ปืนใหญ่ยิงแหลกถล่มสโต๊ค4-1

ปืนใหญ่ อาร์เซน่อล ระเบิดฟอร์มส่งท้ายศึกพรีเมียร์เปิดบ้านไล่ถล่ม ช่างปั้นหม้อ สโต๊ค 4-1 ส่งทีมได้อันดับที่ 4 ได้ไปเล่นรอบคัดเลือกศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้


ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
อาร์เซน่อล 4 - สโต๊ค 1


 


 


ปืนใหญ่ อาร์เซน่อล ต้องส่ง วิโต้ มานโนเน่ ผู้รักษาประตูดาวรุ่งเฝ้าเสา เพราะมือ 1-2 ต่างเจ็บหมด ขณะที่ เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ ที่ตกเป็นข่าวย้ายทีมไม่มีชื่อแม้กระทั่งตัวสำรองเพราะเจ็บโคนขาหนีบ ส่วนสโต๊ค ทีมเยือนยังขนชุดใหญ่เต็มที่เช่นเดิม


 


เริ่มเกมมานาทีที่ 4 เดนิลสัน มิดฟิลด์แซมบ้าของอาร์เซน่อลไปทำฟาวล์ เกล็นน์ วีแกน แบบน่าเกลียด โดนเหลืองเป็นคนแรกของเกม แต่มาถึงนาทีที่ 10 เป็นอาร์เซน่อลที่ได้ประตูนำ 1-0 ไปก่อน จากจังหวะเตะมุมที่ สตีฟ ซิมอน


เซ่น ปัดลูกยิงของ เดนิลสัน ออกหลัง โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ เล่นเตะมุมสั้นกับ เชส ฟาเบรกาส ก่อนที่กัปตันปืนโตจะยิงยัดเข้าไป เจมส์ บีตตี้ กองหน้าสโต๊คสกัดพลาดทำเข้าประตูตัวเอง อีก 5 นาทีถัดมา สกอร์ก็ไหลเป็น 2-0 จากจุดโทษที่ ไรอัน ชอว์ครอสส์ ไปฟาวล์ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ในเขตโทษ และหัวหอกทีมชาติฮอลแลนด์ลุกขึ้นมาสังหารเองไม่เหลือ


 


ยิ่งเล่นยิ่งเละสำหรับ สโต๊ค เพราะไม่กี่อึดใจถัดมา ก็โดนอาร์เซน่อล ทะลวงประตูหนีเป็น 3-0 ฟาน เพอร์ซี่ เปิดฟรีคิกทางฝั่งขวาให้ อาบู ดิยาบี้ สอดเข้ามาโหม่งตุงตาข่ายในนาที 18 สโต๊ค ต้องเปลี่ยนผู้เล่นคนแรกในนาที 21 เมื่อ สตีฟ ซิมอนเซ่น มีอาการบาดเจ็บเล่นต่อไม่ไหว่ โธมัส โซเรนเซ่น จึงได้ลงเฝ้าเสาแทน  นาที 26 ยังเป็นอาร์เซน่อล ที่ได้ลุ้นอย่างต่อเนื่อง อาบู ดิยาบี้ ได้ยิงด้วยขวาจากกรอบเขตโทษด้านซ้าย แต่ว่า โซเรนเซ่น ออกแรงเซฟป้องกันไว้ได้


 


เจ้าถิ่นมาเสียจุดโทษเมื่อเวลาผ่านไปหนึ่งชั่วโมง เดนิลสัน ทำฟาวล์ ริคาร์โด้ ฟูลเลอร์ ในเขตโทษและฟูลเลอร์ ลุกขึ้นมายิงเองผ่านมือ มันโนเน่ เข้าไป อาร์เซน่อล หวิดจะได้ประตูหนีห่างอีกครั้งในนาที 33  เมื่อฟรีคิกระยะทำการของ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ พุ่งไปชนคานอย่างจัง อังเดร อาร์ชาวิน พยายามตีลังกายิง  โซเรนเซ่น ต้องออกแรงปัดพ้นเสาไปหวุดหวิด


