บางครั้งโชคชะตาก็ลิขิตให้นักเตะได้ถือกำเนิดกลายเป็นซูเปอร์สตาร์ประดับวงการลูกหนัง เพราะหากบางครั้งถ้าพวกเขาคิดเร็วตัดสินใจเร็ว วันนี้อาจจะไม่มีชื่อของแข้งทองสยองใจเหล่านี้อยู่ในทำเนียบยอดนักเตะแห่งยุคก็เป็นได้ ลองมาดูกันซิว่ามีนักเตะคนไหนบ้างที่เกือบไม่ได้กลายเป็นตำนานลูกหนังซะแล้ว
10) ซีเนดีน ซีดาน (แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส 1995)
ถ้าคุณคิดว่า โรนัลดินโญ่ มีสิทธิ์จะย้ายมาโชว์ฝีเท้าในถิ่นอีวู้ด พาร์ค มันเป็นเรื่องบ้าบอคอแตก ก็ขอบอกว่าคุณคิดถูกแล้ว เพราะ เหยินน้อย ไม่สนย้ายมาจมปลักกับ กุหลาบไฟ แน่นอน และก็เป็นอย่างนั้น เพราะพี่ท่านย้ายไปเล่นให้ ฟลาเมงโก้ ในลีกบ้านเกิดเรียบร้อยแล้ว แต่เรื่องนี้น่าสนใจกว่าเพราะ ซีเนดีน ซีดาน เคยมีโอกาสที่จะได้ย้ายมาค้าแข้งกับ แบล็คเบิร์น หลังจากที่พวกเขาคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาครองได้อย่างยิ่งใหญ่ในปี 1995 โดยตอนนั้น แจ็ค วอล์คเกอร์ อดีตเจ้าของสโมสร อ้างว่าได้มีการสอบถามไปยัง เรย์ ฮาร์ฟอร์ด ผู้จัดการทีมว่า -คุณอยากเซ็นสัญญากับ ซีดาน ไปทำไม ในเมื่อเรามี ทิม เชอร์วู้ด อยู่ทั้งคน ?- นอกจากนี้ ยังมีอีกสโมสรที่เกือบได้เซ็นสัญญากับ ซิซู นั่นก็คือ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ในปี 1996 แต่ทัพ สาลิกาดง ตาถั่วหรือไม่ก็เมาขี้ตาที่ดันทะลึ่งพูดแบบไม่คิดว่า ซีดาน ยังไม่ดีพอสำหรับวงการลูกหนังเมืองผู้ดี จะว่าไปแล้วถือเป็นบุญของ อดีตจอมทัพหมายเลข 1 ของโลก เพราะหากย้ายไปเล่นกับทั้งสองสโมสร ตอนนี้ยังไม่รู้เลยว่าจะทำอาชีพอะไร ??
9) ราอูล กอนซาเลซ (แอตเลติโก มาดริด 1992)
ยอดดาวยิงสูงสุดตลอดกาลของ เรอัล มาดริด เริ่มต้นอาชีพกับ แอต มาดริด ซึ่งเป็นสโมสรที่เขาพัฒนาฝีเท้าขึ้นมาก่อนที่ เฆซุส กิลล์ อดีตประธาน ตราหมี ตัดสินใจยกเลิกเงินทุนสำหรับการพัฒนาศูนย์ฝึกเยาวชนของทีม ส่งผลให้ ราอูล ต้องอำลาสโมสรไปค้าแข้งกับ ราชันชุดขาว ในปี 1992 และ ณ ที่แห่งนี้เจ้าตัวก็ได้สร้างประวัติศาสตร์มากมาย แม้ปัจจุบัน ราอูล จะย้ายไปค้าแข้งกับ ราชันสีน้ำเงิน ชาลเก้ 04 แต่ความยิ่งใหญ่ของเขายังคงถูกจารึกเอาไว้ในถิ่นซานติอาโก้ เบร์นาเบว ในฐานะตำนานแห่งราชันไปเรียบร้อยแล้ว
8) จูเซ็ปเป้ ซินญอรี่ (ปาร์ม่า 1995)
