อุด-ฟาว์ล-ตอด!เชลซีบุกเจ๊าบาร์ซ่า0-0

อุด-ฟาว์ล-ตอด!เชลซีบุกเจ๊าบาร์ซ่า0-0

อุด-ฟาว์ล-ตอด!เชลซีบุกเจ๊าบาร์ซ่า0-0

แท็คติกส์อันสุดยอดของกุส ฮิดดิงค์ส่งผลทำให้เชลซีบุกมายันเสมอโคตรทีมนอกโลกอย่างบาร์เซโลน่าได้ถึงรังคัมป์นูด้วยสกอร์ 0-0 ชนิดที่ไม่สนุกเหมือนที่แฟนคาดหวังไว้ทำให้ต้องไปวัดกันใหม่เลกสองแต่สิงห์ไฮโซ อาจเล่นยากตรงอเวย์โกล์นั่นเอง

แชมเปี้ยนส์ลีกรอบรองชนะเลิศเลกแรก
วันอังคารที่ 28 เมษายน 2552


บาร์เซโลน่า 0-0 เชลซี

ประตู : -


แชมเปี้ยนส์ลีกรอบรองชนะเลิศนัดแรกทั้งสองทีมจัดทัพใหญ่ชนกันโดยที่กุส ฮิดดิงค์ใช้ดร็อกบาเป็นหน้าค้ำและยัดมิดฟิลด์ตัวทำลายเกมลงบานทั้งเอสเซียง,บัลลัค,โอบี มิเกลและมีแฟร็งค์ แลมพาร์ดเป็นคนคอยคุมจังหวะเกม

ส่วนเป๊ป กวาดิโอล่ายังใช้นักเตะและแท็คติกส์เดิมๆระบบ 4-3-3 นำทัพโดยชาบี้,อิเนสต้าและยาย่า ตูเร่ส่วนแดนหน้าเป็นอองรี,เมสซี่และเอโต้

ครึ่งแรก

นาทีเศษๆบาร์ซ่าเกือบขึ้นนำอย่างรวดเร็วหลังฟรีคิกทางฝั่งซ้ายของชาบี้เปิดข้ามมาเสาสองเป็นเอโต้แลบมาคนเดียวไร้ตัวประกบก่อนโขกย้อนไปที่ระยะเผาขนผ่านเช็กและเลยไปถึงเสาสองแต่ไร้ตัวเข้าแถมมาร์เกซมาสไลด์ยิงก็ช้าเกินไปบอลเกือบจะออกเส้นอยู่แล้วสุดท้ายเลยยิงออกหลังไป

คู่นี้ต้องบอกชิงไหวชิงพริบในแดนกลางอย่างแท้จริงเพราะหากใครครอบครองบัญชาเกมได้พวกเกมทางริมเส้นจะทำงานได้ดีอย่างไม่ต้องสงสัย

การสู้กันครั้งแรกของโบซิงวากับเมสซ๊เกิดขึ้นในนาทีที่ 13 และเป็นปีกทีมชาติอาร์เจนติน่ากระชากจี้จากริมเส้นนำหน้าลากยื้อไปจนถึงกรอบโทษฝั่งขวาก่อนเจอแบ็คโปรถีบสไลด์ขวาล้มไม่เป็นท่าจนผู้ตัดสินวิ่งมาให้ฟาว์ลแล้วเตือนว่าครั้งหน้าฟาว์ลอีกเจอใบสั่งแน่

จากเกมที่สูสีตอนนี้บาร์ซ่าเริ่มขึงเกมเหมือนที่เราเห็นทุกๆสัปดาห์ทางช่องทรูหนึ่งและสามและแถวบ้านเรียกว่ากำลังเป็นบอลขึงอยู่ฝากเดียวแล้วและนาที 17 อัลเวสได้ทะลุหลุดเข้ากรอบโทษก่อนปาดเลียดลอดดากเทอร์รี่กะจะให้เอโต้แต่อเล็กซ์เคลียร์ตัดหน้านิดเดียว

เกมชวนง่วงหลือเกินเพราะเชลซีก็ไม่อยากเปิดเกมแลกและยังมีเลกสองให้ลุ้นอีกแต่นาที 24 อบิดัลวางยาวจากแดนตัวเองให้อองรีหลุดขึ้นมาทางกรอบโทษฝั่งซ้ายก่อนจี้เข้ามาในกรอบแล้วล็อกหลบเข้าหลังเส้นจนอเล็กซ์เสียท่าแต่จังหวะตบบอลเข้าในติดอเล็กซ์ที่พุ่งบล็อกหวุดหวิด เสียแค่เตะมุม

อีก 4 นาทีต่อมาหลังเคาะไปเคาะมาหน้ากรอบโทษชาบี้ได้โอกาสง้างเกือกยิงไกล 20 หลาบอลพุ่งตะแคงออกสามเหลี่ยมไปแบบได้เสียวจนแฟนบอลครางกันทั้งสนาม

