3 แต้มเหมือนกัน!สิงห์เลิกถล่มซิวชัยเหนือหม้อ 2-0

3 แต้มเหมือนกัน!สิงห์เลิกถล่มซิวชัยเหนือหม้อ 2-0

แม้ว่าจะไม่ได้ยิงถล่มทลายเมื่อสองเกมที่ผ่านมา แต่เชลซีก็เดินหน้าเก็บ 3 คะแนนด้วยการคว้าชัยชนะเหนือสโต๊ค ซิตี้ไปได้อย่างไม่ยากเย็น 2-0 จากฟลอร็องต์ มาลูด้า และดิดิเย่ร์ ดร็อกบาที่ยิงจุดโทษครั้งที่สองเข้าไป หลังจากลูกแรกแฟรงค์ แลมพาร์ดยิงพลาด

พรีเมียร์ ลีก

วันเสาร์ที่ 28 สิงหาคม 2553


เชลซี 2 : 0 สโต๊ค ซิตี้

ประตู :
1-0 ฟลอร็องต์ มาลูด้า น.32,2-0 ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา น.77

สิงห์ไฮโซ เชลซีเปิดรังแสตมป์ฟอร์ด บริดจ์ต้อนรับการมาเยือนของสโต๊ค ซิตี้ที่วันนี้อาจจะต้องระวังตกเป็นเหยื่อ 6 สยอง ของเจ้าบ้าน ที่ซัดมาติดต่อกันสองนัดแล้ว

เชลซีไม่ต้องสืบจัดผู้เล่นชุดใหญ่ลงเต็มที่ จะเปลี่ยนก็แค่เปาโล แฟร์เรร่าที่ลงเล่นแบ็คขวาแทนอิวาโนวิชที่มีอาการบาดเจ็บที่หลังเท่านั้น ส่วนตำแหน่งอื่น ๆ ยังอยู่กับเพียบ โดยเฉพาะคู่หน้าอันตรายอย่างนิโกลาส์ อเนลก้า และดิดิเย่ร์ ดร็อกบา

และที่น่าสนใจเพิ่มเติมสำหรับทางฝั่งเจ้าบ้านก็อยู่ที่ตำแหน่งม้านั่งสำรองที่มี รามิเรสแข้งบราซิเลี่ยนตัวใหม่ที่ย้ายมาด้วยค่าตัวมหาศาลจากทางเบนฟิก้า รอการประเดิมสนามเป็นเกมแรกให้แก่ทีมอยู่

ด้าน ช่างปั้นหม้อ สโต๊ค ซิตี้ มีเควิน โจนส์ยืนเป็นหน้าร่วมกับดาวรุ่งอย่างโจนาธาน วอลเตอร์ ส่วนตำแหน่งอื่น ๆ ก็ไม่ได้มีปัญหาแต่อย่างใด จะมีก็แต่เรื่องสภาพจิตใจที่เกมพบกันล่าสุด พวกเขาโดน สิงห์ไฮโซ ทะลวงไส้เละ 7-0 เมื่อฤดูกาลก่อน

ครึ่งแรก

เกือบหลอนตั้งแต่ต้นเกม
เริ่มเกมมาได้แค่ 4 นาทีเท่านั้น ภาพหลอนการไล่ถล่มประตูของเชลซีก็หลอกทางสโต๊คทันที เมื่อดันปล่อยให้แอชลี่ย์ โคลหลุดทะลุเข้าไปในกรอบเหตุโทษฝั่งซ้ายโล่งโจ้ง แต่เจ้าตัวแปบอลหลุดออกเสาสองไปนิดเดียวเท่านั้น เสียวกันทั้งตำบล ยันทั่วประเทศ

ยอมที่ไหน!หม้อขอลุ้นบ้าง
นาทีที่ 8 ทีมเยือนขอทำให้แฟนบอลได้จั๊กกะจี้หัวใจบ้าง จากจังหวะีที่ดีน ไวท์เฮดทำชิ่ง 1-2 กับเควิน โจนส์ก่อนที่จะส่องไกลจังหวะแรกหน้ากรอบเขตโทษ บอลพุ่งแรงติดไซร้แต่ปีเตอร์ เช็กยังล้มตัวปัดบอลเอาไว้ได้ทัน

