สิงห์บลูส์โชว์เหนือบุกต้อนช้างนิ่ม2-0

สิงห์บลูส์โชว์เหนือบุกต้อนช้างนิ่ม2-0

เชลซี ยังคงรักษาเส้นทางขวางการคว้า 5 แชมป์ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่มีท้อ เมื่อเกมล่าสุดในศึกเอฟเอ คัพ พวกเขาโชว์ฟอร์มหรูบุกต้อน โคเวนทรี ถึงบ้านแบบไม่ต้องลุ้นมากมายนัก 2-0 จากฝีเท้าของ ดิดีเย่ร์ ดร

ฟุตบอลเอฟเอ คัพ อังกฤษ
รอบก่อนรองชนะเลิศ

วันเสาร์ที่ 7 มีนาคม 2552
โคเวนทรี (แชมเปี้ยนชิพ) 0 - 2 เชลซี (พรีเมียร์ลีก)


สนาม : ริโกห์ อารีน่า


ที่สนามริโกห์ อารีน่า โคเวนทรี ขาด ดาเนี่ยล ฟ็อกซ์ ฟูลแบ็กที่บาดเจ็บทำให้ดาวเตะรุ่นลายคราม มาร์คัส ฮอลล์ ได้เสียบแทน ขณะที่ เดวิด เบลล์ ติดคัพไท แต่กองหน้าตัวเก่ง ลีออน เบสต์ เช็กฟิตผ่าน


ด้าน เชลซี ยังใช้บริการ แอชลี่ย์ โคล ที่เพิ่งก่อเรื่องฉาวเมาด่าโปลิศลงบู๊ตามปกติ แต่ปราศจาก นิโกล่าส์ อเนลก้า กับ เดโก้ ที่เดี้ยง รวมถึง เปาโล แฟร์เรยร่า ซึ่งเจ็บยาวต้องพักทั้งซีซั่น กระนั้น มิชาแอล เอสเซียง ที่เข่าพังหายหน้าไปนานหกเดือนกับ ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ หายเจ็บมีชื่อนั่งเป็นตัวสำรองทั้งคู่


เจ้าบ้านได้เขี่ยบอลก่อน แต่แค่สองนาที เชลซี ก็น่าจะทะยานนำเมื่อ ปีเตอร์ เช็ก เปิดบอลยาวขึ้นมาแล้ว ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา โชว์ความแข็งแกร่งลากเข้าเขตโทษด้านซ้ายชนิดที่ เบน เทอร์เนอร์ เอาไม่อยู่ทำให้กองหน้าผิวสีได้ตะบันเรียด แต่บอลพุ่งถากเสาไกลออกไปหวุดหวิด


อย่างไรก็ดี ถึงนาทีที่ 15 แนวรับของ โคเวนทรี ก็เผยความอ่อนยวบออกมาให้เห็น โดย เทอร์เนอร์ เจ้าเก่าโขกสกัดลูกโด่งแย่ทะลักกลับหลังแล้วกัปตัน สกอตต์ แดนน์ กลับทำเหนือชั้นพยายามล็อกบอลหนี ดร็อกบา จึงถูกสตาร์สิงห์บลูส์ฉกไปตะลุยเข้าเขตโทษก่อนแตะหลบนายทวาร คีแรน เวสต์วู้ด ซัลโวเสียบเพดานให้ทีมเงินถังผงาดนำ 1-0


จากนั้นในนาทีที่ 25 ทีมตราช้าง ก็มีเสียวเช่นกันจากจังหวะที่ เบสต์ ซึ่งสวมหน้ากากลงเล่นเก็บบอลได้แถวกลางสนามจึงลากหนี อเล็กซ์ โดยที่กองหลังแซมบ้า พยายามไล่กวดตามเสียบแล้วแต่เอาไม่อยู่ กระนั้นสุดท้ายหอกเจ้าบ้านซึ่งแตะหลบ จอห์น เทอร์รี่ ในเขตโทษได้อีกรายกลับเข่นจากระยะ 15 หลาโด่งออกไปเยอะ


ผ่านมาถึงนาทีที่ 31 เชลซี ก็น่าจะทิ้งห่างไปอีกเม็ดเมื่อ โชเซ่ โบซิงวา เติมเกมรุกขึ้นกราบขวาน่ากลัวแล้วป้ายบอลเข้าเขตโทษให้ มิชาเอล บัลลัค วิ่งเข้ากระทุ้งเหน่งๆ แต่กระทบ เทอร์เนอร์ อย่างน่าเสียดาย


ล่วงมาอีกห้านาที ทีมจากลีกสูงสุดก็เกือบเพิ่มสกอร์ได้อีกหนเมื่อ แอชลี่ย์ โคล ถูก จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ทำฟาวล์หน้าเขตโทษด้านซ้าย แฟร้งค์ แลมพาร์ด จึงได้โอกาสซัดลูกฟรีคิกระยะ 25 หลาถูก เวสต์วู้ด ปัดพ้นคานได้อย่างหวุดหวิด


