อองรี

อองรี

ราชาไร้มงกุฏ อาจจะเป็นคำนิยามที่ดีที่สุดสำหรับยอดนักเตะของโลกในยุคปัจจุบันอย่างเธียร์รี่ อองรี กองหน้าที่ครบเครื่องที่สุด แพรวพราวที่สุด และยียวนกวนประสาทเป็นที่สุด!




เธียร์รี่ ดาเนี่ยล อองรี ซูเปอร์สตาร์กองหน้าชาวฝรั่งเศส ของทีม ปืนใหญ่ อาร์เซนอล เป็นหนึ่งในยอดนักเตะที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดในโลกว่ามีฝีเท้าหาตัวจับได้ยาก และเข้าขั้น 1 ใน 3 ศูนย์หน้าที่เก่งที่สุดในโลกลูกหนังในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เคียงข้างโรนัลโด้ และอังเดร เชฟเชนโก้

อองรี เกิดที่กรุงปารีส มหานครของชาวฝรั่งเศส จึงเป็นชาวปารีเซียงโดยกำเนิด และใช้ชีวิตในวัยเด็กที่สถาบัน แกลร์กฟงแตง หนึ่งในตักศิลาลูกหนังที่ดีที่สุดของเมืองน้ำหอม ซึ่งเป็นสถานที่อบรมบ่มนิสัยและสอนศาสตร์ลูกหนังให้จนเป็นวิชาติดตัวจนปัจจุบัน

ระหว่างที่ร่ำเรียนอยู่ในสถาบันดัง ติตี้ เริ่มต้นการเล่นฟุตบอลในระดับเยาวชนกับทีม เลส์ ยูลิส (1983-1989) ต่อด้วย ปาไลโซ (1989-1990) ,วิรี-ชาติยอง (1990-1992) และอาฟเซ แวร์เซย์เยส (1992-1993 )

ก่อนที่ฝีเท้าของเขาจะไปเข้าตาแมวมองของทีมดังอย่าง อาแอส โมนาโก ที่มีอาร์แซน เวนเกอร์ หนึ่งในกุนซือไฟแรงที่สุดในยุคนั้นเป็นผู้ค้นพบพรสวรรค์ในตัวของอองรี และจับมาขัดเกลาอยู่ในรังสต๊าด หลุยส์ เดอซ์

และเป็นเวนเกอร์ ที่ให้โอกาสอองรี แจ้งเกิดเป็นครั้งแรกในปี 1994 ในวัยเพียง 17 ปี โดยในขณะนั้นเวนเกอร์ ให้อองรี รับบทเป็นปีกซ้ายเนื่องจากเห็นว่ามีความเร็วสูงชนิดที่หาตัวจับได้ยาก และยังมีทักษะการเล่นกับลูกบอลที่เนียนตาเป็นธรรมชาติ

หลังจากนั้นแม้ว่าอองรี จะได้ร่วมงานกับเวนเกอร์ได้ไม่นาน แต่ด้วยพรสวรรค์ของเขาทำให้สามารถแจ้งเกิดได้พร้อมๆกับดาวิด เทรเซเกต์ กองหน้าดาวเด่นเชื้อสายฝรั่งเศส-อาร์เจนติน่า และทั้งคู่ก็ถูกเรียกตัวติดทีมชาติฝรั่งเศส ในชุดฟุตบอลโลกปี 1998 ซึ่งอองรี สามารถแจ้งเกิดได้อย่างน่าดูชม และมีส่วนในการพา เลส์ เบลอส์ คว้าแชมป์โลกมาครองได้ในบ้านเกิดของตัวเอง

จากความสำเร็จดังกล่าว อองรี ถูกยูเวนตุส ซื้อตัวไปร่วมทีมพร้อมกับดาวิด เทรเซเกต์ ในเดือน ม.ค. 1999 ด้วยค่าตัวสูงถึง 10.7 ล้านปอนด์ และน่าจะมีโอกาสประสบความสำเร็จได้ไม่ยาก

แต่เอาเข้าจริงๆ แล้วช่วงชีวิตในเดลเล่ อัลปิ กลับเป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตของอองรี เมื่อเขาไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับสไตล์การเล่นของลีกลูกหนังแดนมะกะโรนีได้ และทำประตูได้แค่ 3 ลูกจากการลงเล่น 16 นัดเท่านั้น

โชคยังดีที่อองรี ยังอยู่ในสายตาของเจ้านายเก่าอย่างเวนเกอร์เสมอ และเป็นกุนซือชาวฝรั่งเศสคนนี้เองที่กำลังตามหาตัวตายตัวแทนของนิโกล่าส์ อเนลก้า กองหน้าไม่รักดีที่ย้ายไปอยู่กับเรอัล มาดริด และคิดว่าอองรี เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมจึงควักเงินถึง 11 ล้านปอนด์เพื่อขอซื้อต่อจากยูเวนตุส

ติตี้ ต้องเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบากมากที่สุดอีกครั้งหนึ่งในช่วง 10 นัดแรกในสีเสื้อของทีมกันเนอร์ส เมื่อเขาไม่สามารถทำประตูได้เลยและก็มีการตั้งคำถามจากสื่อมวลชนและแฟนบอลว่านี่เป็นการลงทุนที่ถูกต้องหรือเปล่าสำหรับอาร์เซนอล

