ลางร้ายแห่งความตกต่ำ

อาการบาดเจ็บของนักเตะ ความมั่นใจ บวกกับฟอร์มเก่งที่หลุดหาย ทำให้การไปเยือน ลิเวอร์พูล ที่แอนฟิลด์ เพื่อลงเตะนัดตกค้างของขุนพลอาร์เซน่อล ดูจะไม่มีความหวังเอาเสียเลย...ท้ายสุดและสุดท้าย ก็กลายเป็นเช่นนั้น เมื่อพวกเขาต้องเดินออกสนามในนามของ ผู้แพ้


นิยามที่ว่าไม่มีใครเก่งค้ำฟ้า ยังใช้ได้ทุกยุคทุกสมัย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ,ลิเวอร์พูล หรือรีล มาดริด ก็เคยเป็นเช่นนั้น เฉกเช่นเดียวกับ อาร์เซน่อล ที่นับวันจะเริ่มถอยหลังลงคลองทุกที


อดิบายอร์กับซิสโซโก้ เบียดกัน

กับเกมเมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมาพวกเขาแทบจะไม่มีความหวังหรือสะกดคำว่า เซอร์ไพส์ ในการไปเยือนแอนฟิลด์ได้เลย ตลอดเกมพวกเขาเป็นฝ่ายที่ต้องตั้งเกมรับเพื่อหยุดแนวรุกของลิเวอร์พูล นับครั้งได้ ที่จะบุกเข้าไปในเขตอันตรายของหงส์แดง

ด้วยสถิติ ยิงเข้ากรอบเบาๆเพียงแค่ 2 ครั้ง กับได้ลูกคอนเนอร์เพียงครั้งเดียว ต่างกับเจ้าถิ่น ที่ได้บอมบ์เป็นสิบ ชู๊ต ออน ทาร์เกต ถึง 11 ครั้ง ยิงไม่เข้ากรอบอีก 13 ได้เตะมุมอีก 10 หน


เยนส์ เลห์มันน์ เซฟจุดโทษของกัปตันทีมหงส์แดง

ดูจากตัวเลขค่าต่างๆตลอดทั้งเกมแล้ว ทีมเยือนน่าจะโดนไม่ต่ำกว่า 2 เม็ด ดีที่นายทวารจอมเก๋า เยนส์ เลห์มันน์ ของอาร์เซน่อล ที่ไม่รู้ไปกินอะไรมางัดฟอร์มสุดเหนียวเซฟลูกยิงของพลพรรค เรด แมชีน ได้เกือบทุกครั้ง โดยเฉพาะกับไฮไลต์เซฟจุดโทษลูกยิงของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด


ลูกที่ทำให้เจ้าบ้านเก็บ3แต้มได้

แต่ก็อย่างว่า เกมตัดสินกันในเวลา 90 นาที ถ้าสงครามยังไม่จบ ก็อย่าเพิ่งนับศพทหาร ขุนพลเดอะกันเนอร์ส คงจะคิดว่ากะอีแค่ 2 กว่านาที ขุนพลเรด แมชีน คงทำอะไรไม่ได้กะมั้ง แต่เจ้ากรรมเหมือนฟ้ากลั่นแกล้งให้ทีมเยือนเป็นผู้แพ้ เมื่อลิเวอร์พูล ส่ง หลุยส์ การ์เซีย ลงมาก่อนหมดเวลาเพียง 5 นาที

และเดอะ ค็อป ก็ต้องเฮกันลั่น!! เมื่อซูเปอร์ซับชาวสแปนิชที่อยู่ในสนามได้ไม่กี่ฮึดใจ ก็ระเบิดตาข่ายให้เจ้าบ้านเก็บชัยชนะ 1-0 ไปอย่างหืดจับ ส่งผลให้อาร์เซน่อลต้องพ่ายคอตกไปอย่างเสียดาย