 


ท้ายครึ่งแรกยังเป็นอาร์เซน่อลที่ครองเกมรุกอย่างเต็มสูบ นาที 41 ก็มาได้ประตูที่สี่จนได้เมื่อ รอรี่ ดีแล็ป มิดฟิลด์สโต๊คทำพลาดพยายามโหม่งบอลคืนผู้รักษาประตูตัวเองแต่ว่าไปเข้าทาง ฟาน เพอร์ซี่ ที่ได้ส้มหล่นและจัดการไม่พลาดซัดตุงตาข่ายเข้าไป เป็นประตูที่สองของอาร์วีพีในเกมนี้ ทำให้จบครึ่งแรก อาร์เซน่อล นำห่าง 4-1


 


ครึ่งหลัง อาร์แซน เวนเกอร์ ถอด ธีโอ วัลค็อตต์ ออกแล้วส่ง นิคลาส เบนท์เนอร์ ลงเล่นแทน นาที 46 ฟาน เพอร์ซี่ ได้ลุ้นทำแฮตทริกเมื่อขึ้นโหม่งลูกเปิดจากด้านข้างของ อาร์ชาวิน สโต๊ค ได้โต้บ้างในอีก 4 นาทีถัดมา เดนิลสัน ทำฟาวล์ บีตตี้ หน้าเขตโทษตัวเอง เลียม ลอว์เรนซ์ เปิดฟรีคิกให้ ไรอัน ชอว์ครอสส์ โหม่งเน้นๆระยะ 6 หลา แต่ข้ามคานไปหวุดหวิด นาที 55 บาการี่ ซาญ่า เติมเกมรุกขึ้นมายิงหน้าเขตโทษแต่ว่าไม่เข้ากรอบ  อีก 8 นาทีถัดมา ฟาน เพอร์ซี่ หาจังหวะเหนี่ยวไกในเขต 6 หลา แต่ไม่หลุดเสานิดเดีว


 


เกมเริ่มเนือยๆลง ขณะที่อาร์เซน่อล ก็ไม่ได้โหมเกมรุกเข้าใส่มากนัก ส่วน สโต๊ค เองก็ทำเกมรุกไม่ค่อยได้ ช่วงเวลาที่เหลือ อาร์เซน่อล เน้นครองเกม ทำให้ยิงเพิ่มไม่ได้ จบเกม อาร์เซน่อล เปิดบ้านชนะ สโต๊ค 4-1 ได้อันดับ 4 ของตาราง ฤดูกาลหน้าไปเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบคัดเลือก
 


รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
อาร์เซน่อล : วิโต้ มันโน่เน่, บาการี่ ซาญ่า, โคโกล ตูเร่, อเล็กซ์ ซง, คีแรน กิ๊บบ์ส, ธีโอ วัลค็อตต์, เดนิลสัน, เชส ฟาเบรกาส, อาบู ดิยาบี้, อังเดร อาร์ชาวิน, โรบิน ฟาน เพอร์ซี่
สโต๊ค : สตีฟ ซิมอนเซ่น, แอนดี้ วิลกินสัน, ไรอัน ชอว์ครอสส์, อับดุลลาย ฟาย, คาร์ล ดิ๊กกินสัน, เลียม ลอว์เรนซ์, ซาลิฟ ดิเยา, เกล็นน์ วีแลน, รอรี่ ดีแล็ป, เจมส์ บีตตี้, ริคาร์โด้ ฟูลเลอร์


สรุปผลฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ

  • ฮัลล์ ซิตี้ แพ้ แมนฯ ยูไนเต็ด  0-1

  • ฟูแล่ม แพ้ เอฟเวอร์ตัน  0-2

  • แบล็คเบิร์น เสมอ เวสต์บรอมวิช  0-0

  • แอสตัน วิลล่า ชนะ นิวคาสเซิ่ล 1-0

  • อาร์เซน่อล ชนะ สโต๊ค ซิตี้  4-1

  • ลิเวอร์พูล ชนะ สเปอร์ส  3-1

  • แมนฯ ซิตี้ ชนะ โบลตัน  1-0

  • ซันเดอร์แลนด์ แพ้ เชลซี  2-3

  • เวสต์แฮม ชนะ มิดเดิ้ลสโบรช์  2-1

  • วีแกน ชนะ พอร์ทสมัธ  1-0



  • สรุปอันดับ ดาวฃซัลโวพรีเมียร์ลีก

  • 19  ประตู - นิโกล่าส์ อเนลก้า (เชลซี)  
     

  • 18 ประตู - คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (แมนฯยูไนเต็ด) 
     

  • 16  ประตู - สตีเว่น เจอร์ราร์ด (ลิเวอร์พูล)  
     

  • 14  ประตู - เฟร์นันโด ตอร์เรส (ลิเวอร์พูล)  ,โรบินโญ่ (แมนฯซิตี้)      
     

  • 12  ประตู - เดิร์ค เค้าท์ (ลิเวอร์พู)  แฟร้งค์ แลมพาร์ด (เชลซี) , กาเบรียล อั๊กบอนลาฮอร์ (แอสตัน วิลล่า) , เควิน เดวีส (โบลตัน) , เวย์น รูนี่ย์ (แมนฯยูไนเต็ด) , ดาร์เรน เบนท์ (สเปอร์ส) 

  •  11  ประตู - ริคาร์โด้ ฟูลเลอร์ (สโต๊ค ซิตี้) , โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ (อาร์เซน่อล) , ยอห์น คาริว (แอสตัน วิลล่า) , ปีเตอร์ เคร้าช์ (พอร์ทสมัธ)  

  •  10 ประตู - ฌิบริล ซิสเซ่ (ซันเดอร์แลนด์) , อาเมียร์ ซากี้ (วีแกน) , เจอร์เมน เดโฟ (สเปอร์ส) , ร็อบบี้ คีน (สเปอร์ส) , เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ (อาร์เซน่อล)  , เบนนี่ แมคคาร์ธี่ (แบล็คเบิร์น) , แม็ทธิว เทย์เลอร์ (โบลตัน) , เคนวีน โจนส์  (ซันเดอร์แลนด์) ,  คาร์ลตัน โคล (เวสต์แฮม)    
     

  • 9 ประตู - สตีเฟ่น ไอร์แลนด์ (แมนฯซิตี้) , นิคลาส เบนท์เนอร์ (อาร์เซน่อล) ,  ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ (แมนฯยูไนเต็ด)   

    หมายเหตุ: * แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (แชมป์), ลิเวอร์พูล (รองแชมป์) และ เชลซี (อันดับ 3) ได้สิทธิ์ไปเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม ฤดูกาลหน้า
     * อาร์เซน่อล (อันดับ 4) ได้สิทธิ์ไปเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบคัดเลือก ฤดูกาลหน้า
     * เอฟเวอร์ตัน (อันดับ 5), แอสตัน วิลล่า (อันดับ 6) ไปเล่น ยูโรป้า ลีก ฤดูกาลหน้า ในรอบเพลย์-ออฟ ส่วน ฟูแล่ม (อันดับ 7) ได้สิทธิ์ไปเล่น ยูโรป้า ลีก ฤดูกาลหน้า ในรอบคัดเลือก รอบสาม
     * นิวคาสเซิ่ล (อันดับ 18), มิดเดิ้ลสโบรช์ (อันดับ 19) และ เวสต์ บรอมวิช (อันดับ 20) ตกชั้นไปเล่นในลีก แชมเปี้ยนชิพ ฤดูกาลหน้า



    Credit:: Siamsport.co.th


  • เครดิต :
     

    ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
    กระทู้เด็ดน่าแชร์