ความเหมือนที่แตกต่างระหว่าง อังกฤษ-อิตาลี

ความสัมพันธ์ของทีมจากอิตาลี และอังกฤษ ถือว่าดีเยี่ยม ปัจจุบันมีกุนซือเลี่ยนหลายรายมาทำงานในลีกผู้ดี รวมทั้งคุมทีมชาติ (ฟาบิโอ คาเปลโล่)ด้วย

ขณะที่นักเตะเลี่ยนหลายราย ก็มาค้าแข้งในถิ่นผู้ดี ส่วนแข้งผู้ดีก็มีไปเล่นในเซเรีย อา บ้าง แม้จะไม่ประสบความสำเร็จเปรี้ยงปร้างมากก็ตาม

นับจากอดีตสู่ปัจจุบัน วงการฟุตบอลอิตาลี และอังกฤษ มีส่วนร่วม และคล้ายคลึงกันในหลายๆ ประเด็น แต่ขอหยิบยก 10 ข้อที่สำคัญดังนี้

1) สโมสรชั้นนำในอิตาลีอย่าง มิลาน, เจนัว และปาแลร์โม่ ต่างก็ก่อตั้งโดยคนอังกฤษ

2) ทีมชาติอิตาลีและอังกฤษ ต่างก็โชคร้ายในการดวลจุดโทษกันทั้งนั้น อิตาลีเคยตกรอบเวิลด์คัพเพราะพ่ายดวลจุดโทษ 3 สมัยซ้อนในช่วงปี 90 ต่อด้วยยูโร 2008 ส่วนอังกฤษก็ไม่น้อยหน้ากัน ร่วงตกรอบมาแล้วทั้งนั้นในปี 1990, 96, 98, 2004 และ 2006

3) ทั้งอิตาลี และอังกฤษ ต่างก็มีกุนซือชาวอิตาเลี่ยนกุมบังเหียน นั่นคือ มาร์เชลโล่ ลิปปี้ และฟาบิโอ คาเปลโล่ ตามลำดับ

4) ทีมมหาอำนาจในอิตาลีและอังกฤษล้วนมาจากทางเหนือ อย่างฝั่งทีมผู้ดีก็มี ลิเวอร์พูล และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขณะที่อิตาลีก็มี ยูเวนตุส, มิลาน และอินเตอร์

5) ทั้งอิตาลีและอังกฤษต่างก็มีลีกที่ดีที่สุดในโลก โดยเซเรีย อา เคยยิ่งใหญ่มาแล้วในช่วงปี 80-90 แต่ตอนนี้อังกฤษก้าวขึ้นมาแทนที่แล้ว

6) ทั้ง 2 ชาติต่างก็เคยประสบโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ในวงการลูกหนังมาแล้ว โดยแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยุคบัสบี้ เบบส์ ที่สุดเก่งกาจประสบเหตุเครื่องบินตกที่มิวนิคในปี 1958 เช่นเดียวกับ อิล กรันเด้ โตริโน่ หรือขุนพลกระทิงหินยุคยิ่งใหญ่ที่สิ้นชื่อไปพร้อมกับเหตุเครื่องบินชนภูเขา ซูแปร์ก้าในปี 1949

7) ลีกสูงสุดของอิตาลี และอังกฤษ ต่างก็เคยมี 3 ประสานขั้นเทพที่เป็นตำนานจนมาถึงทุกวันนี้อย่าง เดนิส ลอว์, บ๊อบบี้ ชาร์ลตัน และ จอร์จ เบสต์ ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขณะที่มิลานมี รุด กุลลิต, รุด ฟาน นิสเตลรอย  และแฟร้งค์ ไรจ์การ์ด   

8) จูเซ็ปเป้ วิลสัน อดีตตำนานลาซิโอผู้พาทีมคว้าสคูเด๊ตโต้ในปี 1974 มีบิดาเป็นชาวอังกฤษ และเกิดที่ดาร์ลิงตัน ส่วนซิโมเน่ แปร์ร็อตต้า มิดฟิลด์ทีมชาติอิตาลีของโรม่า เกิดและอาศัยที่ แอชตัน-อันเดอร์-ลิน (บ้านเกิดเจฟ เฺฮิร์สท์) จนกระทั่งอายุ 6 ขวบ

9) ในฟุตบอลโลก  1970 ปีเตอร์ โบเน็ตติ นายทวารทีมชาติอังกฤษเชื้อสายอิตาเลี่ยนเคยทำพลาด เสียประตูให้ฟร้านซ์ เบ๊คเค่นเบาเออร์ ทำให้อังกฤษพ่ายเยอรมันตะวันตก 2-3 ในรอบก่อนรองชนะเลิศ แต่อิตาลีก็ช่วยล้างแค้นถล่มอินทรีเหล็กให้ในรอบรองฯ  4-3 ซึ่งแมตช์นี้ได้รับยกย่องเป็นเกมแห่งศตวรรษด้วย

10) อังกฤษและอิตาลีต่างก็เกลียดทีมชาติฝรั่งเศสเหมือนกัน โดยอังกฤษนั้นแค้นฝังหุ่นมาตั้งแต่เหตุ การรุกรานของชาวนอร์มัน (Norman Conquest)ที่เข้ามายึดครองอังกฤษอยู่พักหนึ่ง แต่สถานการณ์ก็ดีขึ้นเมื่อเข้าสู่ศตวรรษที่ 19 ขณะที่อิตาลีชังน้ำหน้าตราไก่นับตั้งแต่ เรย์มงด์ โดเมอเน็ค เป็นนายใหญ่เลส์เบลอส์

ข้อมูลจาก : MSN ฟุตบอล วันที่ : 2/13/2010 5:34:54 PM