The Legend Of Chelsea !!!!!!!!
..........สโมสร เชลซี ฟุตบอลคลับ ก่อตั้งเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 1905 จากความคิดของ เอช.เอ เมียร์ส และน้องชายของเขา เจ.ที เมียร์ส โดยเลือกใช้สนามฟุตบอล สแตมฟอร์ด บริดจ์ เป็นสนามทีมเหย้าและลงเล่นในดิวิชั่น 2
เกมแรกของทีมคือการบุกไปเยือน สต๊อร์คปอร์ท คันทรี เมื่อวันที่ 2 กันยายน 1905 ภายใต้การคุมทีมของ จอห์น แทต โรเบิร์ตสัน ซึ่งเป็นทั้งโค๊ชและผู้เล่นเองจนใช้เวลาไม่นานก็พาทีมก้าวขึ้นสู้ดิวิชั่น1 แต่ไม่ประสบความสำเร็จเอาเสียเลย 
วันเวลาผ่านไป เชลซี มาได้กุนซือประวัติศาสตร์นามว่า เท็ด เดร็ค พาทีม เชลซี คว้าแชมป์ลีกครั้งแรกในประวัติศาสตร์ปี 1954/1955 ได้สำเร็จ.. เกียรติประวัติในสมัยการเป็นนักเตะของเขาไม่ธรรมดา เคยอยู่กับทีม อาร์เซน่อล และยิง 42 ประตูในฤดูกาล 1934/1935
แต่หลังจากที่ทีมคว้าแชมป์คว้าแชมป์เพียงปีเดียว ผลงานเริ่มตกต่ำแบบย่ำแย่.. อยู่อันดับท้ายตารางมาตลอดทำให้ในปี 1962 ทอมมี่ ด็อคเคอร์ตี้ ได้ถูกแต่งตั้งเป็นผู้จัดการทีมและมีนักเตะดังๆมากมายอาธิ ปีเตอร์ โบเนตติ , เทอรรี่ เวนาเบิล
จากการที่ความสัมพันธ์ของทีมไม่ดีนัก ทอมมี่ ด็อคเคอร์ตี้ ได้ถูกแทนที่ในตำแหน่งผุ้จัดการทีมโดย เดฟ เซ็กซ์ตัน และเป็นคนคุม เชลซี คว้าแชมป์ เอฟเอคัพ ได้ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ โดยเอาชนะ ลีดส์ ยูไนเต็ด ไปได้ในปี1970
การคว้าแชมป์ครั้งนั้นทำให้ เชลซี ได้ไปเล่นฟุตบอลถ้วยสโมสรยุโรปรายการ คัพ วินเนอร์ส คัพ.. การคุมทีมของ เซ็กซ์ตัน สามารถพาทีมเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศไปพบกับ รีล มาดริด และด้วยฟอร์มอันสุดยอดของ อลัน ฮัดสัน กับ ชาร์ลี คุ้ก ทำให้ เชลซี คว้าแชมป์ไปได้
หลังจากนั้นเวลาผ่านไป 4 ปี.. เชลซี ประสบปัญหาหนักตกชั้นไปอยู่ดิวิชั่น 2 และยังเป็นหนี้อีกมากมาย นักเตะคลาดแคลนอย่างมาก จำเป็นต้องส่งผู้เล่นท้องถิ่นบวกกับนักเตะตัวเก๋าบางรายลงสนามไปเล่นแต่ใช้เวลาเพียง 2 ฤดกาลเท่านั้นก็ได้ขึ้นมาอยู่ดิวิชั่น 1 ได้อีกครั้ง
ในปี 1993 เกล็น ฮอดเดิ้ล ได้เข้ามาคุมทีมเชลซี และทีมสามารถทำผลงานได้ดีพอสมควรจากการได้ไปไกลถึงรอบรองชนะเลิศ คัพ วินเนอร์ส คัพ ทำให้ทีมมีเงินพอไปซื้อนักเตะชื่อดังมากมาย เช่น รุด กุลลิท , มาร์ค ฮิวส์จ และ แดน เปเตรสคู
อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากที่ ฮ็อดเดิ้ล ลาออกเพื่อไปรับงานคุมทีมชาติ อังกฤษ กลายเป็น กุลลิท ที่ถูกดันขึ้นมาคุมทีมแทนในช่วงซัมเมอร์ปี 1996 โดยเริ่มต้นงานอย่างตื่นเต้นจากการไปดึงตัว จานลูก้า วิอัลลี่ , โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ, ฟร้องค์ เลอเบิฟ และ จานฟรังโก้ โซล่า