สงสารก็แต่นายประตูชาวเยอรมันนี่แหละ เจ้าตัวก็สู้อุตสาห์เซฟอุตหลุดเหลือเชื่อหลายต่อหลายครั้ง แต่ทีมกลับต้องมาพ่าย งานนี้ก็คงโทษใครไม่ได้ก็คงต้องโทษกันทั้งทีมนั้นแหละ ซึ่งหากใครได้ชมก็คงจะร้องด่ากันเป็นทิวแถว เนื่องจากฟอร์มการเล่นของอาร์เซน่อลเมื่อคืนไม่ได้เหลือลายอดีตแชมป์พรีเมียร์ชิพไว้เลย


อองรี ประชันหน้ากับซิสโซโก้

ไล่นับจาก เธียร์รี่ อองรี ที่เล่นอย่างหมดใจ ประมาณว่าเดียวซีซั่นหน้าก็ไม่ได้เล่นอยู่แล้ว อเดบายอร์ หัวหอกชาวโตโกตัวใหม่ก็ยังไม่สามารถทำอะไรได้เป็นชิ้นเป็นอัน ส่วนในแดนกลางชั่วโมงนี้ยังฝากอนาคตไว้ไม่ได้เลย ไม่ว่าจะเป็น จิลแบร์โต้ ซิลวา ,ฟาเบรกาส ,เคล็บ ,เดียอาบี้ หรือแม้แต่ เฟดริก ลุงเบิร์ก ที่ฤดูกาลนี้ฟอร์มตกลงไปอย่างน่าใจหาย ไม่เหมือนกับซีซั่นที่ผ่านๆมา ที่ยิงประตูได้เป็นว่าเล่น ที่สำคัญซีซั่นนี้ฟาดแข้งไปกว่า 26 นัดแล้ว เจ้าตัวยังไม่สามารถยิงประตูให้ทีมได้เลย


2ผู้จัดการทีม ลุ้นระทึกในศึกปืนใหญ่ปะทะหงส์แดง

ขณะที่ โรแบร์ ปิแรส แม้จะสามารถทำประตูให้กับทีมได้บ่อยครั้ง แต่เชื่อว่าในซีซั่นหน้ามิดฟิลด์ชาวน้ำหอมคนนี้คงไม่ได้อยู่ช่วยทีมอีกต่อไป เนื่องจากอาร์เซน่อลยื่นสัญญาให้เพียงแค่ 1 ปี ขณะที่เจ้าตัวต้องการมากกว่านั้น ทำให้เป็นที่คาดการณ์กันว่าปิแรสน่าจะเผ่นหนีไป พร้อมๆกับ เธียร์รี่ อองรี ที่ต้องการจะหาความท้าทายใหม่ๆ ในต่างแดน

เช่นเดียวกับในแนวรับ แม้อาร์เซน่อลจะเสียประตูน้อยเป็นอันดับ 3 ในพรีเมียร์ชิพเป็นรองแค่ จ่าฝูง เชลซี และลิเวอร์พูล แต่แผงกองหลังในชุดนี้ของ เดอะ กันเนอร์ส ก็ช่วยทีมไม่ให้รอดพ้นจากความปราชัยไปได้ ซึ่งแพ้ไปแล้วถึง 9 นัด

แอชลี่ย์ โคล ทำท่าว่าจะหายเจ็บแต่ก็ต้องพักไปอีกหลายนัดอีก เช่นเดียวกับ ปาสกาล ซีก็อง ,โลแรน ,กาแอล กลิชี่ และเคอร์เรีย กิลเบิร์ต ที่มีอาการบาดเจ็บเช่นกัน ตัวหลักอย่าง โซล แคมป์เบลล์ ก็ไว้ใจไม่ค่อยได้และดูเหมือนว่าจุดสูงสุดของตัวเขาจะผ่านพ้นมาแล้ว ความแข็งแกร่ง ความแน่นอน ก็หายไป ฟิลิป เซนเดอรอส ก็ชั้นยังไม่ถึงแต่ก็ช่วยทีมได้อย่างมากในยามที่ทีมต้องการ เช่นเดียวกับ โยฮัน ฌูรู ที่ต้องรอการพัฒนาต่อไป


