พวกกุไม่ได้โม้...ดับเบิ้ลแชมป์เฮียดร็อกจัดดับซ่าปอมปีย์










 ดิดิเยร์ ดร็อกบา ซัดฟรีคิกเป็นประตูชัยนาที 59 ช่วย เชลซี เฉือนชนะ ปอร์ทสมัธ 1-0 คว้าแชมป์ฟุตบอลถ้วยเอฟเอ คัพ ในเกมนัดชิงชนะเลิศ ที่สนามเวมบลีย์ เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 15 พฤษภาคม
       
       ผลการแข่งขันฟุตบอลเอฟเอ คัพ นัดชิงชนะเลิศ
       เชลซี 1-0 ปอร์ทสมัธ













ดร็อกบา ฉลองหลังซัดประตูชัย
       เชลซี แชมป์พรีเมียร์ลีกล่าสุดของ คาร์โล อันเชล็อตติ ลุ้นคว้าดับเบิลแชมป์เป็นครั้งแรกของสโมสร เกมนี้จัดทัพ 4-3-3 ได้ จอห์น เทอร์รี และ บรานิสลาฟ อีวาโนวิช ฟิตกลับมายืนแผงหลัง ส่วนแดนหน้ามี ดิดิเยร์ ดร็อกบา ดาวซัลโวสูงสุดของลีกเมืองผู้ดีเป็นตัวชูโรง ทางฝั่ง ปอร์ทสมัธ ของ อาฟราม แกรนท์ ขอคว้าแชมป์ปลอบใจจากการตกชั้นไปเล่นในลีกเดอะ แชมเปียนชิป ในปีหน้า นัดนี้วางระบบ 4-4-2 มี เฟเดริก ปิกิโยน และ อรูนา ดินดาน ยืนหน้าคู่กัน














โคล แย่งบอลกับ ดินดาน
       เปิดฉากครึ่งแรกไม่ถึง 4 นาที เชลซี มีลุ้นทำประตูก่อนจากจังหวะที่ อเนลกา ได้บอลลากขึ้นมาหน้าเขตโทษถูกกองหลังคู่แข่งตามมาบล็อก แต่บอลไหลมาเข้าทาง แลมพาร์ด วิ่งมาซัดด้วยขวาบอลไซด์โค้งหลุดเสาออกไปนิดเดียว
       
       ปอมปีย์ ไม่สามารถต่อบอลขึ้นมากดดันแผงหลังแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ มาถึงนาที 14 เป็นโอกาของ สิงห์บลูส์ อีกครั้งเมื่อ แลมพาร์ด ส่องไกลด้วยขวาจากนอกเขตโทษ บอลพุ่งผ่านมือ เจมส์ ไปแล้ว แต่โชคร้ายไปชนสามเหลี่ยมประตูออกไป นาทีถัดมา อเนลกา กระชากบอลเข้าไปซัดในเขตโทษ แต่ติดเซฟ เจมส์ ปัดออกหลังไป
       
       ลูกทีมของ อันเชล็อตติ บุกกดดันอย่างต่อเนื่อง นาที 20 อีวาโนวิช หลุดเข้าไปถึงเส้นหลัง ก่อนตบบอลย้อนมาให้ มาลูดา ซึ่งแตะเร็วไปยัง ดร็อกบา ได้ซัดด้วยถึงสองครั้งสองคราว แต่ถูก โมโกเอนา ตามมาบล็อกได้ทั้งหมด
       
       อีก 2 นาทีถัดมาเป็นโอกาสแบบชัดเจนครั้งแรกในเกมนี้ของ ปอร์ทสมัธ เมื่อ ดินดาน ลากบอลขึ้นมาทางขวา ก่อนเปิดมาทางเสาสอง พรินซ์-บัวเต็ง วอลเลย์ด้วยขวาบอลมาเข้าทาง ปิกิโยน ซึ่งยืนอยู่หน้าประตูพยายามแตะบอลเปลี่ยนทาง แต่ เช็ก ทำได้ยอดเยี่ยมปัดออกหลังไป
       
       เชลซี พลาดโอกาสทองอีกครั้งในนาที 26 เมื่อ โคล เติมเกมบุกขึ้นมาทางซ้ายจนหลุดไปถึงเส้นหลัง ก่อนเปิดบอลมาให้ กาลู ได้แปเน้นๆหน้าปากประตู แต่ดาวยิงไอวอรี โคสต์ วางเท้าไม่ดีแปบอลไปชนคาน จากนั้นอีก 4 นาทีในจังหวะฟรีคิก มาลูดา เปิดบอลมาให้ เทอร์รี โหม่งไปชนคานอีกครั้ง














