ชำแหละระบบ ไดมอนด์ ของอันเชล็อตติอย่างละเอียด !!!!!?????

ตัวผมมีโอกาสได้โหลดฟูลแมทเกมระหว่าง เชลซี กับ ลิเวอร์พูล มาดูอีกครั้งเพื่อหาความแตกต่างว่าสกอร์ที่ทัพ สิงห์บลู เอาชนะนั้นมาจากเหตุผลใด? และครึ่งหลังเล่นกันรูปแบบไหนทำให้ลูกทีมของ คาร์เล็ตโต้ คว้าชัยไปได้ในที่สุด ?

ผลที่ออกมาสามารถมองได้หลายรูปแบบ.. เราได้เห็นการเข้าทำที่ผ่านบอลไปมาเหมือนไม่มีอะไรแต่กดดันด้วยความหนักแน่น.. หรือจะเป็นการจัดโซนที่ค่อนข้างเป็นระเบียบในแดนกลางและเชื่อมโยงไปทั่วทั้งสนาม 

 

บอลทุกจังหวะมักจะนำมาเซตกันที่ ริคาร์โด้่ คาวัลโญ่ เป็นหลักเพราะกองหลังชาวโปรตุกีสรายนี้สามารถที่จะครอบครองพื้นที่ได้ดี การเติมเกมแต่ละครั้งทำให้ลดอิทธิพลในแดงกลางของคู่แข่งได้อย่างไม่น่าเชื่อ ??

พูดก็พูดเถอะีครับ.. นี่อาจจะเป็นอีกครั้งที่เราได้เห็น จอห์น เทอรี่ มีคู่ขาที่รู้ใจที่สุดเพราะต่างคนต่างสไตล์.. เทอรี่ เป็นผู้นำ เก็บกินลูกกลางอากาศและไม่เข้าพรวดส่วน คาวัลโญ่ คอยไล่บอลและอ่านจังหวะการเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้าม

การเคลื่อนที่ของกองกลางในรูปแบบ ไดมอนด์ มักจะใช้การขึ้นบอลแบบบีบตัวเพื่อให้รักษารูปทรงอยู่และไม่เสียบอลง่ายๆ ส่วนฟูลแบ็คก็เติมเกมได้อย่างสะบายใจไม่ต้องกังวลหลัง

ที่เป็นแบบนั้นเพราะมี ไมเคิล เอสเซียง คอยประคองเอาไว้ให้ตัวรุกอย่าง แลมพาร์ด กับ บัลลัค เติมขึ้นไปเพื่อเป็นตัวเลือกในการฝากบอลจากเกมริมเส้น.. ถ้าหากถูกประกบเรามักจะเห็น แอชลีย์ โคล โยนเข้าในทันทีหรือวิ่งจี้เพื่อบีบแนวระวังให้มารวมตัวเป็นกระจุกแล้วเกิดช่องว่าง

หน้าที่ของ ไบซัน แห่งเดอะ บริดจ์ คือนำศักยภาพร่างกายของตนเองออกมาใช้ให้เป็นประโยชน์มากที่สุด.. วิ่ง วิ่ง แล้วก็ วิ่ง คือมาตรฐานง่ายๆ ที่ เอซเซียง ต้องทำมันทั้งเกมและมุ่งต่อไปไม่มีหยุด




ความเป็นไปได้่ในตัวของนักเตะรายนี้มีมากกว่านั้น.. เวลาที่ เอซเซียง ได้บอลมักจะเป็นคนคุมจังหวะของเกมว่าจะเล่นสไตล์ไหนหาใช่ แฟรงค์ แลมพาร์ด เหมือนแต่ก่อน ???

ถ้าหากใครติดตาม เชลซี ในหลายๆ ฤดูกาลหลังเราจะได้เห็นว่าเมื่อเพื่อนรูปทีมตัดบอลได้มักจะป้อนให้ แลมพาร์ด เป็นอันดับแรกเพราะครองบอลดี ผ่านบอลเฉียบขาด และ ที่มากกว่านั้นคือ สัญชาตญาณ ที่เชื่อมั่นได้ว่าพวกเราฝากความหวังไว้กับเขาได้ !!

ในทางกลับกันหน้าที่ใหม่ของสุดหล่อรายนี้มันดันตรงกันข้ามไปกว่าเก่าหลายขนาน.. จะเป็นตัวรุกก็ไม่ใช่หรือจะเรียกว่าเป็นตัวรับกองไม่เชิงเพราะดูจากลักษณะการเล่นแล้วเขาคือ ตัวฟรี ที่ทำอะไรก็ได้ในสนาม..

ความมหัศจรรย์ของกองกลางรายนี้ถูกบั่นทอนความเด่นลงไปคือการทำประตู.. 8 นัดทำไปได้เพียง 1 ลูกจากจุดโทษในเกมที่พบกับ ซันเดอร์แลนด์ ตอนต้นฤดูกาล

นับจากนั้น แลมพาร์ด ไม่ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองถนัดมากนักแต่ก็ต้องเข้าใจว่า เล่นเพื่อทีม และมันเปรียบได้กับว่าเป็นรองเท้าที่มี ไมเคิล บัลลัค เป็นบาทาเข้ามาเสียบ..



