3 ช็อตระดับโลก!ยาย่า+เตฟตะบันเรือซัดสิงห์ 2-0 เหลือ 12 แต้ม

3 ช็อตระดับโลก!ยาย่า+เตฟตะบันเรือซัดสิงห์ 2-0 เหลือ 12 แต้ม 

วัดกันที่ความเด็ดขาดและความยอดเยี่ยมของนักเตะจริงๆสำหรับเกมนี้ที่มาพลิกเอาจากการจังหวะที่ฮาร์ทเซฟจุดโทษของแลมพาร์ดได้โคตรเมพ ก่อนยาย่า ตูเร่และเตเบซจะมายิง 2 ประตูสุดคลาสให้แมนเชสเตอร์ ซิตี้เอาชนะเชลซี 2-0 ขยับเข้าหาจ่าฝูงเหลือ 12 แต้มเท่าเดิม 

พรีเมียร์ ลีก 

วันอาทิตย์ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2556
 

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2 - 0 เชลซี 

สนาม : เอติฮัด สเตเดี๊ยม 

ประตู :
1-0 ยาย่า ตูเร่ น.63, 2-0 เตเบซ น.85 
 
คลิปไฮไลท์ พรีเมียร์ลีก แมนซิตี้ 2-0 เชลซี
 

โคตรเกมที่มีความหมายอย่างมากสำหรับซีซั่นนี้บังเกิดขึ้นที่สนามเอติฮัด สเตเดี๊ยม เมื่อแมนเชสเตอร์ ซิตี้ต้อนรับการมาเยือนของเชลซี 

แมนฯซิตี้ต้องการ 3 คะแนนเพียงเท่านั้นเพื่อต่อลมหายใจในการไล่ล่าแชมป์ต่อไป หลังจากโดนแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดทิ้งห่างเป็น 15 คะแนนแล้วบนตารางพรีเมียร์ ลีกตอนนี้ 

ด้านเชลซีเองก็ต้องการ 3 คะแนนไม่แพ้กัน เพราะตอนนี้พวกเขาอยู่ในอันดับที่ 3 และมีคะแนนตามหลัง "เรือใบ" เพียงแค่ 4 แต้มเท่านั้น หวังแซงกันเห็นๆ 

มันชินี่เลือกส่งอเกวโร่ลงยืนในแดนหน้า โดยเกมนี้พวกเขาไม่มีแบร์รี่จึต้องใช้การ์เซียร์ผนึกกำลังกับร็อดเวลล์ที่นานๆจะเห็นหน้าแทน 

ส่วนเบนิเตซให้บาลงยืนแดนหน้า เมินตอร์เรสศิษย์รักที่ทำได้เพียงนั่งข้างสนาม โดยมีมาต้าและแลมพาร์ดที่ฟอรืมจัดเหลือแสนคอยคุมเกมแดนกลางให้ 

ครึ่งแรก 

เกมยังสูสีได้กัน 
ผ่าน 10 นาทีแรกไป เกมยังถือว่าคู่คี่กันพอสมควร เริ่มจากแมนฯซิตี้เป็นฝ่ายได้ลุยบุกก่อน มีป้อนเปี้วนถึงพื้นที่สุดท้ายได้ แต่โอกาสยังไม่มี ส่วนเชลซีก็เพิ่งจะมาครองเกมบุกช่วงหลังๆ เอาว่าไม่ช้าไม่นานเดี๋ยวได้มีประตูให้เห็นกันแน่ 

ติดที่เดียว!นาสตาซิสโขกไม่ผ่านเช็ก 
นาทีที่ 14 ลูกนี้ขาดไปนิดเดียวเท่านั้นทั้งน้ำหนักและทิศทาง เพราะจังหวะเตะมุมนาสตาซิสเติมขึ้นไปหาช่องจากการที่เพื่อนสกรีนให้ได้ ก่อนขึ้นเทคโขกคนเดียวโล่งๆ แต่ดันบอลและตรงไปนิด เช็กเลยสะดุ้งบล็อกบอลเอาไว้ได้สองมือ พอจะมีตัวซ้ำก็ล้ำหน้าไปก่อนแล้ว 

แรงไป!กุนล็อกออกหลังเลย 
นาทีที่ 18 ถ้าเป๊ะกว่านี้หน่อยล่ะเฮลั่นสนามแน่ เพราะจังหวะนี้เชลซีต่อบอลกันพลาด เลยทำให้แมนฯซิตี้ได้สวย อเกวโร่หลุดเข้าเขตโทษทางซ้าย เช็กพยายามออกไปเร็ว แข้งอาร์เจนไตน์เลยล็อกหนีจนหัวทิ่ม แต่แตะแรงไปหน่อย บอลเลยพุ่งออกหลัง พลาดโอกาสไปเลย 

