ไก่ตีปีก!จิกสิงห์2-1แซงซิตี้ยึดที่4

ไก่เดือยทอง สเปอร์ส เปิดไวท์ ฮาร์ทเลน เชือด สิงโตน้ำเงินคราม เชลซี ไปแบบหวุดหวิด 2-1 พร้อมกับแซงหน้า แมนฯซิตี้ ขึ้นไปอยู่อันดับ 4 ของตารางเป็นที่เรียบร้อย
 



สเปอร์ส 2  -  เชลซี 1
 


ดาร์บี้แม็ตช์อีกคู่ที่กรุงลอนดอน สเปอร์สเปิดไวท์ ฮาร์ทเลนปะทะกับเชลซีโดยยังไม่มีวิลสัน ปาลาซิออสซึ่งติดโทษแบนเป็นนัดสุดท้าย รวมถึงแดนนี่ โรสดาวรุ่งพุ่งแรงจากเกมสยบอาร์เซน่อลที่หล่นไปเป็นตัวสำรอง
 


ด้านเล็ดลีย์ คิงซึ่งสภาพร่างกายไม่สู้ดีหลุดไปจากทีมอีกครั้งโดยมีเซบาสเตียน บาสซงลงเล่นแทนเช่นเดียวกับเดวิด เบนท์ลีย์ที่ได้ออกสตาร์ตในโผ 11 ตัวแรก
 


สำหรับเชลซีไม่มีปัญหาในการจัดทีม และเลือกใช้งานโจ โคล ,ฟลอร็องต์ มาลูด้า และดิดิเยร์ ดร็อกบาผนึกกำลังร่วมกันแดนหน้า อีกทั้งยังได้แอชลีย์ โคลหายเจ็บกลับมานั่งข้างสนามด้วย
 


เจ้าบ้านเปิดเกมรุกใส่อาคันตุกะอย่างคึกคัก แต่เป็นทีมจ่าฝูงที่เกือบนำก่อนในนาทีที่ 7 จากจังหวะที่มาลูด้าได้ซัลโวจากหน้าเขตโทษ แต่ถูกเอเรลโญ่ โกเมซปัดทิ้งได้ทัน
   


พอถูกทักทาย ทีมตราไก่ก็หาทางเอาคืนทันที และมีเสียวในนาทีที่ 12 เมื่อโรมัน พาฟลิวเชนโก้ได้โอกาสเข่นในเขตโทษ แต่บอลพุ่งไปกระทบอเล็กซ์อย่างน่าเสียดาย
 


จากนั้นในนาทีที่ 14 แกเร็ธ เบลขุนพลไก่ก็กระชากบอลขึ้นกราบซ้ายหลบเปาโล แฟร์ไรร่าเข้าเขตโทษได้ก่อนจะถูกจอห์น โอบี มิเกลตามมากระแทกล้ม แต่ผู้ตัดสินไม่เป่าให้เป็นลูกโทษ
 


อย่างไรก็ดี นาทีต่อมาแฟนตราไก่ก็ได้ไชโยลั่นจากลูกโยนทางซ้ายที่ลอยเข้าเขตโทษแล้วพาฟลิวเชนโก้สะกิดจากเสาแรกต่อไปหน้าประตูโดยที่จอห์น เทอร์รี่ก้มหัวโขกสกัดได้แล้วบอลเฉี่ยวแขนตัวเอง ท่านเปาเลยมองว่าเป็นการทำแฮนด์บอลจึงมอบลูกโทษให้เจ้าถิ่น ทำเอาอเล็กซ์โวยแหลกและรับใบเหลืองก่อนที่เจอร์เมน เดโฟจะสังหารไม่พลาดพาสเปอร์สนำก่อน 1-0
 


พอมีสกอร์ กุ๊กไก่ก็บุกหนักขึ้น และหวิดได้เพิ่มอีกเม็ดในนาทีที่ 25 จากการพาบอลพลิกหนีเทอร์รี่ของพาฟลิวเชนโก้เข้ามาตะบันแถวริมเขตโทษด้านซ้าย แต่ปีเตอร์ เช็กกระโดดปัดพ้นคานได้ทัน
 


ถัดมาในนาทีที่ 30 ลูก้า โมดริชเลื้อยขึ้นทางซ้ายไปตวัดบอลจากเส้นหลังมาเสาแรกแล้วเทอร์รี่ดักบอลหลุดเท้าเป็นการเปิดโอกาสให้เดวิด เบนท์ลีย์ได้ซัดเหน่งๆจากหกหลา แต่บอลติดขากัปตันเชลซีหลุดกรอบไปอย่างเฉียดฉิว
 


ขยับมาถึงนาทีที่ 33 สิงห์บลูส์จำต้องเปลี่ยนให้มิชาเอล บัลลัคลงไปแทนมิเกลที่เริ่มเจ็บ แต่เกือบเสียหายในนาทีที่ 38 จากลูกเตะมุมด้านซ้ายของทีมตราไก่ที่ยูเนส กาบูลได้โขกคนเดียวจาก 12 หลา แต่กลับส่งบอลไปให้เช็กรับสบาย
 