สุดท้ายเจ้าบ้านหงส์แดง ก็ได้ยิ้มแก้มปริ

กับความปราชัยของอาร์เซน่อลที่ถูกอริคู่แข่ง ลิเวอร์พูล ตอกย้ำชัยชนะอีกครั้ง ทำให้เพิ่มสถิติเก็บชัยเป็น 67 ครั้งที่มีต่ออาร์เซน่อล และถ้านับตั้งแต่มีพรีเมียร์ชิพขึ้นมา ลิเวอร์พูล เก็บชัยในบ้านตัวเองแล้วถึง 8 นัด ปล่อยให้อาร์เซน่อลบุกมาเก็บชัยได้แค่ 3 ครั้งเท่านั้น

และหากมองดูในตารางพรีเมียร์ชิพหลังผ่านไป 26 นัด อาร์เซน่อลยังคงดิ่งอยู่ในอันดับ 5 มีเพียง 41 คะแนนเท่านั้น เป็นรองคู่ปรับร่วมกรุงลอนดอนอย่าง สเปอร์ส ถึง 4แต้ม ที่สำคัญเพื่อนร่วมเมืองอย่าง เวสต์แฮม ก็จ่อคอหอยอยู่หมาดๆ หลังจากเก็บอีกสามแต้มเหนือเบอร์มิงแฮมเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ทำให้มีแต้มเท่ากับเดอะ กันเนอร์สแล้ว

ซึ่งหากมองย้อนหลังไป 10 ปีนับนับตั้งแต่ อาร์แซน เวนเกอร์ เข้ามาปลุกปั้นเดอะ กันเนอร์ส มีเพียงซีซั่นแรกเท่านั้นที่จบลงด้วยอันดับที่สาม หลังจากนั้นนับแต่ฤดูกาล 1997/98 - 2004/05 อาร์เซน่อลไม่เคยต่ำกว่าอันดับ 2 เลย

อาจจะเป็นเพราะช่วงเวลาที่ผ่านมา อาร์เซน่อล ยังไม่เคยเจอกับทีมที่มีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับพวกเขา แมนฯยูไนเต็ด ,ลิเวอร์พูล และเชลซี ดูเหมือนจะมีราคาที่จะต่อกรกันได้ แต่หลังจากที่หลายๆทีมเริ่มมีมาตรฐานในการเล่นที่ใกล้เคียงกัน โดยเริ่มจะมีสัญญานให้เห็นกันตั้งแต่เมื่อฤดูกาลที่แล้ว

ปีนี้ยิ่งน่ากลัวไปใหญ่ ทีมที่เคยรองบ่อนอย่าง สเปอร์ส ,โบลตัน (ที่ยังแข่งน้อยกว่าใครถึง 2 นัด) หรือแม้แต่ วีแกน หรือเวสต์แฮม สองทีมน้องใหม่ที่เพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นมาก็ดูจะร้อนแรงจนน่ากลัว ทำให้เป็นที่หนักใจกันว่า อาร์เซน่อลจะมีดีพอที่จะถีบตัวเองไปเล่นบอลยุโรปในซีซั่นหน้าได้อีกหรือไม่?

เชลซี ,แมนฯยู หรือแม้แต่ ลิเวอร์พูล น่าจะตีตั๋วจองไปแชมเปี้ยนส์ ลีก ซีซั่นหน้าได้แน่ๆ จะเหลือก็เพียงอีกโควต้าเดียวเท่านั้น ซึ่งหากมองในเวลานี้ อาร์เซน่อล ยังไม่หมดความหวัง แม้จะมีแต้มตามหลังคู่อริอย่าง สเปอร์ส โดยมีข้อแม้ว่าลูกทีมของ เวนเกอร์ สามารถเค้นฟอร์มเก่งกับอีก 12 แมตช์ ที่เหลือกลับมาได้

แต่ถ้าผลลัพธ์ออกมาในทางตรงกันข้าม ถ้าพวกเขาเล่นออกทะเลด้วยการฟอร์มห่วยววว...บ่อยครั้ง อย่าว่าแต่ตั๋วไป แชมเปี้ยนส์ ลีก เลยแม้แต่ตำแหน่งให้ไป ยูฟ่า คัพ ก็จะไม่เหลือ...

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์