บาร์ซ่า1-1ถีบเชลซีร่วง!

ฟุตบอล แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีม นัดสอง บาร์เซโลน่า (สเปน) 1 - เชลซี (อังกฤษ) 1


(รวมผลสองนัดบาร์เซโลน่าเข้ารอบด้วยสกอร์3-2)
เกมคู่หยุดโลกที่คัมป์นู บาร์เซโลน่า ที่บุกไปคว่ำเชลซีมาได้ 2-1 อยู่ในสภาพแน่นปึ้กทุกขุมกำลัง จัดทีมชุดเดิมลงสนามได้ครบทุกตำแหน่ง ต่างกับสิงห์บลูส์ ซึ่ง อาเซียร์ เดล ออร์โน่ กับ มิชาแอล เอสเซียง ติดโทษแบน ดีที่ว่า แฟร้งค์ แลมพาร์ด เช็กฟิตผ่าน และมีการงัดมุกใหม่มาใช้ จัดให้ อาร์เยน ร็อบเบน รับหน้าต่ำแทน ไอเดอร์ กุ๊ดยอห์นเซ่น ช่วยสนับสนุน ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา ที่กลับมาเป็นตัวจริงแทน เฮอร์นัน เครสโป

ทั้งคู่ออกสตาร์ตกันแบบเกร็งๆ เน้นความรัดกุมเช่นเดียวกัน แต่เป็นเจ้าบ้านที่ได้ทักทายก่อนในนาทีที่ 11 จากจังหวะเข่นของ ติอาโก้ ม็อตต้า หน้าเขตโทษ แล้วถูก ปีเตอร์ เช็ก ล้มตัวตะปบได้ ถัดมาอีกนาทีเดียว โจ โคล พุ่งเข้าสไลด์ใส่ โจวานนี่ ฟาน บรองค์ฮอร์สท์ จึงถูกผู้ตัดสินชูใบเหลืองให้ทันทีโดยไม่มีการตักเตือนก่อนแต่อย่างใด เล่นเอา โชเซ่ มูรินโญ่ ถึงกับถอนหายใจด้วยความเซ็งในตัว มาร์คุส แมร์ก สิงห์เชิ้ตดำจอมเฮี้ยบ

เกมยังดำเนินไปแบบช้าๆ เรื่อยๆ มาเรียงๆ โดยที่บาร์ซ่าพาบอลลุยเข้าไปในแดนของเชลซีได้มากกว่า และในนาทีที่ 18 ลิโอเนล เมสซี่ ก็รับลูกชิ่งตอกส้นคืนจากโรนัลดินโญ่ทะลุเข้าเขตโทษด้านซ้ายได้ จึงตัดสินใจกระทุ้งทันที แต่มี ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ ตามมาบล็อกช่วยเซฟชะตาสิงโตลอนดอนได้ทัน

จากนั้นในนาทีต่อมา ทีมจากพรีเมียร์ชิพก็มีโอกาสบ้าง จากลูกได้ฟาวล์แถวกราบขวาบริเวณกลางสนาม ร็อบเบนจึงตักยาวไปเสาไกล โดยที่ดร็อกบาโดดโขกจากระยะแปดหลาได้ แต่ไม่รุนแรงมากพอที่จะผ่านมือของ บิคตอร์ บัลเดส

อย่างไรก็ดี ผ่านมาถึงนาทีที่ 25 เมสซี่ก็เกิดมีอาการเจ็บกล้ามเนื้อขึ้นมาเอง และฝืนเล่นต่อไม่ไหว จึงจำใจต้องเดินออกจากสนามให้ เฮนริค ลาร์สสัน ลงบู๊แทน แต่ถึงตรงนี้แชมป์ลา ลีกา เริ่มเดินหน้าบดขยี้อาคันตุกะอย่างจริงๆ จังๆ แล้ว ก่อนจะโดนเชลซีโต้ขึ้นกราบขวา แล้วร็อบเบนลากบอลตัดเข้ามากระหน่ำแถวมุมเขตโทษในนาทีที่ 38 ถูกบัลเดสล้มตัวรับไว้ได้

ล่วงมาอีกห้านาที ผู้ตัดสินจอมแจกก็ชูใบเหลืองให้ม็อตต้าอีก ในจังหวะทำฟาวล์ โจ โคล บริเวณกลางสนาม และจากลูกฟรีคิกสาดยาวของ เปาโล แฟร์เรร่า จะทัน เทอร์รี่ขึ้นโหม่งที่เสาไกล แล้วโคลได้กระดกยิงลูกดีดส่งบอลไปตกใส่หลังคาอย่างน่าใจหายใจคว่ำ จบครึ่งแรกบาร์ซ่าจึงยังเจาะไข่แดงเชลซีไม่สำเร็จ เสมอกันไปแบบไร้สกอร์