จากฟอร์มอันร้อนแรงของสตาร์ดังในทีมทำให้ระเบิดฟอร์มคว้าแชมป์ เอฟเอคัพ มาได้สำเร็จในปี 1997 เมื่อเอาชนะ มิดเดิ้ลสโบรช์ ไปได้ 2-0 จากประตูแรกที่ มัตเตโอ ทำได้ด้วยเวลาเพียง 43 วินาที อันได้รับการจารึกว่าเป็นประตูที่เร็วที่สุดในประวัติศาสตร์เอฟเอ คัพ นัดชิงชนะเลิศ ด้วย(ณ ปัจจุบันนี้ หลุยส์ ซาฮา ทำลายไปแล้วที่ 25 วินาที) 
จากนั้นด้วยการมีกฎบอสแมนเข้ามาทำให้ กุลลิท คว้าตัวนักเตะใหม่เข้ามาร่วมทีมอีกหลายรายด้วยกันไม่ว่าจะเป็น กุสตาโว โปเยต์ , ทอเร่ อังเดร โฟล , เซเลสติน บาบายาโร่ , แกรม เลอ โซ และ เอ็ด เดอ ฮุย
เกิดการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งในปี 1998 เมื่อ วิอัลลี่ ขึ้นมาเป็นผู้จัดการทีมแทน รุด กุลลิท ที่ตกลงเรื่องสัญญาไม่ได้กอปรกับการที่ วิอัลลี่ โชว์ผลงานได้ดีเยี่ยมโดยการคว้าถึง 2 แชมป์ได้แก่ โคคา โคล่าคัพ และแชมป์ คัพ วินเนอร์ คัพ ได้อีกครั้งเป็นสมัยที่ 2 ..
และนี่คือจุดเริ่มต้นของคำว่า ตำนาน ที่พวกเรารู้จักกันดีนั่นก็คือ จิอันฟรังโก้ โซล่า นั่นเอง.. หากใครเป็นแฟนฟุตบอล เชลซี แล้ว ไม่มีทางที่จะไม่รู้จักนักเตะคนนี้เพราะเขาสร้างความมหัศจรรย์ไว้มากมาย มีลีลาการเล่นที่หลากหลายจนขึ้นมาเป็นนักเตะคนสำคัญของสโมสร
ลูกยิงสำคัญที่ยังคงจำกันได้คือลูกที่โชว์ความสามารถเฉพาะตัวล็อคหลบกองหลังของ แมนยูไนเต็ด และหลุดไปยิงหักข้อผ่านมือ ปีเตอร์ ชไมเคิล ผู้รักษาประตูที่ดีที่สุดในโลกไปอย่างสวยงาม ทำให้แฟนบอล เชลซี จดจำเขาได้จนถึงวันนี้
ในปี 1999 เชลซี ได้มีสุดยอดผู้รักษาประตู 1 รายย้ายมาสู่ทีมนั่นคือ คาร์โล คูดิชินี่ ผู้รักษาประตูชาว อิตาเลียน.. สิ่งที่แฟนบอลจดจำเขาได้แม่นยำคือการเซฟจุดโทษของ นิสเตอรอย ได้ในเกมที่พบกับ แมนยู 
จากนั้นในปี2000 เคลาดิโอ รานิเอรี่ ได้เข้ามาคุมที่แทน วิอัลลี่ และ รานิเอรี่ได้โละนักเตะเก่าๆออกไปมากมายจนทุ่มเงินกว่า 40 ล้านปอนด์ซื้อนักเตะมากมายมหาศาล อาธิ กัลลาส ,แฟรงค์ แลมพาร์ด , เอมมานูเอล เปอตีต์, ซลาวิซ่า โยคาโนวิช , เยสเปอร์ กรุนชาร์ และ เบาเดอไวน์ เซนเด้น
แต่จากที่ผลงานของทีมไม่ดีนัก จึงได้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งประวัติศาสตร์ของสโมสรเมื่อ โรมัน อบราโมวิช มหาเศรษฐีชาว รัซเซีย เข้ามาซื้อสโมสรด้วยวงเงินกว่า 140ล้านปอนด์และทุ่มเงินไม่อั้นให้รานิเอรี่ซื้อนักเตะเข้ามาสู่ทีม..