เรือกดดันหนัก-สิงห์ตอบโต้ได้ดี 
ผ่านช่วงครึ่งชั่วโมงของเกม หลังจากโดนเจ้าบ้านกดดันอยู่พักใหญ่จนเกือบออกลูกรวน แต่เชลซีก็ใช้ความนิ่งของตัวเองกลับมาเข้าร่องเข้ารอยได้ ก่อนที่จะพยายามทำเกมสวนกลับเอาคืน รวมๆแล้วก็ยังไม่ได้มีจังหวะง้างเท้าจังๆให้ได้เห็นกันทั้งสองฝ่าย เกมนี้บีบคั้นน่าดู 

เตะสูงมาก!รามิเรสอัดยาย่ากอง 
นาทีที่ 36 จังหวะนี้สมควรเหลืองแล้วจริงๆสำหรับรามิเรส เมื่อเขาพยายามเข้าสกัดจังหวะการเล่นของตูเร่ที่วนบอลอยุ่กลางสนาม แต่หวดเข้าสูงเกือบถึงเข่าจนทำให้ลงไปนอนกองกับพื้น แม้ว่าตอนแรกผู้ตัดสินจะปล่อยผ่านแต่พอเกมหยุดก็กลับมาแจกใบเหลืองให้ไปเลย 

เคฮิลล์ช่วยเซฟ!ซาบาเลตัดหวดสวย 
อีก 3 นาทีต่อมา เป็นจังหวะการเล่นที่ยอดเยี่ยมมากของแมนฯซิตี้ที่ขยับจ่ายทะลุช่องพรวดเดียวให้อเกวโร่หลุดขึ้นทางซ้าย ก่อนที่เขาจะโยนโยกออกไปทางกว้างให้กับซาบาเลต้าวิ่งมาหวดตูมเดียว บอลพุ่งโค้งจะไปเสียบเสาสองอยู่แล้ว แต่เคฮิลล์ที่ถอยมาโหม่งสกัดออกไปได้ 

ร็อดเวลล์ได้ลุ้นสองดอกติดเลย 
นาทีที่ 42 แมนฯซิตี้มีโอกาสลุ้นเยอะกว่าแล้วตอนนี้ แถมยังเสียวสุดๆจากจังหวะที่ร็อดเวลล์เก้บตกบอลจากระยะ 30 กว่าหลาได้ ก่อนจะแต่งหน่อยๆแล้วส่องไกลแบบไม่ถามใคร บอลพุ่งสวยทำท่าจะฮุคเสียบใต้คาน แต่เช็กไม่พลาดดีดตัวปัดออกหลังไปได้ ก่อนจะมาเซฟจังหวะโหม่งของร็อดเวลล์อีกครั้งแบบต่อเนื่อง 

จบ 45 นาทีแรกลงไป พร้อมกับสกอร์ที่น่าจะโผล่ขึ้นสักลูกของทางแมนฯซิตี้ที่บุกได้น้ำได้เนื้อมากกว่าแต่ยังทำประตูไม่ได้ ทำให้เสมอกับเชลซีอยุ่ 0-0 ลุ้นกันต่ออีกครึ่ง 

ครึ่งหลัง 

สุดตีน!ฮาร์ทพุ่งเซฟจุดโทษแลมพ์ 
นาทีที่ 51 แมนฯซิตี้นึกว่าจะโดนซะแล้วกับจังหวะนี้ที่บาหลุดเข้าไปกระดกบอลในเขตโทษ ก่อนที่ฮาร์ทจะพุ่งออกมาแล้วประทะกับเขา ผู้ตัดสินไม่ลังเลชี้เป็นจุดโทษทันที ก่อนที่แลมพาร์ดจะรับหน้าที่สังหาร แม้ว่าเขาจะยิงทั้งเร็วและแรงไปทางซ้ายมือของตัวเอง แต่ฮาร์ทก็โชว์ความยอดเยี่ยมในการพุ่งไปปัดเอาไว้ได้ปลายมือ ก่อนเพื่อนๆจะมาช่วยเคลียร์สกัด สุดยอดจริงๆ 

กุนได้ลุ้นอีก-เรือส่งเตฟลง 
อีก 5 นาทีต่อมา แมนฯซิตี้หลังจากรอดพ้นจากจุดโทษพวกเขาก็ก่ะเอาคืนทันทีและเหมือนจะเห็นช่องจากการยกบอลข้ามกองหลังทำให้อเกวโร่หลุดเข้าไปแล้วตักบอลสวนตัวเช็กได้ แต่คราวนี้ก็ยังแรงไปหน่อย บอลเลยหลุดคานออกไปและก่อนหน้านี้พวกเขาก็เพิ่งจะส่งเตเบซลงไปเล่นแทนร็อดเวลล์เพื่อเพิ่มแนวรุกด้วย 

นี่แหละระดับโลก!ยาย่าปั่นสุดเฉียบ 
นาทีที่ 63 นี่แหละคือจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญที่มันชินี่พร่ำบ่นเมื่อเขาไปรับใช้ชาติสำหรับยาย่า ตูเร่ หลังจากทีมบุกอยุ่นานแต่ยิงไม่ได้ เลยเป็นจังหวะที่เขาเติมขึ้นไปสูง รับบอลจากเพื่อนและลากหนีกองหลัง แม้ว่าจะเจอเคฮิลล์เข้ากัน แต่เขาก็สบเห็นช่องก่อนที่จะบรรจงปั่นบอลพุ่งอ้อมโค้งทั้งตัวเคฮิลล์และเช็กที่บินสุดตัวแล้วไปเสียบเสาสองสวยสุดๆ แมนฯซิตี้ขึ้นนำจนได้ 1-0 

