้ดีกว่าก็ได้โอกาสลุ้นต่อเนื่อง จากจังหวะที่ดิดิเย่ร์ ดร็อกบาที่ฉีกออกไปป่วนฝั่งขวาจ่ายบอลตัดเข้าในให้มิชาเอล เอสเซียง ก่อนป้ายไปทางซ้ายให้ยูริ ซีร์คอฟที่วิ่งสอดเติมขึ้นมาแปเน้นๆ แต่ติดเซฟของพอล โรบินสันที่ช่วงนี้ฟอร์มเข้าฝักน่าดู

มาเม่เข้าช้าไปนิดเดียว
แต่อีกหนึ่งนาทีต่อมาก็เป็นทางแบล็คเบิร์นที่ได้ลุ้นเสียว จากจังหวะเตะฟรีคิกเลียดของมอร์เท่น กัมส์ พีเดอร์เซ่น บอลพุ่งไปเสาแรกแฉลบขาเจสัน โรเบิร์ตก่อนทะลุไปเสาสองถึงมาเม่ บิราม ดิยุฟ แต่เหมือนจะไม่ทันได้ตั้งตัว ทำให้เข้าชาร์จโล่งๆพลาดลุ้นออกหลังไป

สิงห์เฉี่ยวไปมา
นาทีที่ 69 จังหวะฟรีคิกของเชลซีเองก็ได้ลุ้นเช่นกัน เพราะนิโกล่าส์ อเนลก้า และดิดิเย่ร์ ดร็อกบาได้ลองอัดกันไปคนละที แต่ก็ติดบล็อกของทางกองหลังแบล็คเบิร์นไปเสียหมด

สเตอร์ริดจ์ยิงได้ลุ้น
นาทีที่ 74 ดาเนียล สเตอร์ริดจ์ดาวรุ่งที่เพิ่งถูกเปลี่ยนลงไปแทนฟลอร็องต์ มาลูด้า ได้โอกาสพาบอลลากไปหน้ากรอบเขตโทษ ก่อนที่จะตัดสินใจซัดด้วยซ้ายเน้น ๆ แต่น่าเสียดายที่บอลติดไซร้หนีกรอบพุ่งเข้าข้างตาข่ายแทน

โรเบิร์ตพลาดมหันต์!!!
นาทีที่ 82 แบล็คเบิร์นพลาดโอกาสทำประตูขึ้นนำแบบไม่รู้จะพูดยังไง จากจังหวะที่มาเม่ บิราม ดิยุฟโยนบอลไปทางซ้ายให้เจสัน โรเบิร์ตทางหน้ากรอบเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนแตะหลบกองหลังเชลซีได้ตั้งป้อมลุ้นยิงเน้นๆ แต่กลับยิงลุ้นเสาไกลออกไปแบบน่าเสียดายสุดๆ

อิวาโนวิชนำชัยยยยยยยย!!!
อีก 2 นาทีต่อมา ความเฉียบขาดคือความแตกต่างในเกมนี้จริงๆ จากจังหวะที่เชลซีทำเกมรุกขึ้นมา แม้ตอนแรกดูเหมือนจะเจาะไม่เข้า แต่ยูริ ซีร์คอฟก็ทำได้ดีด้วยการเลี้ยวหนีกองหลังของแบล็คเบิร์นแล้วเอี้ยวตัวตวัดเปิดบอลยาวไปเสาสองให้บรานิสลาฟ อิวาโนวิชได้ยืนโขกเน้นๆ โล่งๆ ไม่มีเหลือ เชลซีพลิกขึ้นมานำเป็น 2-1 แล้ว

ช่วงท้ายเกมเชลซีก็เขี้ยวลากดินเผาเวลาไปเรื่อย จนผู้ตัดสินเป่านกหวีดจบ 90 นาที

เชลซีพลิกมาเอาชนะแบล็คเบิร์นไป 2-1 เก็บ 3 แต้มสำคัญได้

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

แบล็คเบิร์น :
พอล โรบินสัน,ไรอัน เนลสัน,คริสโตเฟอร์ แซมบ้า,กาแอล ชิเว่,มิเชล ซัลกาโด้,ฟีล โจนส์,มอร์เท่น กัมส์ พีเดอร์เซ่น,เบร็ตต์ เอเมอร์ตัน,เอล-ฮัดจิ ดิยุฟ,เบนจานี่ เอ็มวารูวารี่,มาเม บิราม ดิยุฟ

เชลซี : ปีเตอร์ เช็ก,จอห์น เทอร์รี่,อเล็กซ์,แอชลี่ย์ โคล,บรานิสลาฟ อิวาโนวิช,จอห์น โอบี มิเกล,ยูริ ซีร์คอฟ,มิชาเอล เอสเซียง,ฟลอร็องต์ มาลูด้า,ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา,นิโกล่าส์ อเนลก้า

















เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์