ในปี 2003 นั้นทำให้สโมสรมีเงินจับจ่ายใช้สอยซื้อนักเตะอย่างไม่อั้น ไม่ว่าจะเป็น เกล็น จอห์นสัน , เวย์น บริดจ์ , โจ โคล , เฌเรมี่ , ฮวน เซบาสเตียน เวรอน , เดเมี่ยน ดัฟฟ์ , อาเดรียน มูตู , เฮอร์นัน เครสโป และ โคล้ด มาเกเลเล่ โดยรวมแล้วมากกว่า 100 ล้านปอนด์เลยทีเดียว
ผลงานของทีม เชลซี ตลอดการคุมทีมของ รานิเอรี่ ได้พาทีมติดอันดับ 1-5มาตลอดและยังพา เชลซี เข้าถึงรอบรองชนะเลิศยูฟ่าแชมเปี้ยนลีกได้ในฤดูกาล 2003/2004 โดยในรอบ8ทีมสามารถผ่านอาร์เซน่อลมาได้แต่ก็มาพ่ายต่อ โมนาโก ในรอบตัดเชือก 
ในฤดูกาล 2003/2004 เชลซี ของ รานิเอ รี่พัฒนามาจนได้อันดับ 2 รองจาก อาร์เซน่อล ในพรีเมียร์ลีก.. การทำงานแบบค่อยๆเป็นค่อยๆไปกำลังใกล้ประสบความสำเร็จแต่ในทันใดนั้นได้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ของสโมสร..
จากก็ยังเป็นที่ไม่พอใจของมหาเศรษฐีชาว รัซเซีย ทำให้ อบราโมวิช ตัดสินใจปลด รานิเอรี่ ออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีมและแต่งตั้ง โชเซ่ มูรินโญ่ กุมบังเหียน
แต่ก่อนการจากไปของ ทิงเกอร์แมน ได้ทิ้งเพชรเม็ดงามที่ซื้อมาแต่ไม่ได้ใช้นั่นคือ อาเยน รอบเบ็น และ เพตเตอร์ เช็ก โดยในรายของอาเยน รอบเบ็นนั้น ปีเตอร์ เคนย่อน อดีต ceo ของ แมนยูไนเต็ด ตัดหน้าจาก แมนยู แบบให้ค่าตัวและค่าเหนื่อยมากกว่า
เกียรติประวัติของมูรินโญ่ไม่ธรรมดา พาทีม ปอโต้ เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จโดยไปพบกับโมนาโกและพาทีมคว้าแชมป์ไปในที่สุด.. ถือว่าปีนั้นเป็นปีที่ช๊อคสุดๆ เพราะทีมแชมป์ไม่ใช่ทีมยักษ์ใหญ่ของยุโรป โดยทีมชุดนั้นประกอบไปด้วยผู้เล่นอย่าง เดโก้ , คาวัลโญ่ และคนอื่นๆอีกมากมาย
เมื่อ มูรินโญ่ เข้ามาเขาได้ทำการประกาศกับนักข่าวว่ามองตนเองเป็น เดอะ สเปเชี่ยล วัน หรือคนพิเศษ และเหมือนประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยอีกครั้ง..
เมื่อปี 1954/1955 เท็ด เดร็ค ผู้จัดการทีมคนหนุ่มพาทีมคว้าแชมป์ได้ และมูรินโญ่ ก็ได้เดินตามรอยนั้น ผุ้จัดการทีมคนนี้บอกว่าหน้าที่หลักของเขาคือ ผมจะทำทีมคว้าแชมป์ และจะสร้างทีมในฉบับของตัวเองขึ้นมา เล่นทำนักข่าวหลายๆคนตั้งใจติดตามข่าวของ มูรินโญ่ มาตลอด 
จากการมาของ มูรินโญ่ ได้เทงบประมาณไปกว่าเกือบร้อยล้านปอนด์ซื้อนักเตะมามากมายนับไม่ถ้วน อาธิ คาวัลโญ่ , เฟอเรร่า , เคซมัน , ติอาโก้ และ ดิดิเยร์ ดร๊อกบา ศุนย์หน้าทีมชาติไอวอรีโคสต์จากมาร์กเซยด้วยค่าตัวสถิติสโมสรถึง 24 ล้านปอนด์
บุคลิกของ มูรินโญ่ สมชื่อ เดอะ สเปเชี่ยล วัน จริงๆ.. เขามีเป็นคนที่ชอบเล่นสงครามประสาทกับผ้จัดการทีมคนอื่นๆ และชอบชวนทะเลาะกับผู้คนมากมาย ทำให้ถุกเรียกว่า กุนซือปากดี
สิ่งต่อมาที่เขาทำให้ทีมนั่นคือการแต่งตั้ง จอห์น เทอรี่ ขึ้นเป็นกัปตันทีมเพราะมีบุคลิกของความเป็นผู้นำ และแต่งตั้ง สตีฟ คล๊าก ขึ้นมาเป็นมือขวาของ มูรินโญ่