สิงห์ถอดแลมพ์-อาซาร์ 
อีก 5 นาทีต่อมา เชลซีต้องมีการปรับทีมกันบ้าง ด้วยการเปลี่ยนเอาแลมพาร์ดที่พลาดโอกาสทำให้ทีมได้ขึ้นนำไปออกพร้อมกับอาซาร์ ก่อนจะส่งออสการ์และโมเสสลงไปเล่นแทน 

สิงห์ไม่ได้ดีขึ้นเลย 
เข้าสู่ช่วง 15 นาทีสุดท้าย ดูแล้วยังมึนๆว่าเชลซีแม้จะปรับเกมปรับแท็คติกกันแล้ว แต่ยังไม่ได้ใกล้เคียงกับการเข้าไปทำประตูตีเสมอทางแมนเชสเตอร์ ซิตี้ได้เลย อีกอย่างเพราะตอนนี้เจ้าบ้านก็ลงไปแพ็คเกมกันแน่นเน้นความชัวร์เอาไว้ก่อนด้วย 

ราฟาทิ้งไพ่ให้ตอร์เรสลง 
เข้าสู่ช่วง 10 นาทีสุดท้าย เชลซีต้องส่งตอร์เรสลงไปยืนเป็นหัวหอกเพิ่มโอกาสการลุ้นประตูในแดนหน้าให้มากขึ้นโดยตัดสินใจถอดเอามิเกลที่เป็นมิดฟิลด์ออกไปเลย ต้องดูว่าพวกเขาจะทำได้หรือไม่ 

นี่ก็ระดับโลก!เตฟตั้งป้อมยิงตาข่ายขาด 
นาทีที่ 85 ตัดสินกันที่ความเด็ดขาดและมีจุดเปลี่ยนจริงๆสำหรับเกมนี้ เพราะในที่สุดแมนเชสเตอร์ ซิตี้ก็มาได้ประตูย้ำชัยชนะของพวกเขาในช่วงท้ายเกม จากจังหวะที่เบเตซยืนรับบอลมาจากซิลบาตรงหน้าเขตโทษ พอเห็นไม่มีตัวเข้าบี้เลยจัดการชาร์จพลังบะตันเต็มตีนป้อมๆของเขาส่งบอลพุ่งเหินเสียบเสาแรกชนิดที่เช็กพุ่งให้่ตายก็ไม่ถึง แมนฯซิตี้ทิ้ง 2-0 น่าจะใสแล้ว 

จบ 90 นาทีเป็นแมนเชสเตอร์ ซิตี้ที่สมหวังเอาชนะเชลซีไป 2-0 ทำให้่พวกเขามี 56 คะแนนตามหลังแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดจ่าฝูงเหลือ 12 แต้มเท่าเดิม ขอลุ้นกันต่อยาวๆเลย 

ด้านเชลซีอกหักชอกช้ำเพราะอดทำแต้มขยับจี้เข้าใกล้ทาง "เรือใบ" อยู่อันดับที่ 3 มี 49 คะแนนเท่าเดิมไม่พอ ยังเสี่ยงโดนสเปอร์สที่จะเตะวันจันทร์นี้แซงหน้าอีกด้วย 

รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม 

แมนเชสเตอร์ ซิตี้
 : โจ ฮาร์ท, ปาโบล ซาบาเลเต้า , กาแอล กลิชี่, โคโล่ ตูเร่ , มาติย่า นาสตาซิส, เจมส์ มิลเนอร์, ฆาบี้ การ์เซีย, แจ็ค ร็อดเวลล์  (เตเบซ น.54), ดาบิด ซิลบา(เลสค็อตต์ น.90), ยาย่า ตูเร่ , แซร์คิโอ้ อเกวโร่  (นาสรี่ น.90) 

สำรองที่ไม่ได้ลงสนาม : คอสเทล ปันติลิมง, อเล็คซานดาร์ โคลารอฟ, สก็อตต์ ซินแคลร์, เอดิน เชโก้ 

เชลซี : ปีเตอร์ เช็ก, บรานิสลาฟ อีวาโนวิช, แอชลี่ย์ โคล, ดาบิด ลูอีซ, แกรี่ เคฮิลล์, รามิเรส , แฟรงค์ แลมพาร์ด(โมเสส น.68), ฆวน มาต้า, จอห์น โอบี มิเกล(ตอร์เรส น.81), เอด็องน์ อาซาร์(ออสการ์ น.69), เด็มบ้า บา 

สำรองที่ไม่ได้ลงสนาม : รอส เทิร์นบูลล์, จอห์น เทอร์รี่, เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า, ไรอัน เบอร์ทรานด์ 



 

 


 
 
 
 
 
 
 
 

เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์