ไม่น่าเชื่อ!แลมพ์ยิงเป้าพลาดอย่างหมู
อีก 2 นาทีต่อมา กองแช่งที่นั่งหน้าหงิกเพราะไรอัน ชอว์ครอสส์ไปรวบฟลอร็องต์ มาลูด้าแบบชัดเจน จนทำให้เสียจุดโทษให้แก่เชลซี ก็นั่งหน้าบานกันใหญ่ หลังจากที่แฟรงค์ แลมพาร์ดมือปืนเบอร์หนึ่งของทีมจัดการยิงจุดโทษไปให้โธมัส โซเรนเซ่นล้มตัวเซฟแบบหมู ๆ ทั้งเบา และไม่เฉีัยบขาด ทำให้ทั้งคู่ยังเสมอกันอยู่ 0-0

แมลงสาบซัดยังก่ะจรวด
นาทีที่ 15 ดิดิเย่ร์ ดร็อกบาโชว์พลังแมลงสาบอัดฟรีคิกระยะไกล พุ่งแหวกอากาศด้วยความแรงอันหนักหน่วงเข้าหากรอบประตู แต่ยังดีที่โธมัส โซเรนเซ่นผวาทุบบอลเอาไว้ได้ ดูจากน้ำหนักบอลที่อัดมาแล้วขืนรับมีแต่จะหน้าแหกเปล่า ๆ

เกมทั้งหมดของสิงห์ฝ่ายเดียว
เข้าสู่่ช่วงนาทีที่ 25 ของเกม เชลซีสามารถครองบอล และจ่ายบอลทำเกมกดดันสโต๊ค ซิตี้ได้อย่างไม่หยุดหย่อน แต่ก็ยังไม่สามารถหาโอกาสจบสกอร์เหมาะ ๆ ได้

เอาจนได้!มาลูด้าซัดหาย
นาทีที่ 32 ในที่สุดเชลซีก็บสโตีคจนทำประตูขึ้นนำจนได้ จากการเติมเกมรุกขึ้นมาสูงของจอห์น เทอร์รี่ที่สวมวิญญาณมิดฟิลด์ชั้นอ๋องจ่ายบอลทะลุช่องให้ฟลอร็องต์ มาลูด้าหลุดไปสับไกยิงด้วยขวาสวนตัวโซเรนเซ่นเข้าไปอย่างสวยงาม เชลซีออกนำไปแล้ว 1-0

โคลคล้ำแบ็คหรือดาวยิง!?
อีก 2 นาทีต่อมา แอชลี่ย์ โคลก็โชว์เทคนิคการยิงประตูชนิดที่ศูนย์หน้าบางคนยังต้องอาย จากการจ่ายบอลให้เขาหลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย แม้ว่ามุมจังแคบ และบอลยังไม่ตกลงพื้น แต่โคลก็จัดการกระโดดลอยตัววอลเล่ย์ตามน้ำด้วยซ้ายทันที บอลพุ่งแสกหน้าโซเรนเซ่นไปได้แล้ว แต่ชนกับคานเข้าอย่างจัง ไม่อย่างนั้นหากเป็นประตูคงจะสวยงามน่าดูชม

ช่วงท้ายครึ่งแรกก็เป็นทางเชลซีเหมือนเดิมที่บุกกดดันอยู่ต่อเนื่อง แม้ว่าสโต๊คจะลองพยายามดันเกมขึ้นไปลุ้นบ้างก็ไม่ได้ผล ทำให้ครึ่งแรกเชลซียังนำอยู่ 1-0

ที่น่าทึ่งเลยก็คือเกมนัดเชลซีครองบอลได้ถล่มทลายชนิด 82% ในขณะที่สโต๊คที่ปักหลักอยู่ในแดนของตัวเองครองบอลไปแค่ 12% เท่านั้น

ครึ่งหลัง

อูวว์!แมลงสาบโหม่งตรงเกิน
เริ่มครึ่งหลังมาได้แค่ 5 นาที เชลซีก็เกือบจะทำประตูทิ้งห่างไปเป็น 2-0 ได้ จากจังหวะที่นิโกลาส์ อเนลก้าบรรจงตักบอลจากทางริมกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย ให้กับดิดิเย่ร์ ดร็อกบาที่พุ่งเข้ามาเทคตัวโขกเต็ม ๆ กลางเขตโทษ แต่ทิศทางตรงเป๊ะ บอลเลยตรงตัวโธมัส โซเรนเซ่นที่เซฟเอาไว้ได้ทัน

สิงห์ยังคงครองเกม
เข้าสู่ช่วงหนึ่งชั่วโมงเต็มของเกม เชลซีก็ยังคงครอบครองบอลได้เหนือกว่าทางฝั่งทีมเยือนอยู่เหมือนเดิม แต่ก็ไม่มีจังหวะที่จะบวกประตูเพิ่มแต่อย่างใด