เกมแรกของ มูรินโญ่ ถือเป็นบทพิสูจน์ครั้งสำคัญเมื่อต้องพบกับทีมที่แข็งแกร่งอย่าง แมนยูไนเต็ด ของเซอร์ อเล็กซ์ เฟอกูสัน.. ในแมทนี้ คูดิชินี่ ที่เป็นตัวจริงมาตลอด 3-4 ปีหลังถูกแทนที่โดย เพตเตอร์ เช็ก
ตลอดเกมแมนยูเปิดเกมรุกเข้าใส่แต่ไม่เฉียบขาดพอ.. โดน เชลซี สวนกลับอย่างรวดเร็วจาก เจเรมี่ เติมเกมขึ้นมาจากแบ็คขวาและโยนยาวให้ ดร๊อกบา โหม่งชงให้ กู๊ดยอนเซ่น ยิงผ่านตัว รอย แคโรลไปอย่างสวยงามทำให้เชลซีเอาชนะไปได้ 1-0
และ มูรินโญ่ ก็ไม่ทำให้แฟนบอกของ เชลซี ต้องผิดหวัง.. ในฤดูกาลแรกของเขาสามารถคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก และคาลิ่งคัพได้สำเร็จบวกกับการทำลายสถิติเก่าๆของพรีเมียร์ลีกอีกมากมายนับไม่ถ้วน
ไล่กันตั้งแต่ ทำแต้มได้มากที่สุดถึง 95แต้ม.. เสียประตูน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์โดยเสียไปเพียง15 ลูกเท่านั้น.. เพตเตอร์ เช็ก ทำลายสถิติไม่เสียประตูติดต่อกันยาวนอนของ ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล โดย เช็ก ทำไว้ 10 นัด 1024 นาที(ตอนนี้เจ้าของสถิติใหม่เป็น ฟาน เดอ ซาร์ 14 นัด)
แต่ก็ต้องฉ้ำทรวงไปอีก 1 ฤดูกาลเมื่อเข้าได้ถึงรอบรองชนะเลิศ ยูฟ่าแชมเปี้ยนลีก ก่อนจะแพ้ให้แก่ ลิเวอร์พูล โดยเสมอในบ้านก่อน 0-0 และบุกไปพ่ายต่อ ลิเวอร์พูล จากลูกปัญหาของ หลุยส์ กาเซีย
สานฝันต่อกับแชมป์พรีเมียร์ลีกในปี 2005/2006 โดยได้นักเตะตัวหลักคนมานั่นคือ มิชาเอล เอซเซียง ดีกรีนักเตะยอดเยี่ยมของลีกเอิงฝรั่งเศสในปี2004/2005 ด้วยค่าตัวหมาศาลถึง 26 ล้านปอนด์เลยทีเดียว (สถิติสโมสรใหม่)
แต่ในปีนี้เชลซีในศึกแชมเปี้ยนลีกไปได้แค่รอบ 16 ทีมโดยการพ่ายต่อ บาร์เซโลน่า ซึ่งปีนั้นถือว่าเป็นปีทองของเหยินน้อย โรนัลดินโญ่ เลยทีเดียว
แต่ไม่นาน ข่าวร้ายของแฟนบอลเชลซีก็มาถึง ด้วยการที่ โรมัน อบราโมวิช ได้เข้าไปมีส่วนร่วมกับการซื้อขายของทีม.. จัดการซื้อตัวอังเดร เชฟเชนโก้ดาวเตะของเ อซี มิลาน และ มิชาเอล บัลลัค จอมทัพของ บาเยิน มิวนิค มาร่วมทีม.. โดยที่รายของ เชฟเชนโก้ นั่นตัวมูรินโญ่เองไม่ต้องการ 
จึงทำให้เกิดเหตุร้ายในปีนั้น.. จากระบบ4-3-3ที่ลงตัวแล้วต้องปรับมาเป็น 4-4-2 เพื่อรองรับ 2 ดาวดังที่ย้ายมาใหม่และทำให้ผลงานของทีมไม่ดีโดยการเสียแชมป์ให้กับ แมนยู ไปแต่ก็ไม่ได้ย่ำแย่มากมายเพราะได้มาถึง 2 ถ้วยคือ คาลิ่งคัพ และเอฟเอคัพ
แต่แล้วเมื่อฤดูกาลใหม่เข้ามา หลังจาก เชลซี ทำแต้มหล่นมากมายในฤดูกาล 2007/2008 เริ่มตั้งแต่บุกไปแพ้แอสตัน วิลล่า 2-0 เสมอ แบล็คเบิร์น ในบ้านแบบโนสกอร์และทำได้แค่เจ๊ากับ โรเซนเบิร์ก ณ เดอะ บริดจ์ 1-1
ด้วยความไม่พอใจของ อบราโมวิช ที่ต้องการให้ เชลซี เป็นทีมที่ชนะและประสบความสำเร็จอย่างมีสไตล์แต่ มูรินโญ่ ไม่สามารถทำได้ดั่งที่ อบราโมวิช หวังไว้เลยต้องแยกทางกันไป..
