สิงห์เซ็งส่อไร้แลมพ์,วางดร็อกหอก

 
          สิงห์เซ็งส่อไร้แลมพ์,วางดร็อกหอก



  สิงห์บลู เชลซี ส่อแววต้องไร้ แฟร้งค์ แลมพาร์ด กองกลางที่มีอาการบาดเจ็บมาจากเกมทีมชาติเมื่อกลางสัปดาห์ แต่จะได้ ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา หัวหอกตัวเก่งที่ฟิตพร้อมลงเล่นเป็นตัวจริงแล้วในนัดเปิดสนามที่จะรับการมาเยือนของน้องใหม่ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก คืนนี้


ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
วันเสาร์ที่ 14 สิงหาคม 2553
เชลซี - เวสต์บรอมวิช



สนาม : สแตมฟอร์ด บริดจ์


 


คาร์โล อันเชล็อตติ กุนซือ สิงโตน้ำเงินคราม แชมป์เก่า เตรียมทีมในช่วงอุ่นเครื่องไม่สวย เพราะชนะ คริสตัล พาเลซ นัดแรกนัดเดียว ที่เหลือพ่ายรวดต่อ อาแจ็กซ์ 1-3, แฟร้งค์เฟิร์ต 1-2 และ ฮัมบูร์ก 1-2 ก่อนจะแพ้ แมนฯ ยูไนเต็ด ในเกมคอมมิวนิตี้ ชิลด์ อีก 1-3
 

สภาพทีมล่าสุด จัดการปล่อยนักเตะไปอีก 3 คนคือ เดโก้ ไป ฟลูมิเนนเซ่, สกอตต์ ซินแคลร์ ไป สวอนซี และ ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ ไป เรอัล มาดริด คนสุดท้ายค่าตัวสูงถึง 6.7 ล้านปอนด์ทีเดียว
 

อย่างไรก็ตาม เกมนี้จะได้ ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา กองหน้าตัวเก่ง ฟิตกลับมาเป็นตัวจริงแล้ว หลังไม่ได้สัมผัสเกมในช่วงอุ่นเครื่องเลยเพราะบาดเจ็บ แต่ก็ได้ลงสนามในช่วงครึ่งหลังของเกมคอมมิวนิตี้ ชิลด์
 ข่าวร้ายของทีมก็คือ แฟร้งค์ แลมพาร์ด กองกลางคัวเก่งเจ็บมาจากเกมทีมชาติต้องรอทดสอบความฟิตในนาทีสุดท้าย มีโอกาสพลาดเกมนี้สูงทีเดียว
 

ปีเตอร์ เช็ก ประตูมือ 1 ยังอยู่ในช่วงพักฟื้นจากอาการบาดเจ็บน่อง ทำให้ อิลาริโอ มีโอกาสลงเฝ้าเสามากกว่า รอสส์ เทิร์นบุลล์ เล็กน้อย เพราะทั้งคู่ต่างฟอร์มออกทะเลในช่วงที่ผ่านมา
 

แนวรับยังต้องให้ บรานิสลาฟ อิวาโนวิช ยืนเซนเตอร์คู่ จอห์น เทอร์รี่ ต่อ เพราะ อเล็กซ์ ก็ยังบาดเจ็บอยู่ ส่วนแบ็กขวาและซ้ายยังเป็นหน้าที่ของ เปาโล แฟร์ไรร่า กับ แอชลี่ย์ โคล เหมือนเดิม
 

ระบบการเล่น 4-3-3 อิลาริโอ ลงเฝ้าเสา แผงหลังใช้ เปาโล แฟร์ไรร่า, บรานิสลาฟ อิวาโนวิช, จอห์น เทอร์รี่, แอชลี่ย์ โคล แดนกลางมี ไมเคิ่ล เอสเซียง, จอห์น โอบี มิเกล, แฟร้งค์ แลมพาร์ด ส่วนสามประสานแดนหน้าใช้ ฟลอร็องต์ มาลูด้า, นิโกล่าส์ อเนลก้า, ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา
 

ทางฝั่งทีมเยือน โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ กุนซือชาวอิตาเลี่ยน ศิษย์เก่าที่เคยค้าแข้งอยู่ในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ ระหว่างปี 1996-2002 มีการเปลี่ยนแปลงทีมเยอะทีเดียวจากชุดรองแชมป์ลีกแชมเปี้ยนชิพเมื่อฤดูกาลก่อน
 

แข้งใหม่มี ปาโบล อิบานเยซ, กาเบรียล ทามาส, นิคกี้ ชอรี่ย์, โบอาซ มายฮิลล์ และ สตีเว่น รีด ย้ายเข้ามาเสริมทัพ ขณะที่ โรเบิร์ต โคเรน, บอร์ฆ่า บาเลโร่, โจนาธาน กรีนนิ่ง ต่างย้ายออกไปหมด
 

ดิ มัตเตโอ ต้องตัดสินใจว่าจะประเดิมใช้ นิคกี้ ชอรี่ย์ กับ ปาโบล อิบานเยซ ลงตัวจริงหรือไม่ ส่วนประตูก็ต้องเลือกระหว่าง สกอตต์ คาร์สัน กับตัวใหม่ โบอาซ มายฮิลล์ เช่นเดียวกับหน้าเป้า อิชมาเอล มิลเลอร์ ต้องแย่งลงสนามกับ โรมัน เบ็ดนาร์
 

กุนซือชาวอิตาเลี่ยน ยังได้ข่าวดี เกรแฮม ดอร์แรนส์ มิดฟิลด์ตัวเก่ง หายเจ็บโคนขาหนีบกลับมาซ้อมแล้ว และกำลังต่อสู้อย่างหนักเพื่อให้ผ่านการทดสอบความฟิตให้ได้
 