จริงๆ แล้วการย้ายทีมนี้น่าจะเกิดขึ้นแล้ว เพราะการเจรจาเงื่อนไขต่างๆ กำลังจะเสร็จสิ้นกระบวนความในการที่จะนำ ซินญอรี่ มาระเบิดตาข่ายให้กับ ปาร์ม่า ในช่วงซัมเมอร์ 1995 เป็ปเป้ น่าจะเล่นได้เข้าขาเติมเต็มขุมกำลังภายในทีมที่ประกอบไปด้วย โทมัส โบรลิน, จานฟรังโก้ โซล่า และฟาอุสติโน่ อัสปริย่า รวมทั้งเขาคงจะยิงสลุตฉุดไม่อยู่จนนำ จัลโล่บูล ผงาดซิว สคูเด็ตโต้ มาครอบครองได้ไม่ยาก แต่การทำสัญญาต้องยกเลิกไปกลางคัน เพราะแฟนบอลผู้ซื่อสัตย์ของ ลาซิโอ ออกมาเดินขบวนประท้วงการขายนักเตะอันเป็นที่รักและบูชาออกไป ซึ่งการทำแบบนี้ส่งผลให้ทุกอย่างต้องจบไปโดยปริยาย และ ซินญอรี่ ก็กลายเป็นตำนานที่ยังมีชีวิตอยู่ อินทรีฟ้า-ขาว จนทุกวันนี้
7) สตีเว่น เจอร์ราร์ด (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2005)
สมัยที่ยังอ่อนเยาว์หน้ายังไร้หนวด เจอร์ราร์ด เคยมีโอกาสได้ไปทดสอบฝีเท้ากับ แมนฯ ยูไนเต็ด ก่อนที่เขาจะเซ็นสัญญากับ ลิเวอร์พูล ในฐานนักเตะฝึกหัด เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน บรมกุนซือ ผีแดง กระสันในตัวของ สตีวี่จี อย่างมาก เพราะเขามองว่านักเตะรายนี้จะเข้ามาทดแทน รอย คีน ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะตอนที่เขาก้าวขึ้นมาถึงจุดสุดยอดกับ หงส์แดง ในปี 2005 แต่ตอนนั้นมีความเป็นไปได้ที่ เจอร์ราร์ด จะย้ายไปเล่นกับ เชลซี เนื่องจากไม่มีนักเตะของ เดอะ เร้ดส์ คนไหนที่ย้ายจากถิ่นแอนฟิลด์ไปเล่นในโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด โดยตรงนับตั้งแต่ปี 1964 และด้วยความเป็นไม้เบื่อไม้เมากันระหว่างทั้ง 2 สโมสร ส่งผลให้การย้ายทีมไม่สามารถเกิดขึ้นได้ และต้องยุติไปอย่างรวดเร็ว เรื่องก็เป็นละฉะนี้ ที่สำคัญเรื่องการย้ายทีมระหว่าง ลิเวอร์พูล กับ แมนฯ ยูฯ คงจะไม่มีทางเป็นไปได้ไม่ว่าจะตอนนี้หรือในอนาคตแน่นอน
6) รอย คีน (เรอัล มาดริด 2006)
มิดฟิลด์ตัวทำลายเกมเลือดไอริช มีปัญหาไม่กินเส้นกับ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ในช่วงปลายปี 2005 และพอถึงช่วงที่ตลาดซื้อขายนักเตะเปิดรอบ 2 เดือนมกราคม มีหลายสโมสรที่แสดงเจตจำนงอยากได้ตัน คีโน่ ไปร่วมทีม ซึ่งก็รวมทั้ง ยูเวนตุส ที่มีข่าวกับ คีน มาตลอดโดยหวังจะนำมาเล่นคู่กับ ปาทริค วิเอร่า คู่อริเก่า ในสีเสื้อ ม้าลาย ในกรณีของ คีน ไม่ประสบความสำเร็จในการย้ายไปเล่นกับ ราชันชุดขาว แต่กระนั้นเจ้าตัวก็ย้ายไปเล่นให้ กลาสโกว์ เซลติก สโมสรที่ติดตามเชียร์มาตั้งแต่เยาว์วัย และแขวนสตั๊ดที่นั่น ขณะเดียวกัน เดวิด เบ็คแฮม ขวัญใจของสาวก เร้ด อาร์มี่ ได้ย้ายสมใจหลังทะเลาะกับ ป๋า อย่างรุนแรง และสุดท้ายก็ได้ไปเล่นให้ เรอัล
5) โยฮัน ครัฟฟ์ (เรอัล มาดริด 1973)