แต่เวนเกอร์ ก็ให้โอกาสกับอองรีตลอดมา และจับย้ายตำแหน่งจากปีกซ้ายมาเล่นเป็นกองหน้า และเมื่อเวลาผ่านไปกองหน้าคนนี้ก็ค่อยๆพิสูจน์ตัวเองตอบแทนความไว้ใจของเจ้านายที่เข้าใจกันดีที่สุดอย่างเวนเกอร์ได้สำเร็จ และกลายเป็นขวัญใจหมายเลขหนึ่งคนใหม่ของชาว กูนเนอร์ส

อองรี มีส่วนในความสำเร็จของอาร์เซนอล ที่สร้างปรากฎการณ์ด้วยการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกด้วยการไม่แพ้ทีมใดเลยตลอดฤดูกาล 2003-04 และยังรักษาสถิติต่อเนื่องจนหยุดที่ 49 นัด จนอาร์เซนอล ได้รับฉายาว่า The Invicibles หรือ ไร้เทียมทาน ในช่วงนั้น

แต่ที่เหนือไปกว่านั้นและทำให้แฟนๆอาร์เซนอล รักกองหน้าจากเมืองน้ำหอมคนนี้มากที่สุดคือ อองรี สามารถก้าวผ่านตำนานของเอียน ไรท์ ยอดศูนย์หน้าในยุคปี 90 ได้อย่างยิ่งใหญ่ รวมทั้งทำลายสถิติการพังประตูสูงสุดด้วยการยิงเกินกว่า 200 ลูกให้กับอาร์เซนอล ได้ในปี 2006 และยังเป็นผู้เล่นคนแรกที่สามารถยิงได้เกินกว่า 20 ลูกต่อฤดูกาลเป็นเวลา 5 ปีติดต่อกัน

ด้วยผลงานเอกอุดังกล่าว อองรี จึงเคยได้รับรางวัลรองเท้าทองคำซึ่งเป็นรางวัลที่จะมอบให้แก่ผู้ที่ทำประตูได้สูงสุดในแต่ละฤดูกาลของฟุตบอลยุโรป และอองรี ก็ยังเป็นคนแรกที่ได้รับรางวัลรองเท้าทองคำถึง 2 ปีติดต่อกันด้วย นอกจากนี้ยังเคยได้รับรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของพรีเมียร์ชิพถึง 4 ครั้งด้วยกัน

อองรี ได้รับเลือกให้เป็นกัปตันทีมอาร์เซนอล ในปี 2005 หลังจากที่ปาทริก วิเอร่า กัปตันทีมคนเก่าตัดใจเลือกย้ายไปอยู่กับยูเวนตุส ซึ่งอองรี ก็ไม่ทำให้ทั้งเวนเกอร์ เพื่อนร่วมทีมและแฟนบอลทุกคนผิดหวังด้วยการแสดงบทบาทผู้นำได้ดีไม่แพ้วิเอร่า และในบางแง่อองรี ก็มีอิทธิพลมากกว่าด้วยซ้ำ

กระนั้นนักเตะที่ได้รับการยกย่องเป็นตำนานที่ยังมีชีวิตของอาร์เซนอล ก็ต้องเผชิญกับการตัดสินใจครั้งสำคัญที่สุดเมื่อปีกลาย เมื่ออาร์เซนอล กำลังอยู่ในภาวะถดถอย สโมสรดูไร้แววจะไปแข่งขันกับสโมสรคู่แข่งทีมอื่นๆ ขณะเดียวก็ได้รับการติดต่อทาบทามจากโคตรทีมในเวลานี้อย่างบาร์เซโลน่า

เรื่องนี้มาตึงเครียดถึงขีดสุดเมื่ออองรี ยื้อเรื่องการเจรจาต่อสัญญาฉบับใหม่มาจนถึงเกมนัดสุดท้ายของฤดูกาลคือนัดชิงชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ซึ่งคู่ชิงก็คือทีม เจ้าบุญทุ่ม นั่นเอง ทำให้มีการจับตามองว่าผลการแข่งขันในนัดนี้จะมีผลต่อการตัดสินใจในอนาคตของอองรี

แต่แม้ว่าอาร์เซนอลจะเป็นฝ่ายผิดหวังเมื่อพลาดแชมป์ แต่อองรี ก็ทำเอาแฟนบอลทุกคนน้ำตาซึมเมื่อประกาศต่อสัญญาฉบับใหม่ทันที โดยต้องการอยู่เป็นตำนานในหัวใจของชาวกันเนอร์สตลอดไปและเชื่อว่าอาร์เซนอล จะกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งในอนาคตอันใกล้

อย่างไรก็ตาม แม้จะเคยคว้าแชมป์โลก (1998) ,รองแชมป์โลก (2006) ,แชมป์ยูโร (2000) และประสบความสำเร็จมากมายกับอาร์เซนอล แต่ในความสำเร็จส่วนตัวแล้วอองรี ยังไม่เคยได้รับรางวัลที่ถือเป็นเกียรติสูงสุดอย่างรางวัลลูกบอลทองคำหรือ บัลลงดอร์ และรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของฟีฟ่าเลยแม้แต่ครั้งเดียว แม้จะได้รับการเสนอชื่อหลายต่อหลายครั้งก็ตาม

วันนี้อองรี ก็ยังคงหวังที่จะคว้า มงกุฏ ส่วนตัวมาครองให้ได้อยู่ แต่ถึงจะไม่ได้ก็ไม่เป็นไรเพราะสำหรับใจของชาวอาร์เซนอลแล้ว

เธียร์รี่ อองรี คือ ราชา ของพวกเขาทุกคน ..


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์