วีแลนยิงสนั่นคาน!!
นาทีที่ 67 เชลซีเกือบช็อกตาตั้ง หลังมาเจอจังหวะการยิงของวีแลนที่ถูกเปลี่ยนตัวลงมาในช่วงครึ่งหลัง ซัดสนั่นสนามนอกกรอบเขตโทษ บอลพุ่งแรงสุดพลังข้ามหัวปีเตอร์ เช็กที่ขยับไม่ทันแน่ ๆ แต่ชนคานเข้าอย่างจัง ยังดีที่ไม่เด้งออกมาชนตัวเช็กเข้าประตูไป

สิงห์ชักตื๊อแฮะ
เข้าสู่นาทีที่ 75 ไป ๆ มา ๆ กลายเป็นเกมรุกของเชลซีไม่สามารถทะลวงแนวรับของสโต๊คได้อีกในครึ่งหลัง แม้ว่าจะได้ครองบอลจ่ายป้ายไปมาก็ตาม ซึ่งหากว่าในช่วงท้ายยังไม่ได้ประตูที่สองอาจจะทำให้กดดันแน่นอน

โดนอีกโทษ!คราวนี้แมลงสาบซัดหาย
เพิ่งจะพูดเรื่องเกมตื้อไปหยก ๆ เชลซีก็มาได้ประตูที่ 2 จากการยิงจุดโทษของดิดิเย่ร์ ดร็อกบาที่ทั้งเ๊ฉียบคม และเด็ดขาดในนาทีที่ 77 หลังจากเขาเป็นคนจ่ายทะลุให้นิโกลาส์ อเนลก้าหลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษ ก่อนที่จะโดนโธมัส โซเรนเซ่นเตะตัดขาจนเป็นที่มาของจุดโทษครั้งที่สองของเจ้าบ้าน เชลซีนำห่าง 2-0 น่าจะใสแล้ว

รามิเรสมาแล้วจ้า
นาทีที่ 85 ในที่สุด รามิเรสแข้งบราซิเีลี่ยนก็ได้ลงประเดิมสนามให้แก่เชลซีจนได้ หลังจากถูกเปลี่ยนตัวลงแทนมิชาเอล เอสเซียงพร้อมเสียงปรบมือต้อนรับจากแฟน ๆ ทั่วสนามแสตมป์ฟอร์ด บริดจ์

กาลูยิงติดเซฟ
ช่วงทดเวลานาทีแรก ซาโลมอง กาลูที่อุตส่าห์ขุนดันเบียดกองหลังของสโต๊ค หลุดเข้าไปดวลตัวต่อตัวกับทางโธมัส โซเรนเซ่นได้แล้ว แต่เจ้าตัวกลับยิงติดเซฟแบบตรง ๆ ดื้อ ๆ ทำให้พลาดบวกเม็ดที่สามให้แก่ทีมไป

จบ 90 นาที เชลซีเอาชนะสโต๊คไปได้ 2-0 รวม 3 นัดเก็บ 9 คะแนนเต็มได้อย่างยอดเยี่ยม

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

เชลซี :
ปีเตอร์ เช็ก,จอห์น เทอร์รี่,อเล็กซ์,แอชลี่ย์ โคล,เปาโล แฟร์เรร่า,จอห์น โอบี มิเกล,แฟรงค์ แลมพาร์ด,มิชาเอล เอสเซียง,ฟลอร็องต์ มาลูด้า,ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา,นิโกลาส์ อเนลก้า

สโต๊ค ซิตี้ : โธมัส โซเรนเซ่น,ไรอัน ชอว์ครอสส์,โรบิ์ต ฮูธ,แดนนี่ ลอลลินส์,แอนดี้ วิลกินสัน,อับดุลลาย ฟาย,รอรี่ ดีแลป,แมทธิว เอ็ทเธอริงตัน,ดีน ไวท์เฮด,โจนาธาน วอลเตอร์ส,เคนวิน โจนส์







[img]http://d.yimg.com/a/p/sp/getty/a4/fullj.f1b403ed3349326a69d184032e856ec2/f1b403ed3349326a69d184032e856ec2-getty-fbl-eng-pr-chelsea-stoke.jpg[[/img]






_________________
##### ได้รู้ความจริง ได้ยิ่งกว่าฟุตบอล อ่าน SoccerSuck #####

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์