ระบบการเล่น 4-2-3-1 สกอตต์ คาร์สัน ลงเฝ้าเสา แนวรับใช้ สตีเว่น รีด, กาเบรียล ทามาส, โยนัส โอลส์สัน, มาเร็ค เช็ก แดนกลางมี ยุสซุฟ มูลุมบู กับ คริส บรันท์ คุมกลางสนาม แนวรุกมี เจมส์ มอร์ริสัน, เกรแฮม ดอร์แรนส์, เจอโรม โธมัส หน้าเป้าใช้ อิชมาเอล มิลเลอร์
 

รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม

เชลซี : อิลาริโอ - เปาโล แฟร์ไรร่า, บรานิสลาฟ อิวาโนวิช, จอห์น เทอร์รี่, แอชลี่ย์ โคล - ไมเคิ่ล เอสเซียง, จอห์น โอบี มิเกล, แฟร้งค์ แลมพาร์ด(ยอสซี่ เบนายูน) - ฟลอร็องต์ มาลูด้า, นิโกล่าส์ อเนลก้า, ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา
 

เวสต์บรอมวิช : สกอตต์ คาร์สัน - สตีเว่น รีด, กาเบรียล ทามาส, โยนัส โอลส์สัน, มาเร็ค เช็ก - ยุสซุฟ มูลุมบู, คริส บรันท์ - เจมส์ มอร์ริสัน, เกรแฮม ดอร์แรนส์, เจอโรม โธมัส - อิชมาเอล มิลเลอร์
 

ผู้ตัดสิน : มาร์ค แคล็ตเทนเบิร์ก


 


สิงห์อัดแบ็กกี้ส์กระจุย 10 นัดรวด


 


จากสถิติที่ผ่านมาบ่งบอกว่า เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน กลายเป็นหมูให้ เชลซี เชือดเสียแล้ว เพราะ 10 นัดหลังสุดที่ทั้งคู่พบกันมา สิงโตน้ำเงินคราม เอาชนะได้รวดทั้ง 10 นัด นับตั้งแต่ปี 1993 เป็นต้นมา
 

จากผลงาน 10 นัดที่เจอกันมาล่าสุด เชลซี ชนะรวด ซัลโวแหลก 25 ประตู และเสียไปแค่ 3 ประตูเท่านั้น นอกจากนี้แล้ว สิงโตน้ำเงินคราม ยังไม่แพ้ให้ เดอะ แบ็กกี้ส์ เป็นจำนวน 17 นัดติดต่อกันแล้ว ครั้งสุดท้ายที่แพ้ ต้องย้อนกลับไปในปี 1983 ซึ่งเป็นเกมลีกคัพ
 

ส่วนการพบกันครั้งล่าสุดเกิดขึ้นในฤดูกาล 2008-09 สิงโตน้ำเงินคราม บุกชนะก่อน 3-0 โชเซ่ โบซิงวา ยิงก่อนที่ อเนลก้า จะเบิ้ลอีกสอง ส่วนอีกนัดที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ เชลซี เชือดนิ่ม 2-0 ดร็อกบา กับ แลมพาร์ด ซัลโวคนละลูก


สิงห์หรูคว้าชัยนัดเปิดตลอด 8 ซีซั่น


 


เชลซี ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในนัดเปิดฤดูกาลพรีเมียร์ลีก เพราะพวกเขาคว้าชัยชนะในนัดแรกมาได้ตลอด 8 ฤดูกาลติดต่อกันแล้ว นับตั้งแต่ฤดูกาล 2002-03 เป็นต้นมา
 

ฤดูกาล 2002-03 สิงโตน้ำเงินคราม บุกชนะ ชาร์ลตัน 3-2 ทั้งที่ตามหลัง 0-2 แต่แซงชนะจากประตูชัยของ แลมพาร์ด, ฤดูกาล 2003-04 ฮวน เวรอน กับ จิมมี่ ฟลอยด์ ฮัสเซลเบงค์ ช่วยกันยิงในเกมบุกชนะ ลิเวอร์พูล 2-1, ฤดูกาล 2004-05 ไอเดอร์ กุ๊ดยอห์นเซ่น ยิงประตูโทนในเกมเปิดบ้านชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด 1-0
 

ฤดูกาล 2005-06 เชลซี ได้ เอร์นาน เครสโป ลงมายิงประตูชัยให้ทีมบุกชนะ วีแกน 1-0, ฤดูกาล 2006-07 เทอร์รี่, แลมพาร์ด, ดร็อกบา ยิงให้ทีมเปิดบ้านถล่ม แมนฯ ซิตี้ 3-0, ฤดูกาล 2007-08 ไมเคิ่ล เอสเซียง ซัลโวประตูชัยให้ทีมเปิดบ้านเชือด เบอร์มิงแฮม 3-2, ฤดูกาล 2008-09 โจ โคล, อเนลก้า, แลมพาร์ด, เดโก้ ยิงคนละลูกให้ทีมถล่ม พอร์ทสมัธ 4-0 และฤดูกาลที่แล้ว ดร็อกบา ยิงช่วงทดเจ็บแซงชนะ ฮัลล์ 2-1



โปรแกมฟุตบอลพรีเมียร์ลีก  อังกฤษ
18.45 น. สเปอร์ส - แมนฯ ซิตี้
21.00 น. แอสตัน วิลล่า - เวสต์แฮม 
21.00 น. แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส - เอฟเวอร์ตัน    
21.00 น. โบลตัน - ฟูแล่ม
21.00 น. ซันเดอร์แลนด์ - เบอร์มิงแฮม 
21.00 น. วีแกน - แบล็คพูล
21.00 น. วูล์ฟส์ - สโต๊ค  
23.30 น. เชลซี - เวสต์บรอมวิช


เครดิต:siamsport


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์