แน่นอน ครัฟฟ์ คือตำนานของ บาร์เซโลน่า หลังประสบความสำเร็จมากมายกับทีมนับตั้งแต่ที่ย้ายมาทำมาหากินในถิ่นคัมป์ นู เมื่อปี 1973 ทั้งในฐานะนักเตะ และเทรนเนอร์ แต่ขอบอกว่าก่อนหน้านั้น เรอัล มาดริด แสดงความสนใจอยากได้นักเตะมาร่วมทีมอย่างมาก อย่างไรก็ตาม นักเตะเทวดา ตัดสินใจเลือกเล่นให้ บาร์ซ่า แม้เจ้าตัวจะช่วยทีมคว้าแชมป์แค่ 2 รายการจากการเล่นให้กับทีม 5 ปี แต่ ครัฟฟ์ ก็เป็นบุคคลสำคัญมากที่นำพาสโมสรแห่งนี้สร้างประวัติศาสตร์มากมายจนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะการวางรากฐานสไตล์การเล่นของ เจ้าบุญทุ่ม ที่เน้นเกมบุก และเล่นสวยงาม จนทั่วโลกต่างซูฮกในความยิ่งใหญ่ของพวกเขา
4) มาร์โก แวน บาสเท่น (บาร์เซโลน่า 1992)
ช่วงต้นยุค 90 แวน บาสเท่น ตกเป็นข่าวลือหนาหูแทบไม่เว้นวันว่าจะย้ายไปเล่นกับ บาร์เซโลน่า โดยยอดดาวยิงอัจฉริยะเจ้าของฉายา เพชฌฆาตพรายกระซิบ มีโอกาสที่จะได้เดินตามรอยเท้าของ โยฮัน ครัฟฟ์ ขวัญใจของเขา ซึ่งเขาได้เรียนรู้อะไรมากมายจาก ครัฟฟ์ สมัยที่กุมบังเหียน อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ในช่วงซัมเมอร์ปี 1992 เรื่องการย้ายทีมมีความเป็นได้สูงมาก เพราะตอนนั้น บาร์ซ่า เพิ่งประสบความสำเร็จคว้าแชมป์ ยูโรเปี้ยน คัพ ครั้งแรก ในขณะที่ แวน บาสเท่น ก็อยู่ในจุดสูงสุดของอาชีพพ่อค้าแข้ง บางทีโชคชะตาก็มักเล่นตลกเพราะ แวน บาสเท่น ต้องแขวนสตั๊ดเนื่องจากโดนปัญหาบาดเจ็บรุมเร้า น่าเสียดายที่ ดาวเตะเลือดดัตช์ เกือบจะได้ไปสร้างความตื่นเต้นในถิ่นคัมป์ นู ซึ่งเป็นสถานที่ที่เขายิงได้ 2 ประตูในเกมคว่ำ สเตอัว บูคาเรสต์ 4-0 คว้าแชมป์ ยูโรเปี้ยน คัพ มาครองในปี 1989
3) เคนนี่ ดัลกลิช (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1977)
คิง เคนนี่ เป็นที่ยกย่องและศรัทธาของสาวก เดอะ ค็อป อย่างมาก หลังจากที่รับใช้สโมสรทั้งในฐานะในนักเตะและผู้จัดการทีม ที่สำคัญยังนำความสำเร็จมาสู่ถิ่นแอนฟิลด์มากมายก่ายกอง ลองจินตนาการว่าในปี 1977 แทนที่ ดัลกลิช จะย้ายมาแทนตำแหน่ง ของ เควิน คีแกน ที่ย้ายทีมออกไป แต่เขาเลือกไปเล่นให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แทน มันจะเป็นยังไง หลังจากที่ ปีศาจแดง เด็ดปีก หงส์แดง ในเกมเอฟเอ คัพ รอบชิงชนะเลิศ โดยผู้เล่นส่วนใหญ่ของ แมนฯ ยูฯ เป็นนักเตะดาวรุ่งที่กำลังโชว์ฟอร์มได้อย่างน่าตื่นเต้นภายใต้การกุมบังเหียนของ ทอมมี่ ด็อคเคอร์ตี้
ถ้าหาก ด็อคเคอร์ตี้ ไม่โดนปลดออกจากตำแหน่งและสโมสรได้เซ็นสัญญาคว้าตัว ดัลกลิช มาร่วมทีม ซึ่งจะนำ แมนฯ ยูไนเต็ด ท้าทายความยิ่งใหญ่ของ ลิเวอร์พูล ได้หรือไม่ ? เรื่องนี้ไม่มีใครทราบได้ แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กุนซือเลือดสกอตต์ ทำให้เห็นแล้วว่า ผีแดง คือสโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ อังกฤษ ในเวลานี้