ยิ่งเล่นยิ่งใกล้เคียงนาที 34 อิเนสต้าดูดบอลลงในกรอบอย่างเนียนก่อนยึกยึกจะลากไปเองก่อนแตะไหลให้อองรีซัดเต็มข้อแต่เช็กล้มตัวปัดหลุดข้างเสาเอาเตะมุม

ผู้เล่นเจ้าถิ่นหงุดหงิดสุดๆหลังถูกเชลซีคอยตัดเกมรุกตลอดเวลาแถมยาย่า ตูเร่ไม่พอใจโวยผู้ตัดสินที่ไม่ให้ใบเหลืองมิเกลจนถูกใบเหลืองเซ็งกันไป

แต่นาที 39 แฟนบอลในคัมป์นูเกือบช็อกหลังเชลซีวางยาวขนานริมเส้นมาให้ดร็อกบาแต่เหมือนไม่มีอะไรเพราะมาร์เกซวิ่งมาดักทางแล้วส่งคืนให้ปิเก้แต่บอลเบาก๋องจนกลายเป็นตั้งให้ดร็อกบาวิ่งมากดเต็มข้อบอลติดบล็อกตัวบัลเดสแต่ยังกระฉอกมาเข้าทางแมลงสาบที่พยายามงัดข้ามแล้ววิ่งไปยิงต่อแต่บัลเดสยื่นมือปัดจนบอลออกหลังอย่างน่าเสียดาย

ครึ่งหลัง

เริ่มมา 3 นาทีเชลซีได้เสียวสุดๆหลังได้ฟรีคิกตรงกรอบโทษฝั่งซ้ายเป็นแลมพาร์ดเปิดเข้ามาให้บัลลัคโขกเช็กบอลเหินข้ามคานออกไปแบบน่าเข้าสุดๆ จุดอ่อนบาร์ซ่าที่ใครๆก็เห็น!!

นาที 51 มาเกซเลี้ยงๆบอลอยู่ดีๆเส้นกระตุกเลยต้องเตะทิ้งก่อนล้มตัวส่งสัญญาณมือเล่นไม่ไหว จัดไปเอ็นหลังหัวเข่าพักร่วมเดือนแน่นอน

อ้าวจะยังไง..นี่บอลเหรือซีรีย์ERเพราะอีก 3 นาทีต่อมาหลังชาบี้สไลด์เกี่ยวบอลจนเส้นก้นกบตึงแล้วอีกพริบตาเดียวอัลเวสเจอสอยร่วงเจ็บข้อเท้าอีกคน เรียกว่าแข้งเจ้าถิ่นสะบักสะบอมยังดีที่ออกจากสนามไปปฐมพยาบาลแล้วกลับมาเล่นใหม่ได้ ตอนแรกร้องครวญครางนึกว่าไม่ไหว

เมสซี่นี่หงอยไปเลยนับตั้งแต่ต้นเกมกระชากผ่านโบซิงวาก็แทบไม่มีส่วนร่วมกับเกมเลยนาที 59 ลูกเตะมุมของชาบี้ย้อยยาวมาตรงบริเวณเส้นโทษเมสซี่ง้างเกือกยิงตามน้ำบอลโด่งข้ามคานออกไป

อีก 2 นาทีต่อมาบาร์ซ่านวดเชลซีอยู่ตรงหน้ากรอบโทษก่อนดร็อกบาโขกแย่งกับปิเก้จนตัวเองลงไปนอนแต่เจ้าถิ่นไม่หยุดเล่นก่อนเป็นอัลเวสได้จังหวะสับไกยิงเต็มข้อตรงกรอบโทษฝั่งขวาแต่เช็กยืนปิดมุมเลยปัดให้เพื่อนเคลียร์ทิ้ง

นาที 68 บาร์ซ่าได้ฟรีคิก 25 หลาตรงกลางกรอบโทษเป็นอัลเวสปั่นข้ามกำแพงกะให้ไซด์บอลไปหล่นบนคานอย่างน่าเสียดาย

อีกนาทีเดียวโอกาสที่ดีที่สุดของวันนี้เป็นเอโต้ที่พลิกบอลหนีอเล็กซ์หลังชาบี้ฝากมาให้ตรงกลางสนามก่อนแตะลอดขาเทอร์รี่กระชากหลุดเดี่ยวมาแต่เจออเล็กซ์ตั้นเบียดมาจนกลายเป็นรถคู่แต่ก็ยังถูไถเข้าเขตโทษก่อนทำท่าจะยิงแล้วล็อกจนอเล็กซ์ไถล เสียอย่างเดียวเอโต้เลือกยิงเสาแรกหลอกเช็กที่ใช้ขาเซฟหวุดหวิด ตรงอีกฝากมีอองรียืนอยู่ถ้าให้ก็ยิงนิ่มๆแต่ไม่แน่ใจว่าจะล้ำหน้าหรือเปล่า