บัลลัก ถูก พรินซ์-บัวเต็ง เสียบใส่
       ใบเหลืองแรกของเกมเกิดขึ้นในนาที 35 เป็นของ พรินซ์-บัวเต็ง ที่ไปเสียบหนักใส่ บัลลัก จนมิดฟิลด์เยอรมันเจ็บ จากจังหวะฟาวล์ข้างต้นทำให้ สิงห์บลูส์ ได้ฟรีคิกระยะกว่า 30 หลา ดร็อกบา วิ่งมาอัดด้วยขวาเต็มข้อ เจมส์ ลอยตัวปัดปลายมือ บอลไปชนคานกระดอนมาตกบนเส้นพลาดประตูอีกครั้ง
       
       เกมมาถึงนาที 41 อเนลกา โยนบอลจากกราบขวามาให้ ดร็อกบา พักอกเอาบอลลงแล้วซัดมุมแคบ บอลลอดตัว เจมส์ ไปชนเสาออกหลังไปอีกครั้งดูเหมือนโชคไม่เข้าข้าง สิงห์บลูส์ ช่วงท้ายเกม แชมป์พรีเมียร์ลีกมีโอกาสลุ้นประตูอีก 1-2 ครั้งแต่ไม่สามารถส่งบอลเข้าสู่ก้นตาข่ายได้จบ 45 นาทีเสมออยู่ 0-0
       
       เกมครึ่งหลัง ปอร์ทสมัธ ทำเกมดีกว่าเล็กน้อยถึงนาที 50 มีโอกาสลุ้นประตูจากลูกเซตพีซ โอฮารา โยนบอลจากกราบขวามาให้ พรินซ์-บัวเต็ง จับบอลลงก่อนซัดด้วยซ้ายมุมแคบ บอลผ่านหน้าประตูออกไป อีก 5 นาทีถัด ปอมปีย์ มาได้ลูกจุดโทษจากการที่ ฌูเลียน เบลเล็ตติ ตัวสำรองที่ลงมาแทน บัลลัก ในครึ่งหลังไปเสียบใส่ ดินดาน ล้มลงในเขตโทษ แต่ พรินซ์-บัวเต็ง รับหน้าที่สังหารจุดโทษยิงไปขา เช็ก พลาดได้ประตูไป
       
       กระทั่งนาที 59 เชลซี มาได้ฟรีคิกนอกเขตโทษ ดร็อกบา แปบอลด้วยขวาเต็มแรงข้ามกำแพงก่อนพุ่งชนเสาหมดสิทธิที่ เจมส์ จะปัดทันเข้าประตูไปทำให้แชมป์พรีเมียร์ลีกขยับนำ 1-0 หลังจากนำ สิงห์บลูส์ เดินหน้าบุกต่อ มาถึงนาที 63 อีวาโนวิช หลุดขึ้นมาทางกราบขวาก่อนจะเปิดกลับมาให้ กาลู สไลด์บอลหน้าประตูออกไป
       
       ช่วง 15 นาทีสุดท้าย เชลซี ยังทำผลงานได้ดีกว่าจนมาถึงนาที 77 เกือบได้ประตูขึ้นนำอีกลูกจากการได้ลูกจุดโทษ เมื่อ แลมพาร์ด ถูก บราวน์ ทำฟาวล์ล้มลงในเขตโทษ แต่มิดฟิลด์ทีมชาติอังกฤษกลับซัดหลุดเสาไปเอง อย่างไรก็ตาม สิงห์บลูส์ ก็สามารถรักษาสกอร์นำอยู่ไว้ได้จบ 90 นาทีจึงเป็นฝ่ายเอาชนะไป 1-0 พร้อมกับคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ เป็นดับเบิลแชมป์ครั้งแรกของสโมสร
       
       รายชื่อผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
       เชลซี : ปีเตอร์ เช็ก, แอชลีย์ โคล, จอห์น เทอร์รี, อเล็กซ์, บรานิสลาฟ อีวาโนวิช, แฟรงค์ แลมพาร์ด, ฟลอรองต์ มาลูดา, มิชาเอล บัลลัก, นิโกลาส์ อเนลกา, ดิดิเยร์ ดร็อกบา, ซาโลมง กาลู
       ปอร์ทสมัธ : เดวิด เจมส์, สตีฟ ฟินเนน, ริคาร์โด โรชา, ปาปา บูบา ดิยอฟ, ไมเคิล บราวน์, อารอน โมโกเอนา, เฮย์เดน มัลลินส์, เจมี โอฮารา, เควิน-พรินซ์ บัวเต็ง, เฟเดริก ปิกิโยน, อรูนา ดินดาน

CREDIT:www.manager.co.th/Sport/default.html

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์