เข้าสู่ในช่วงครึ่งหลังเกมยังดำเนินไปอย่างสูสี แต่ว่าก็ยังไม่มีฝ่ายใดพังประตูได้ทำให้

โชเซ่ มูรินโญ่ ต้องแก้เกมด้วยถอด เดเมี่ยน ดัฟฟ์ กับ ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา ออกแล้วให้ เฮอร์นัน เครสโป กับ ไอเดอร์ กุ๊ดยอห์นเซ่น ลงไปบู๊แทนในนาทีที่ 56

แต่ว่าในนาทีถัดมาบาร์ซ่า โต้กลับเร็วและเกือบได้ประตู ลาร์สัน โขกต่อไปให้กับ เอโต้ สอดเข้ายิงด้วยซ้าย แต่ เช็ก เซฟไว้ได้อีก

เครสโป เกือบเป็นฮีโร่ของทีมในนาทีที่ 62 เมื่อพุ่งชาร์จลูกเปิดของ โจ โคล หลุดกรอบไปนิดเดียว

จนในนาทีที่ 78 แฟนบอลเจ้าบ้านได้เฮกันลั่นเมื่อ



โรนัลดินโญ่ โชว์สเต็บกระชากบอลหนีแผงหลังทีมเยือนก่อนที่จะกดเต็มข้อเสียบเสาแรกเข้าไปอย่างสวยงามให้ บาร์ซ่า ขึ้นนำ 1-0

เกมทำท่าจะจบลงด้วยชัยชนะของบาร์ซ่า แต่แล้วช่วงทดเวลาเจ็บนาทีที่92 เชลซีก็ได้ประตูปลอบใจ เมื่อ โจวานนี่ ฟาน บรองค์ฮอร์สท์ เข้าปะทะกับ จอห์น เทอร์รี่ ในกรอบเขตโทษ ผู้ตัดสิน มาร์คุส แมร์ก ชี้เป็นลูกจุดโทษทันที ท่ามกลางการรุมประท้วงของนักเตะเจ้าบ้าน แต่สุดท้ายก็ไม่เป็นผล แฟร้งค์ แลมพาร์ด จึงรับหน้าที่สังหารไม่พลาดเป็น 1-1

หมดเวลา บาร์เซโลน่า จึงเสมอกับ เชลซี ไป1-1 ทีมดังแดนสเปนจึงเข้ารอบด้วยประตูรวม 3-2 ส่วนเชลซีตกรอบไปอย่างน่าเสียดาย


รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม



บาร์เซโลน่า :บิคตอร์ บัลเดส, โอเลเกร์ เปรซาส, คาร์เลส ปูโยล, ราฟาเอล มาร์เกซ, โจวานนี่ ฟาน บรองค์ฮอร์สท์, อันแดร์สัน หลุยส์ เดอ ซูซ่า เดโก้, โชเซ่ เอ็ดมิลสัน, ติอาโก้ ม็อตต้า, ลิโอเนล เมสซี่, ซามูแอล เอโต้, โรนัลดินโญ่
สำรอง :อัลเบิร์ต จอร์เกร่า, ชูเลียโน่ เบลเล็ตติ, เฮนริค ลาร์สสัน, ลูโดวิช ชูลี่, ซิลวินโญ่ เมนเดส เดอ กัมโปส จูเนียร์, มาร์ค ฟาน บอมเมล, อันเดรส อิเนียสต้า

เชลซี : ปีเตอร์ เช็ก, เรนาโต้ เปาโล เฟอร์เรร่า, อัลเบอร์โต้ ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่, จอห์น เทอร์รี่, วิลเลี่ยม กัลลาส, โจ โคล, โคล้ด มาเกเลเล่, แฟร้งค์ แลมพาร์ด, อาร์เยน ร็อบเบน, ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา, เดเมี่ยน ดัฟฟ์
สำรอง : คาร์โล คูดิชินี่, มานิเช ริเบโร่, เฮอร์นัน เครสโป, เฌเรมี่ เอ็นฌิตัป, ไอเดอร์ กุ๊ดยอห์นเซ่น, ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์, โรเบิร์ต ฮูธ


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์