คู่ขาในสนามของ แลมพาร์ด คือ บัลลัึค ที่ไปไหนไปกันและยึดมั่นปักหลักให้ แลมพ์ อยู่ฝั่งซ้ายส่วนไกเซอร์น้อยเล่นฝั่งขวา..

เวลาเล่นเกมรุกก็ง่ายๆ คือเน้นการผ่านบอลที่่ค่อนข้างชัวร์และหวังผลได้ทุกขณะจิต.. ส่วนเวลาโดนกดดันมักจะลงไปช่วยแบ็คฝั่งนั้นๆ หรือบีบเข้ากลางเพื่อไปช่วย เอซเซียง ก็เป็นไปได้..

แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ 2 เสือที่อยู่ถ้ำเดียวกันมีวิถีการเล่นต่างกันไปก็คือ ประโยชน์ ในการเข้าตีป้อมปราการเพราะ บัลลัค มักจะมีส่วนกับลูกเซตพีททุกจังหวะส่วน แลมพาร์ด คือตัวซัพพอตหรือไปเล่นลูกตั้งเตะแทน

สไตล์เดียวกัน เล่นเหมือนกัน และ อันเชล็อตติ ใช่วิธีไหนถึงจับ 2 คนนี้ลงไปผสานงานกันได้ ????

มันไม่มีคำตอบที่ตายตัวในแง่ของแทคติค.. แต่จะเปลี่ยนสักนิดคือทั้งคู่เปรียบได้กับ เส้น ที่มีเป้าหมายในการพุ่งชนต่างกันไป.. คนนึงอาจจะเน้นแค่การสกรีนบอลส่วนอีกคนคือหวังทีเด็ดจากเซนส์ที่มีอยู่..

แน่นอนว่าไม่ต้องสงสัยว่าใครเป็นใคร.. ทุกคนบนทั่วแผ่นดิน พรีเมียร์ลีก หรือ เวทียุโรปต่างๆ รับรู้ได้ว่าช่วงเวลาที่ เชลซี ประสบความสำเร็จมักจะพึ่ง แลมพาร์ด กับ ดร๊อกบา เสมอ..



วันใดคนนึงเจ็บหรือโดนจับทางได้ก็เท่ากับ สิงห์ ตัวนี้โดนหักเขี้ยวจนหาจุดเหมาะต่อการขยี้คู่แข่งไม่เจอทำให้ อันเชล็อตติ ใส่ความหลากหลายลงไปมากกว่าที่เป็นอยู่คือให้ เดโก้ เล่นตามธรรมชาติเพราะถนัดเกมรุกมากกว่า แลมพาร์ด หรือ บัลลัค อยู่แล้ว..

เดโก้ มีความคล่องตัวแต่ขาดความเร็ว.. การส่งบอลอาจจะเรียกได้่ว่า 50/50 เพราะถ้าพลาดคือเสียแต่ถ้าบรรลุผลคือมีสิทธิ์ได้ลุ้นในการทำประตูทันทีเนื่องจากมันจะทะลุเด่นชัดและมองเห็นความผิดพลาดของแนวรับฝ่ายตรงข้ามได้ชัดเจน...

บางครั้งเราอาจจะได้เห็น เดโก้ เหมือนถูกทอดทิ้งไว้ข้างหน้าแต่ก็มีประโยชน์ตรงที่สามารถเรียกตัวประกบได้จนทำให้ ดร๊อกบา กับ อเนลก้า สามารถให้คนใดคนหนึ่่งลงมาล้วงบอลไปชงกันเอง

เมื่อทุกเป้าหมายลงล็อคกันพอดีจะสรุปได้ตามหลักทฤษฏีดังนี้คือ เอซเซียง เป็นตัวรับที่มี คาวัลโญ่ คอยหนุน.. แลมพาร์ด กับ บัลลัค เล่นคล้ายๆ กันแต่หวังผลในรูปแบบที่เปลี่ยนแปลงส่วน เดโก้ อาศัยความคลาสสิกเข้ามาเสริม..

นอกเหนือจากนี้คงเป็นเรื่องของกองหน้าที่เราพอมองออกกันก็คือ ดร๊อกบา เป็นหน้าเป้าคอยเก็บบอลและใช้สรีระอันใหญ่ยิ่งเบียดแนวรับให้เละเป็นเสี่ยงๆ

นิโกลาส์ อเนลก้า คอยอยู่ในตำแหน่งที่ทำประตูได้ตลอดเวลาและเป็นอีกหนึ่งคนที่มี เบสิค ดีจนนำมาวาดลวดลายได้กอปรกับการที่มีสปีดต้นที่ดีจึงสามารถทำงานกับแบ็คริมเส้นได้เต็มประสิทธิภาพ

ที่กล่าวมามันก็แค่แนวทางที่ผมพอดูออกนะครับ.. อาจจะไม่ถูกซะหมดแต่ก็คิดว่าน่าจะมีส่วนที่เป็น เนื้อ อยู่ไม่มากก็น้อย.. ดูกันต่อไปว่าระบบนี้จะไปได้ไกลขนาดไหน? และเมื่อไหร่ อันเชล็อตติ จะจูนแทคติคนี้ให้ติดเครื่องได้ไวที่สุด ?

รู้อย่่างเดียวก็คือถ้ามัน ทื่อ เราก็ส่ง ฟลอล็องค์ มาลูด้า ลงมาซะก็สิ้นเรื่อง..


เขียนโดย Petrboat

เครคิต teenee.com

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์