เท่านั้นไม่พอ จากการโต้เร็วในนาทีเดียวกันนี้ของทีมเยือน ยูริ ซีร์คอฟก็ลุยขึ้นทางซ้ายไปแทงบอลเข้าเขตโทษให้มาลูด้าปราดเข้าจิ้มจากแปดหลาผ่านโกเมซตุงตาข่าย แต่เป็นจังหวะล้ำหน้าไปแล้ว
 


ผ่านมาถึงนาทีที่ 44 สิงโตน้ำเงินครามก็ถูกไก่จิกเพิ่มอีกแผลจนได้จากพาฟลิวเชนโก้ที่ลงไปเก็บบอลแถวกลางสนามแล้วไหลให้เบลควบขึ้นทางซ้ายไปหลอกล่อแฟร์ไรร่าก่อนจะตัดเข้ามาซัดที่เส้น 18 หลาตุงตาข่ายที่เสาแรกเด็ดขาดเพิ่มสกอร์ให้เจ้าบ้านนำเป็น 2-0
 


เป็นอย่างนี้ เชลซีจึงไม่มีทางเลือกนอกจากลุยสถานเดียว และน่าจะตีไข่แตกได้ในนาทีต่อมาเมื่อซีร์คอฟพลิ้วขึ้นทางซ้ายไปจ่ายหักมาจากเส้นหลังให้แฟร้งค์ แลมพาร์ดเอี้ยวตัววอลเลย์เต็มเกือกจาก 12 หลา ทว่าโกเมซโชว์ซูเปอร์เซฟปัดทิ้งได้เหลือเชื่อ จบครึ่งแรกไก่เดือยทองจึงทำเซอร์ไพรซ์นำทีมร่วมเมืองไปก่อน 2-0
 


            


ครึ่งหลังเชลซีเสี่ยงเปลี่ยนตัวสำรองอีกสองรายลงสนามทันทีโดยมีนิโกล่าส์ อเนลก้ากับบรานิสลาฟ อิวาโนวิชลงไปแทนโจ โคลกับแฟร์ไรร่า แล้วปรากฏว่าช่วงเขี่ยบอลดร็อกบาทำท่าว่ามีปัญหาไม่สมบูรณ์อีกต่างหากซึ่งหากเจ็บจนเล่นต่อไม่ไหวทีมเงินถึงก็จะเหลือแค่สิบคนอย่างช่วยไม่ได้
            


ผ่านมาถึงนาทีที่ 50 เดโฟได้ลูกจ่ายหลุดเดี่ยวเข้าเขตโทษมาคนเดียว แต่กลับทิ้งโอกาสทองไปจนได้เมื่อเข่นเต็มเกือกจาก 16 หลาถูกเช็กปัดทิ้งได้สำเร็จ
            


จวบจนนาทีที่ 53 เดโก้ไปปะทะใส่ทอม ฮัดเดิลสตันแบบมีของแถมขุนพลของทั้งสองทีมจึงเข้าผลักอกกันพัลวัน ทำให้ผู้ตัดสินต้องเข้ามาคุมเหตุการณ์ก่อนจะแจกใบเหลืองให้กับคู่กรณี
            


ถึงตรงนี้ เกมของเชลซียังไม่กระเตื้อง และนาทีที่ 65 เทอร์รี่ก็โดนจดชื่อไปอีกรายในจังหวะรวบพาฟลิวเชนโก้ล้ม
            


ยิ่งไปกว่านั้น อีกสองนาทีให้หลังเทอร์รี่ไปดักเบลล้มหลังถูกล็อคหลบทางกราบซ้ายเลยรับเพิ่มอีกเหลืองเป็นใบแดงโดนไล่ออกตามระเบียบ
            


สเปอร์สอาศัยกำลังพลที่มากกว่ากดดันทีมเยือนต่อเนื่องทันที และนาทีที่ 68 กาบูลพาบอลลุยขึ้นทางขวาไปโยนยาวแฉลบซีร์คอฟเกือบเป็นดีบอลทำท่าว่าจะมุดใต้คาน แต่เช็กสปริงตัวปัดทิ้งได้
            


นาทีที่ 74 สิงห์บลูส์รอดพ้นการเสียประตูเพิ่มจากลูกฟรีคิกหน้าเขตโทษที่เดโฟกดไปติดกำแพงแล้วเบนท์ลีย์ได้ซ้ำด้วยลูกชิพหลังเห็นเช็กขยับออกมา ดีที่นายประตูเชลซีถลันกลับไปปัดข้ามคานได้อย่างน่าใจหายใจคว่ำด้วยปลายนิ้ว
            


ทีมเยือนได้เสียวเล็กๆในนาทีที่ 77 จากจังหวะที่ดร็อกบาผ่านบอลออกทางขวาให้อิวาโนวิชกระทุ้งระยะ 28 หลาส่งบอลปลิวไปตกบนหลังคาก่อนที่สเปอร์สจะถอดเดโฟออกให้ไอเดอร์ กุ๊ดยอห์นเซ่นลงไปฉะกับอดีตสโมสร
            