โคเวนทรี ยังไม่ย่อท้อ และหาโอกาสเข่นจากหน้าเขตโทษในนาทีต่อมาจากฝีเท้าของ เฟร็ดดี้ อีสต์วู้ด แต่ไม่หนักหนาเกินกว่าที่เช็กจะเซฟเข้าอก


ท้ายครึ่งแรก เจ้าถิ่นเริ่มบุกสู้ได้ดี แต่ไม่ถึงกับมีเสียวมากนัก กระทั่งเข้าสู่ช่วงทดเวลาเจ็บ ฟลอร็องต์ มาลูด้า ก็เลื้อยขึ้นกราบซ้ายไปตวัดบอลเข้าเขตโทษถูก คลินตัน มอร์ริสัน ที่ลงไปช่วยเกมรับโขกทิ้งออกมา ซาโลมง กาลู จึงได้ยิงสวนจาก 20 หลา แต่บอลเฉี่ยวกรอบไปนิดเดียว ครบ 45 นาทีแรก เชลซี จึงนำไปก่อนด้วยสกอร์เดิม 1-0


เริ่มครึ่งหลัง สิงโตน้ำเงินคราม เปลี่ยน ริคาร์โด้ กวาเรสม่า ลงมาแทน กาลู ทันที ก่อนที่ โคเวนทรี จะส่ง กีโยม บูเซลิน ลงไปแทน ไมเคิ่ล ดอยล์ เป็นตัวสำรองรายแรกในนาทีที่ 60


ถัดมาอีกห้านาที ทีมจากลอนดอน ก็เปิดโอกาสให้ เอสเซียง ลงเล่นแทนที่ จอห์น โอบี มิเกล แต่ สกายบลูส์ ไม่สนใจเดินหน้าลุยต่อ กระนั้นก็มาโดนจังหวะโต้กลับที่เด็ดขาดของอาคันตุกะเล่นงานจนหงายท้องในนาทีที่ 72 จากที่ แลมพาร์ด ตัดเกมแถวกลางสนามได้จึงจ่ายขึ้นกราบขวาให้ กวาเรสม่า ลากไปโยนเข้าเขตโทษอีกที อเล็กซ์ จึงสบโอกาสเข้าชาร์จระยะ 12 หลาด้วยเท้าซ้ายย้อนศรตุงตาข่ายอย่างยอดเยี่ยมพา เชลซี ขึ้นนำเป็น 2-0


ถึงตรงนี้เกมจึงกลับมาเป็นของมหาเศรษฐีอีกรอบ และแลมพาร์ดลองง้างยิงจากระยะ 30 หลาในนาทีที่ 77 แต่บอลหลุดกรอบไปพอสมควร จากนั้นอีกอึดใจเดียวบูเซลินก็ได้ใบเหลืองเป็นรายแรกข้อหาทำฟาวล์คู่แข่ง


ขยับมาอีกสามนาที แลมพาร์ด ก็สบโอกาสทองเมื่อ มาลูด้า แทงบอลให้ทะลุไปซัดระยะ 18 หลาแต่ เวสต์วู้ด ออกมาบล็อกได้สำเร็จก่อนที่ เชลซี จะเปลี่ยน ดร็อกบาอ อกโดยส่ง ฟรังโก้ ดิ ซานโต ลงไปแทน


ท้ายเกมเจ้าบ้านโหมบุกสุดชีวิตโดยงัดเอาลูกโด่งออกมาใช้ แต่ไม่อาจสร้างปัญหาให้ทีมเยือนได้ แถมนาทีที่ 88 แดนน์ ก็ไปรวบ แลมพาร์ด ล้มจนเสียลูกฟรีคิกริมเขตโทษฝั่งซ้าย กองกลางทีมชาติอังกฤษ จึงลุกขึ้นมาตะบันเอง แต่ถูก เวสต์วู้ด ปัดทิ้งสำเร็จ จบเกม สิงห์บลูส์ จึงทะลุเข้ารอบตัดเชือกเป็นทีมแรกด้วยการบุกมาล้ม ช้าง นิ่มๆ 2-0

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

โคเวนทรี : คีเรน เวสต์วู้ด - สตีเฟ่น ไรท์, สก็อตต์ แดนน์, เบน เทอร์เนอร์, มาคัส ฮอลล์ - จอร์แดน เฮนเดอร์เซ่น, อาร่อน กุนนาร์สสัน, ไม่เคิ่ล ดอยล์, เฟร็ดดี้ อีสต์วู้ด - ลีออน เบสต์, คลินตัน มอร์ริสัน

เชลซี : ปีเตอร์ เช็ก - โชเซ่ โบวิงวา, จอห์น เทอร์รี่, อเล็กซ์, แอชลี่ย์ โคล - จอห์น โอบี มิเกล - มิชาเอล บัลลัค, แฟร้งค์ แลมพาร์ด, ฟลอร็องต์ มาลูด้า - ซาโลมอง กาลู ดิดีเย่ร์ ดร็อกบา




เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์