ถึงคราซาตาน ...โดย เต็ก บางจาก



การที่ อังเดร อาร์ชาวิน หล่นวาทะจากฝีปากอันไร้น้ำหนักว่าความหวังในการลุ้นแชมป์ของกูนเนอร์สถูกปิดไปแล้ว มันตีความนัยยะสำคัญได้ว่า อาร์เซน่อล ยกธงกลายๆ ในการล่าแชมป์ แม้ลึกๆ ผลพวงจากการสะดุดของเชลซี ยังทำให้ปืนโตดี๊ด๊าขึ้นมาบ้าง

 



แต่กระนั้นคำพูดของ ชาร์วิน มันสะท้อนให้เห็นถึงความอ่อนแอทันตาในแคมป์ของพวกเขาเอง อย่างช่วยไม่ได้


 



ภาพของ อาร์แซน เวนเกอร์ ก้มหน้ารับสภาพไม่มีตอบโต้หลังแมตช์ซูเปอร์ซันเดย์ ยิ่งเป็นการย้ำหัวตะปูถึงคำพูดของ ตัวรุกรัสเซียนในการประเมินศักยภาพตัวเองกับ อสูรแดง และ สิงห์บลูส์


 



ว่าไปตามเชิงแล้วอาร์เซน่อลจัดเป็นทีมที่ดีแต่ไม่ถึงที่สุด ซึ่งนั่นอาจสะท้อนว่านโยบายของเวนเกอร์ในการดันผู้เล่นดาวรุ่งและเปิดโอกาสเด็กก้าวขึ้นมาติดทีมชุดใหญ่ถูกแต่ไม่ใช่ทั้งหมดเช่นกัน


 



เพราะถ้าพวกเขาอยากลุ้นแชมป์มันหมดสมัยแล้วกับการที่จะทำเฉกเช่นป๋าแพนด้าสร้าง เฟอร์กี้ เบ็บส์ แล้วตบหน้า อลัน แฮนเซ่น ว่าคุณไม่มีทางเป็นแชมป์ด้วยเด็กเหล่านี้
 


ยิ่งภาพจากแมตช์ล่าสุดบ่งชี้ชัดเจนเลยว่ากระดูกบอลของทีมในเวลาคับขันเบียดกันกับทีมบิ๊กลุ้นแชมป์ด้วยกันมันคนละเบอร์


 



ภาพของอาร์เซน่อลมีความจัดจ้านมุทะลุและพลุ่งพล่าน แต่ภาพของ ยูไนเต็ด สะท้อนถึงความยืดหยุ่น การฉกฉวยโอกาส เด็ดขาดแน่นอน
 


บอลหนึ่งสองที่ออกจากเท้าของทั้งสองทีมยิ่งนานไปจะเห็นเลยว่าของค่ายซาตานมีทิศทางและเป้าหมายไม่ใช่บอลสวยแต่รูปจูบไม่หอม


 



ยิ่งการปราชัยของ เวนเกอร์ ต่อ เฟอร์กี้ ในช่วงหลังตลอดมา อาจทำให้ กุนซือเฟร้นช์แมนจำต้องฉุกคิดแล้วว่าถ้าขืนยึดนโยบายนี้โดยไม่มีการสอดแทรกหรือปรับเปลี่ยนให้ยืดหยุ่นพวกเขาคงไม่มีทางไปถึงดวงดาว


 



ฉะนั้นสำคัญครับว่าอาร์เซน่อลต้องมีตัวเก๋าหรือพวกแข้งระดับ 5 ดาวประคองทีมบ้างอย่างน้อยจุดละตำแหน่ง อย่างผู้รักษาประตู มานูเอล อัลมูเนีย กับความสะเหร่อเฟอะฟะในเรื่องการตัดสินใจ มีชอตลนลานเตะบอลแป้กเฉยหวิดเสียประตู เทียบกับ เอ็ดวิน ฟานเดอร์ ซาร์ หรือจะ ปีเตอร์ เช็ก ที่แน่นอนกว่าไม่ได้


 



แนวรับ อาร์เซน่อล โบโจ๋วิงแบ็กไม่เคยโดนท้าทายจากลูกโต้กลับที่แม่นยำพอโดนเต็มเปาคางเปราะซะงั้น กาแอล กลิชี่ เป็นลูกไล่ ของ นานี่ หรือจะบาการี่ ซาญ่า ที่โดน พาร์ค กับ รูนี่ย์ รุมเล่นงาน


 



แดนกลาง เดนิลสัน อ่อนประสบการณ์ในเกมใหญ่ ซามีร์ นาสรี่ คงกำลังคิดว่าตัวเองเป็นดาราเดินแฟชั่น ประมาณนั้น, โทมัส โรซิชกี้ กับความฟิตไม่ถึงและบอบบาง ดังนั้น ภาระจึงตกอยู่กับ เชส ฟาเบรกาส คนเดียว ยิ่งเมื่อแนวรุกขาดความหลากหลาย เอดูอาร์โด้ กับ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ เดี้ยงไป, อังเดร อาร์ชาวิน มีความคล่องแคล่วทว่าแรงเบียดปะทะรวมถึงสรีระเมื่อเทียบกับแนวรับของยูไนเต็ด จะเห็นว่าตัวเล็กกว่าเป็นไหนๆ


