แพ้แต่ไม่พลาด

ต้องปรบมือให้กับความเฉียบขาดของ เชลซี ที่สามารถบุกไปเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้สำเร็จที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด ซึ่งเป็นเกมที่มีความหมายสำคัญยิ่งต่อการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนี้



ชัยชนะนัดนี้ทำให้ สิงโตน้ำเงินคราม จากที่ตามหลัง 1 แต้มได้แซงขึ้นไปนำจ่าฝูงโดยมีแต้มมากกว่า 2 แต้มด้วยกัน ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ดีมากสำหรับทีมจากลอนดอน เพราะหากเสมอในเกมนี้แต้มก็จะห่างกัน 1 แต้มเท่าเดิม หรือหากแพ้ก็จะโดนทิ้งห่างออกไปเป็น 4 แต้มด้วยกัน
ในสถานการณ์ที่เหลือเกมในมืออีกกันคนละ
5
นัด ชัยชนะครั้งนี้ของ เชลซี ยิ่งใหญ่และล้ำค่ามาก

ต้องให้เครดิตกับทางด้าน คาร์โล อันเชล็อตติ และลูกทีมที่สามารถพลิกสถานการณ์จากที่เข้าขั้นวิกฤติหลังจากที่เริ่มทำผลงานสะดุดหลายนัด โดยเฉพาะการตกรอบยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ต่อ อินเตอร์ มิลาน และ การแพ้คารังต่อ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถึง
4-2
ที่ทำให้เวลานั้นคนเริ่มไม่เชื่อมั่นในทีมเชลซีแล้ว

เสียงปรามาสว่าเป็นทีม คนชรา เริ่มดังหนาหูขึ้นเรื่อยๆ สวนทางกับปีศาจแดงของเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่ร้อนแรงโดยเฉพาะ เวย์น รูนี่ย์ ที่เข้าฟอร์มเวิลด์คลาสยิงเอาๆจนคนเริ่มเชื่อว่านี่มัน ฟอร์มแชมป์ ชัดๆ

อย่างไรก็ดี เชลซี กลับมาเข้าฝักได้ทันเวลาในเกมกับ พอร์ทสมัธ ที่ชนะไปท่วมท้น
5-0
ต่อด้วยการยิงถล่ม แอสตัน วิลล่า ทีมระดับลุ้นไปแชมเปี้ยนส์ ลีก แบบยับเยินยิ่งกว่าถึง 7-1 ซึ่งทำเอา มาร์ติน โอนีล แทบจะโดนเด้งจากเก้าอี้เลยทีเดียว

ฟอร์ม
2
นัดดังกล่าวเป็นการปลุกตัวเองให้ตื่นขึ้นมาแบบถูกจังหวะจะโคน ก่อนจะถึงศึกสำคัญกับ แมนฯ ยูไนเต็ด เมื่อช่วงค่ำวันเสาร์ที่ผ่านมาพอดี

ขณะที่ แมนฯ ยูไนเต็ด มีอาการหลุดบ้างในเกมแชมเปี้ยนส์ ลีก ที่โดน บาเยิร์น มิวนิค แซงเอาชนะไปแบบเจ็บปวด
2-1
ล้างแค้นในนัดชิงชนะเลิศปี 1999 ไปครึ่งดอก

ความพ่ายแพ้ในเกมนั้นไม่สำคัญเท่าอาการบาดเจ็บของ รูนี่ย์ ที่มีการสรุปยืนยันว่าจะพักการเล่นราว
2-3
สัปดาห์จากอาการบาดเจ็บที่ข้อเท้า

อาการบาดเจ็บครั้งนี้เป็นอุบัติเหตุก็จริงเพราะเป็นจังหวะที่รูนี่ย์ โดนปะทะทำให้เสียสมดุลย์ทำให้ข้อเท้าลงผิดจังหวะจนบิดอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งก็ถือว่าโชคดีแล้วที่ไม่ได้บาดเจ็บหนักมากไปกว่านั้น แต่สิ่งที่น่าสังเกตก็คือระยะนี้เจ้าหมูปีศาจเริ่มมีอาการบาดเจ็บออดๆแอดๆ ผิดวิสัยพอสมควรเนื่องจากปกติเป็นนักเตะพันธุ์โคถึกคึกคะนองไม่มีหยุด และมีพลังร่างกายที่สูงมาก

ตรงนี้อาจเป็นเพราะ รูนี่ย์ ต้องกรำศึกหนักมาโดยตลอด ขนาดมีอาการบาดเจ็บรบกวนก็ยังไม่อยากหยุดเล่นเพราะกำลังกระหายกับฟอร์มการเล่นที่ดีที่สุดในชีวิต

การบาดเจ็บของรูนี่ย์ ทำให้เกิดเครื่องหมายคำถามกับทีมแมนฯ ยูไนเต็ด ทันทีว่าจะส่งผลกระทบมากมายแค่ไหน?