2) ดีเอโก้ มาราโดน่า (ยูเวนตุส 1984) (Juventus, 1984)
เอล ดีเอโก้ เพิ่งอายุ 23 ปีเท่านั้นตอนที่เขาย้ายมาเล่นกับ นโปลี ในปี 1984 เขานำทีมสร้างผลงานได้อย่างสุดยอดเกิดคำบรรยายด้วยการพาทีมคว้าแชมป์ลีกเมืองมะกะโรนี 2 สมัยในปี 1987 และ1990 และทำให้สโมสรแห่งนี้กลายเป็นยักษ์ใหญ่เทียบเคียงกับ เอซี มิลาน และ ยูเวนตุส ซึ่งทั้งสองสโมสรนี้แสดงความสนใจอยากได้ เสือเตี้ย มาร่วมทีมอย่างมาก โดย ม้าลาย มีความเป็นไปได้สูงที่จะเซ็นสัญญากับ มาราโดน่า เพื่อหวังให้มาเล่นร่วมกับ มิเชล พลาตินี่ แข้งเทพของพวกเขาในตอนนั้น
ยูเว่ ประสบความสำเร็จคว้าแชมป์ ยูโรเปี้ยน คัพ ในปี 1985 แต่ช่วงเวลาที่เหลืออยู่ในยุค 80 พวกเขาไม่ได้สัมผัสแชมป์ลีกอีกเลย แต่ถ้าหาก มาราโดน่า ย้ายมาสวมชุด ม้าลาย แน่นอนว่าเรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นกับ ยูเวนตุส แต่น่าเสียดายที่ มาราโดน่า ไม่ได้มาอยู่ในพวกเขานะสิ
1) โรแบร์โต้ บาจโจ้ (บาร์เซโลน่า 1996)
ย้อนกลับไปเมื่อช่วงซัมเมอร์ปี 1996 บาจโจ้ เพิ่งประสบความสำเร็จด้วยการคว้าแชมป์ลีกเมืองพาสต้าสมัยที่ 2 กับ เอซี มิลาน (สมัยแรกได้กับ ยูเวนตุส) ภายใต้การกุมบังเหียนของ ฟาบิโอ คาเปลโล่ ยอดโค้ชหน้าขรึม ก่อนที่ บิ๊กดอน จะย้ายไปคุม เรอัล มาดริด และแทนที่ เปียทองคำ จะวอร์มอัพอยู่ที่ซุ้มม้านั่งสำรองของ ปีศาจแดง-ดำ อีกปีหนึ่ง ก็มีข่าวว่าเจ้าตัวอาจจะเดินทางไปทำมาหากินร่วมกับ คาเปลโล่ ในลา ลีกา อย่างไรก็ตาม นักเตะไม่ได้มีข่าวกับ ราชันชุดขาว เพราะทีมที่สนใจเขาก็คือ บาร์เซโลน่า
ตอนนั้น บ็อบบี้ ร็อบสัน เทรนเนอร์คนใหม่ และ โชเซ่ มูรินโญ่ มือขวาในขณะนั้นของ เจ้าบุญทุ่ม อยากได้ตัว บาจโจ้ มาเล่นร่วมกับ อ้วนพลิ้ว โรนัลโด้, หลุยส์ เอ็นริเก้, หลุยส์ ฟิโก้, ฮริสโต้ สตอยช์คอฟ และ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า อย่างมาก แต่กระนั้นแม้จะไม่มี ยอดแข้งแดนมะกะโรนี บาร์ซ่า ก็ยังคงคว้าแชมป์ได้มากมายก่ายกอง แต่น่าเสียดายที่พวกเขาต้องพลาดแชมป์ลีก หลังจากที่ คาเปลโล่ ก้าวเข้ามาคุมทีม เรอัล ลองคิดกันเล่นๆ ว่าหากวันนั้น บาจโจ้ ย้ายมาเล่นในถิ่น คัมป์ นู ไม่แน่ว่าความอัจฉริยะของเขา อาจจะช่วยให้ บาร์เซโลน่า คว้าแชมป์ลีกเมืองกระทิง และยังเป็นสกัดไม่ให้ คาเปลโล่ ประสบความสำเร็จในสเปน ด้วย แต่ก็อย่างว่าเรื่องนี้มันไม่เกิดขึ้น และ บิ๊กดอน ก็กลายเป็นหนึ่งในตำนานยอดโค้ชแห่งวงการลูกหนังสเปนจนปัจจุบันนี้
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