นาที 73 หลังเจ้าถิ่นเคาะบอลไปมาอยู่ร่วมนาทีลงท้ายด้วยการทำชิ่งแคบๆเป็นเอโต้หลุดกระชากเข้าเขตโทษตรงด้านซ้ายก่อนแตะเบาๆให้อองรีบังบอลเตรียมหมุนตัวยิงตรงระยะ 12 หลาแต่โบซิงวาคราวนี้ไม่ใช่โปรถีบแต่เป็นโปรดึงจนหอกห้อยเซถลาไม่ได้ยิงแต่กรรมการไม่กล้าเป่าเพราะไม่ชัดเจน

จากนั้นจังหวะขึ้นมาปูโยลไปทำฟาว์ลใส่บัลลัคจนฝ่ายหลังลุกมาโวยวายแต่บรรดานักเตะบาร์ซ่าไม่พอใจเพราะพวกเค้าถูกทำฟาว์ลทั้งเกมไม่ออกอาการขนาดนี้ แต่ปูโยลก็โดนใบเหลืองนัดหน้าติดแบน งานเข้าแล้วสำหรับเป๊บ กวาดิโอล่า

10 นาทีสุดท้ายอิเนสต้าแข้งเด็กวิทย์ลากบอลจี้เข้าหาเจทีตรงกรอบโทษฝั่งซ้ายก่อนกระชากไปถึงเส้นหลังจนบอลจวนจะออกเลยยิงยัดมุมแคบให้เช็กปัดทิ้งไว้ก่อน

ทดเจ็บนาทีแรกบาร์ซ่าพลาดโอกาสทองอย่างเหลือเชื่อเมื่ออัลเวสเปิดบอลจากกรอบโทษฝั่งขวาเป็นโบยานตัวสำรองแล่บมาจากด้านหลังเทอร์รี่แล้วทะยานโขกเหน่งๆ 5 หลาไร้ตัวประกบแต่เจ้าหนูสแปนิชโขกให้มันข้ามคานไปซะงั้น นี่ถ้าเป็นเอโต้ไม่น่าเหลือ

ทดเจ็บนาทีที่ 3 บาร์ซ่าน่าจะได้สุดๆหลังจังหวะแทงทะลุช่องของชาบี้ให้คเล็บตัวสำรองหลุดไปหน้าเขตโทษแบบไม่ล้ำหน้าเพราะบัลลัคดันไปกระเผลกอยู่ในกรอบแล้วดันกลับไปไม่ทันแต่อดีตแข้งอาร์เซนอลดันยิงไปติดบล็อกเช็กก่อนซ้ำปลิ้นออกหลังไป สงสัยบัลลัคคงคิดว่าจะมีใครเตะทิ้งให้แหง๋

มาเรื่อยๆสำหรับทดเจ็บนาทีที่ 4 จาก 5 เป็นอัลเวสหลอกจะเปิดด้วยขวาตรงกรอบโทษฝั่งขวาแล้วล็อกมาเปิดด้วยซ้ายบอลพุ่งผ่านหน้าโบยานที่โฉบมาเสาแรกก่อนออกเสาสองอย่างสุดเสียว

ช่วงเวลาที่เหลือเชลซีซึ่งเล่นบอลเขี้ยวมาตลอดทั้งเกมสามารถปิดเกมแบกสกอร์ 0-0 กลับสแตมฟอร์ด บริดจ์เพื่อไปดวลกันใหม่แต่แบกความได้เปรียบไว้ได้ไม่มากนักเนื่องจากนัดหน้าจะต้องยกระดับเกมรุกมากกว่าวันนี้แล้วยังต้องระวังเรื่องอเวย์โกล์อีกด้วย

รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม

บาร์เซโลน่า :
บิคตอร์ บัลเดส 5.5,ดาเนี่ยล อัลเวส 6,เคราร์ด ปิเก้ 7,ราฟา มาร์เกซ 5(ปูโยล น.52,6.5 ),เอริค อบิดัล 7.5,ยาย่า ตูเร่ 7.5,อันเดรส อินิสต้า 8.5,ชาบี้ 6.5,เธียร์รี่ อองรี 6.5(คเล็บ น.87),ซามูเอล เอโต้ 6.5(โบยาน น.82),ลีโอเนล เมสซี่ 6

เชลซี : ปีเตอร์ เช็ก 7.5,โจเซ่ โบซิงวา 8*,จอห์น เทอร์รี่ 6,อเล็กซ์ 7,บรานิสลาฟ อิวาโนวิช 6.5,จอห์น โอบี มิเกล 7.5,มิชาเอล บัลลัค 6.5,แฟร็งค์ แลมพาร์ด 5.5(เบลเล็ตติ น.71,6.5),มิกาเอล เอสเซียง 6.5,ฟลอร็องต์ มาลูด้า 7,ดิดิเยร์ ดร็อกบา 6.5

ผู้ตัดสิน : โวล์ฟกัง สตาร์ค 4








































































เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์