 



ฉะนั้นอาร์เซน่อลต้องหาตัวที่มาสอดใส่สร้างความสมดุลเป็นหัวใจในการควบคุมพลังของดาวรุ่งให้เดินไปในทิศทางเดียวกันไม่กระจัดกระจาย ซึ่งจุดนี้ล่ะครับที่เป็นจุดชี้ขาดเกมเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
 


พอล สโคลส์ ใครว่าหมดน้ำยาไปแล้วแต่ก็มีความเก๋าและลูกหนักไว้ขู่ ขณะที่ ไมเคิ่ล คาร์ริค คุมเกมแดนกลางบวกกับจังหวะเบิ้ลบอลแบบ คิลเลอร์ พาส รวมถึงการเล่นคุมโซนหน้าประตูตัวเองที่เหนียวแน่น


 



ขณะที่แนวรุก นานี่ กับทักษะที่สุดยอดโดยการออกข่าวว่าหมอนี่จะโดนโละทิ้งอาจเป็นส่วนที่กระตุ้นให้สตาร์รายนี้ปล่อยของออกมา


 



ซึ่งแน่นอนว่าสาวก เร้ด อาร์มี่ คงเห็นว่านี่คือ เทพโปรตุกีสคนใหม่ผู้ที่จะละลายภาพของ เจ็ตโด้ ออกจากความทรงจำของแฟนๆ


 



พอบวกกับ เวย์น รูนี่ย์ ในช่วงท็อปสุดทั้งหาพื้นที่และจบสกอร์ไม่เปลืองปืนโตเลยแตกคารังอย่างที่เห็น


 



อาร์เซน่อลจำต้องหลากหลายกว่านี้ทั้งเรื่องของหัวใจ, ลูกหนัก, ความยืดหยุ่นเกม, ความหลากหลาย รวมถึง สรีระภาพรวมของผู้เล่นที่ความสูงน้อยติดอันดับต้นๆ ในพรีเมียร์ลีก


 



กลับกันยูไนเต็ดครบเครื่องทุกอย่างในการเอาตัวรอดพวกเขาอาจออกสตาร์ตไม่ดี มีปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บ แต่ความเก๋าก็ประคองทีมผ่านอุปสรรคมา จนถึงช่วงเวลาที่ต้องเร่งเครื่องก็สามารถเผาหัวได้อย่างหมดจด


 



โดยถ้าพลิกแฟ้มไปดูสองซีซีซั่นหลังในเดือนมกราคมคือโค้งสำคัญที่เฟอร์กี้สั่งลูกทีมเก็บชัยชนะเป็นว่าเล่น บวกกับ กุมภาพันธ์ และเดือนเมษายน ในบางฤดูกาลที่เป็นช่วงเร่งเครื่องไม่ให้แผ่ว ตรงนี้สะท้อนถึงประสบการณ์ในการลุ้นแชมป์อย่างโชกโชน


 



ขณะที่ เชลซี การเสียสี่นักเตะแอฟริกันไปในเนชั่นส์ คัพ ไม่มีผลต่อผลงานการเล่นในทีมส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะระดับชั้นของผู้เล่นรวมถึงการดึงเอาสิ่งที่ดีที่สุดของแต่ละคนออกมาใช้ได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ซึ่งทั้งหมดเป็นการวางรากฐานอย่างดีจากยุคของ โชเซ่ มูรินโญ่


 



ความคมของ ดร็อกบา และ อเนลก้า บวกกับ ความหลากหลายในแผงมิดฟิลด์ และเกมรับที่แข็งแกร่ง เชลซีจึงมีความครบเครื่องกว่าอาร์เซน่อล
 


ดังนั้นถ้าปืนโตกระบอกแตกอีกครั้งต่อเชลซี สุดสัปดาห์นี้ต้องบอกเลยว่าเป็นฉากอวสานในการลุ้นแชมป์ของทีมในซีซั่นนี้ได้เลย
 


เผลอๆ พวกเขาจะถูกดึงลงมาให้เสียวหัวใจกับกลุ่มลุ้นอันดับ 4 ด้วยซ้ำ ซึ่งถ้ามองตามความเป็นจริงแล้วต้องยอมรับครับว่านาทีนี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ เชลซี คือม้าแข่งสองตัวสุดท้ายที่กำลังลุ้นเบียดเข้าป้าย ขณะเข้าโค้งทางตรง
 


เพียงแต่เชลซีจะทนความกดดันได้เท่าไหร่ เพราะเกมกับ ฮัลล์ เริ่มออกผลมาแล้วโดนทีมเล็กแบ่งแต้มเฉย


 



ยิ่งในแคมป์มีปัญหาเรื่องเล่นชู้ของกัปตัน จอห์น เทอร์รี่ โผล่มาด้วย


 



ทุกอย่างจึงดูเหมือนเข้าทางยูไนเต็ดซะหมด


 



แถมพะยี่ห้อเฟอร์กี้สั่งเหล่าซาตานลงแส้แซงได้เมื่อไหร่ใครก็ดึงลงจากบัลลังก์ยาก


 


 
เต็ก บางจาก



 


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์