บ้างก็บอกว่ามากเพราะในแนวรุกของ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่เหลืออยู่นั้นมีเพียงคนเดียวที่ถือเป็นนักเตะทีมชุดใหญ่จริงๆคือ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ ส่วนที่เหลือไม่ว่าจะเป็น เฟเดริโก้ มาเคด้า หรือ มาเม่ ดิยุฟ ต่างก็เป็นแค่นักเตะดาวรุ่งธรรมดาๆที่ไม่อาจมอบความไว้วางใจให้ได้

แต่บ้างก็บอกว่าไม่เพราะปีศาจแดงยังมีตัวดีๆในแนวรุกอีกมาก โดย เบอร์บาตอฟ เองฟอร์มในระยะนี้ก็ไม่ขี้เหร่เท่าไหร่ ขณะที่ตัวป้อนอื่นๆอย่าง อันโตนิโอ วาเลนเซีย, นานี่, พอล สโคลส์, ไรอัน กิ๊กส์, พาร์ค ชี ซอง หรือแม้แต่ ดาร์เรน เฟล็ตเชอร์ ก็มีศักยภาพที่จะดันขึ้นมาช่วยทีมลุ้นทำประตูได้ตลอด

อย่างไรก็ดีในเกมที่พบกับเชลซี เราพอจะได้เห็นแล้วว่า แมนฯ ยูไนเต็ด คิดถึงรูนี่ย์ อยู่บ้าง

จริงอยู่ที่ในช่วงครึ่้งหลังปีศาจแดงเป็นฝ่ายที่บุกกระหน่ำแทบจะข้างเดียว แต่ในอัตราการครองบอลที่มากกว่านั้น แมนฯ ยูไนเต็ด ดูจะขาดความน่าสะพรึงกลัวไปมาก ขณะที่การเล่นก็ไม่ดุดันเหมือนเก่าซึ่งถ้าหากมี รูนี่ย์ อยู่ด้วยนั้น หากได้ครองบอลบุกกระหน่ำขึงพืดขนาดนี้ก็น่าจะมีลุ้นมากกว่านี้

อีกเหตุผลก็อาจเป็นเพราะ แมนฯ ยูไนเต็ด เพิ่งจะเดินทางกลับจากเยอรมัน เมื่อวันพุธทำให้สภาพร่างกายไม่สดเท่ากับทางเชลซี ที่ถึงจะอายุเยอะกว่าแต่ก็ได้พักมาตลอดสัปดาห์ทำให้แข้งขากำลังวังชามันมีเรี่ยวแรงมากกว่ากันเยอะ

บวกกับการวางหมากของ อันเชล็อตติ ที่ถือว่าทำการบ้านมาได้ละเอียด ในครึ่งแรกไม่ว่าจะเป็นช่วงก่อนได้ประตูนำหรือหลังได้ประตูนำ เชลซี ก็แทบไม่มีอันตรายเลย ส่วนในครึ่งหลังถึงจะโดนป่วนบ้างแต่ก็ยังถือว่า จอห์น เทอร์รี่ ยังกำกับเกมรับได้อย่างยอดเยี่ยม

ชัยชนะในเกมนี้ของเชลซี ทำให้ โมเมนตัม กลับมาเข้าทางทีมจากเวสต์ลอนดอนเต็มๆ โดยที่เหลือเกมอีก
5
นัดจะจบฤดูกาล ซึ่ง เชลซี จะเหลืออีก 2 นัดหนักๆก็คือเกมกับ สเปอร์ส ในช่วงกลางเดือนนี้กับ ลิเวอร์พูล ในช่วงต้นเดือนหน้า

ในความได้เปรียบ
2
แต้มที่มีเหนือ แมนฯ ยูไนเต็ด ตอนนี้นั้นยังไม่ถือว่ากุมความได้เปรียบแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด และผลการแข่งขันแค่เกมเดียวก็สามารถที่จะพลิกผันสถานการณ์ได้ทันที ขณะที่เรื่องของประตูได้เสียก็ยังไม่ถือว่าได้เปรียบเช่นกันเพราะมีมากกว่าแค่ 2 ประตู ซึ่งทีมระดับนี้ถือว่าจิ๊บจ๊อยมาก

พูดกันอย่างเป็นธรรมก็คือปีศาจแดงพ่ายในเกมนี้จริงแต่ก็ยังไม่ถือว่าเพลี่ยงพล้ำจนหมดโอกาสแต่อย่างใด

สิ่งสำคัญจะอยู่ที่ฟอร์มหลังจากนี้ว่าจะฟื้นตัวกลับมาได้เร็วมากน้อยแค่ไหน โดยสัปดาห์หน้าจะต้องไปเยือน แบล็คเบิร์น ก่อนที่จะเปิดศึกแมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ กับ แมนฯ ซิตี้ ในวันที่
17
(วันเดียวกับที่ เชลซี จะเจอกับสเปอร์ส)

2
เกมนี้่โดยเฉพาะนัดหลังจะเป็นเกมที่มีความหมายมาก ซึ่งหากทีมของเซอร์อเล็กซ์ ผ่านไปได้ ความกดดันจะข้ามฟากไปอยู่กับฝั่ง เชลซี ที่ยังมีเกมกับลิเวอร์พูล ที่แอนฟิลด์รออยู่

แต่อย่าลืมว่า
2 นัดนี้ปีศาจแดงก็ยังไม่น่าจะมี เวย์น รูนี่ย์ เช่นกัน ซึ่งถึงตรงนั้นเราคงจะได้เห็นกันชัดๆกว่านี้ว่าที่สุดแล้ว แมนฯ ยูไนเต็ด จะคิดถึงกองหน้ารายนี้มากน้อยแค่ไหน



จาก:ข่าวกีฬาMSN


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์