ล่วงเข้าสู่นาทีที่ 80 ซีร์คอฟถูกจดชื่อตามมาข้อหาทำฟาวล์กาบูล และอีกสองนาทีถัดมาพาฟลิวเชนโก้ก็รอจังหวะแทงบอลเข้าเขตด้านซ้ายให้เบลทะลุไปสับไกยัดใส่มุมแคบแม้จะล้ำหน้าแต่มีไม่ธงยก กระนั้นเช็กก็ปิดมุมดีจึงเซฟได้สำเร็จ
            


อึดใจต่อมา สิงห์บลูส์เกือบตีไข่แตกได้เมื่อมาลูด้าไหลบอลเข้าเขตโทษด้านซ้ายให้ดร็อกบาซัดหนีโกเมซไปเสาไกล แต่ไมเคิ่ล ดอว์สันปราดมาสไลด์ทิ้งได้เหลือเชื่อ
            


ทีมจ่าฝูงยังไม่ท้อ และเกือบสอยตาข่ายได้อีกครั้งเมื่อซีร์คอฟหลุดไปถึงเส้นหลังด้านซ้ายก่อนจะจ่ายยาวมาเสาสองให้อเล็กซ์โขกเหน่งๆ แต่โชคไม่ดีบอลไปกระทบหลังฮัดเดิลสตันก่อนที่โกเมซจะตามไปกระโดดคว้า
            


ถึงนาทีที่ 87 เบลได้ลูกจ่ายยาวสปีดไปเอาบอลในเขตโทษด้านขวาได้ก่อนซีร์คอฟ แต่จังหวะซัดหนีเช็กส่งบอลเฉี่ยวเสาไกลไปแค่เส้นยาแดงผ่าแปด
            


อึดใจต่อมา เบลกระชากบอลขึ้นทางซ้ายไปสาดมาหน้าประตูให้พาฟลิวเชนโก้กระโจนเข้าแป 10 หลาคนเดียว แต่หอกหมีขาวกลับส่งบอลหลุดกรอบไปเอง
            


ช่วงทดเวลาเจ็บทั้งหมดห้านาที อาคันตุกะเริ่มมีความหวังเมื่อบัลลัคเปิดลูกยาวจากกราบขวามาหน้าประตูแล้วแลมพาร์ดสลัดหนีกาบูลเข้าจิ้มจากแปดหลาไม่พลาดพาเชลซีไล่มา 1-2 ในนาทีที่ 92
            


แต่แล้วนาทีที่ 94 เจ้าบ้านได้ทะลุขึ้นหน้าสี่คน ขณะที่ทีมเยือนเหลืออิวาโนวิชคนเดียว แต่เบลจ่ายจากซ้ายให้พาฟลิวเชนโก้ยิงเหน่งๆเฉี่ยวเสาสองอย่างน่าเขกกระโหลก
            


จากนั้น ทีมตราไก่ก็ส่งปีเตอร์ เคราช์ลงไปแทนพาฟลิวเชนโก้ก่อนที่จะมีเสียงนกหวีดสุดท้ายดังขึ้นอันหมายความว่าสเปอร์สแผลงฤทธิ์สยบสิงห์บลูส์ 2-1 ทำแต้มแซงเรือใบขึ้นที่สี่โดยมีคะแนนมากกว่าสองแต้ม ส่วนเชลซีหนีผีแดงไม่ออกนำแค่แค้มเดียวเท่านั้น ขณะที่เหลืออีกสามนัดสุดท้าย


 


รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม


สเปอร์ส : เอเรลโญ่ โกเมส, ยูเนส กาบุล, ไมเคิ่ล ดอว์สัน, เซบาสเตียง บาสซง, เบอนัวต์ อัสซู-เอก็อตโต้, เดวิด เบนท์ลี่ย์, ทอม ฮัดเดิ้ลสตัน, ลูก้า โมดริช, แกเร็ธ เบล, เจอร์เมน เดโฟ, โรมัน พาฟลิวเชนโก้


สำรอง : เบน อัลนิค, ไคล์ วอล์คเกอร์, แดนนี่ โรส, เจค ลิเวอร์มอร์, แอนดรอส ทาวน์เซนด์, ไอเดอร์ กุ๊ดยอห์นเซ่น, ปีเตอร์ เคร้าช์
 


เชลซี : ปีเตอร์ เช็ก, เปาโล แฟร์ไรร่า, อเล็กซ์, จอห์น เทอร์รี่, ยูริ ซีร์คอฟ, เดโก้, จอห์น โอบี มิเกล, แฟร้งค์ แลมพาร์ด, โจ โคล, ฟลอร็องต์ มาลูด้า, ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา


สำรอง : ฮิลาริโอ, บรานิสลาฟ อิวาโนวิช, แอชลี่ย์ โคล, มิชาเอล บัลลัค, ซาโลมง กาลู, ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์, นิโกล่าส์ อเนลก้า
 


ผู้ตัดสิน : ฟิล ดาวด์


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์