ผู้จัดการทีมคนใหม่ถูกแทนที่ด้วยเพื่อนซี้ อัฟรัม แกรนท์ ..
แกรนท์ เข้ามาและรับปากไว้อย่างดีว่าจะพา เชลซี ชนะอย่างมีสไตล์และสวยงามได้ แต่มันก็เป็นแค่ลมปากเท่านั้น ระบบของทีมเน้นรัดกุมยิ่งกว่ายุคของ มูรินโญ่ ด้วยซ้ำ ..
ในเกมแรกของเขาคือการบุกไปเยือน แมนยู ถือเป็นการรับน้องใหม่เลยทีเดีย และเชลซีก็พ่ายไป 2-0โดยเหลือผู้เล่น 10 คนเพราะ มิเกล โดนใบแดงไป 
สิ่งเดียวที่แฟนบอลเชลซีจำได้สำหรับ แกรนท์ ก็คือ เชลซี ได้เข้าชิงฟุตบอลยูฟ่าแชมเปี้ยนลีกได้ครั้งแรกในประวัติศาสตร์และพาทีมได้ถึง 3 รองแชมป์ ได้แก่ พรีเมียร์ลีก,คาลิ่งคัพ,แชมเปี้ยนลีก นั่นเอง และความเอาแต่ใจตัวเองของ อบราโมวิช ก็ได้ไล่เพื่อนสนิทอย่าง แกรนท์ ออกไปโดยการเข้ามาคุมทีมได้เพียง 8 เดือนเท่านั้น ..
แต่ปีนี้ แฟรงค์ แลมพาร์ด สตาร์ดังของทีมได้ทำการยิงประตูให้กับเชลซีโดยยิงครบ 100 ประตูได้สำเร็จหลังจากย้ายมีจาก เวสต์แฮม ในปี 2000
หลังจากนั้นไม่นาน อบราโมวิช ได้ทำการแต่งตั้ง หลุย เฟลิเป้ สโคลารี่ ผู้จัดการทีมชาติ โปรตุเกส มาคุมทีมแบบที่แฟนบอลของเชลซีและนักเตะในทีมชื่อชอบกันอย่างมาก
เกียรติประวัติของสโคลารี่ไม่เลว.. พา บราซิล คว้าแชมป์โลกมาแล้ว ในปี2002.. พา โปรตุเกส เข้าชิง ยูโร 2004 และพา โปรตุเกส เข้าถึงรอบตัดเชื่อกใน ฟุตบอลโลก 2006
แต่ผลงานของ สโคลารี่ ไม่ค่อยเวิร์คเท่าที่หมายไว้.. เล่นสวยแต่จบไม่ค่อยได้เลยทำให้มีชีวิตในสโมสรแห่งนี้สั้นที่สุดคือ 7 เดือนเท่านั้น !!!
คนใหม่ที่เข้ามาคือ กุส ฮิดดิ้ง ที่มาเปลี่ยน เชลซี จากหน้ามือให้เป็นหลังมือโดยการเสก แชมป์ เอฟเอคัพ ให้กับทีมได้สำเร็จเป็นการสั่งลาอย่างมีความสุขปนน้ำตา
ได้เวลานายใหม่!!! คนต่อไปคือผู้ที่ อบราโมวิช ชื่นชอบอย่างมาก.. เขาคือ คาร์โล อันเชล็อตติ ผู้ที่ เสี่ยหมี หวังจะบรรดาล แชมป์ยุโรป ให้เป็นจริง..
Petrboat
Credit วิกีพีเดีย, www.tlcthai.com/webboard
ขอขอบคุณ Petrboat แห่งเว็บhttp://www.teenee.com/
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
