จังโก้วันเดอร์คิด!!!!

จังโก้ วันเดอร์คิด

ติดทีมชุดใหญ่ไปแล้ว

ชื่อ ของ คาร์ลอส เวลา กองหน้าดาวรุ่งชาว เม็กซิกัน กลับมาเป็นที่กล่าวขวัญและถูกจับตามอง อีกครั้ง หลังจัดการพังประตูฝังวีแกน ด้วยลูกชิพอันงามหยดย้อย ในเกมคาร์ลิง คัพ รอบสี่ ที่อาร์เซนอลชุดยังกันส์ เปิดรังถล่มวีแกน แอธเลติก ราบคาบ 3-0 เมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา

ก่อนหน้านี้ เจ้าหนูเวลา วันเดอร์คิด เลือดจังโก้ ก็เคยระเบิดฟอร์มเปรี้ยงมาแล้ว ตั้งแต่ลงประเดิมสนามเป็น ตัวจริงในทีมชุดใหญ่นัดแรก ด้วยการเหมากระทุ้งแฮตทริกนำ “เดอะกันเนอร์ส” ถล่มเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ยับเยิน ถึงครึ่งโหล 6-0 ในรอบที่แล้วของเกมลีกคัพนี้เช่นกัน

เห็นฟอร์มของเด็กปืนชุดนี้แล้วต้องยกนิ้วให้ เลยว่าแหล่มจริงๆ ไม่แน่ว่าหากส่งทีมชุดใหญ่ลงเล่น บางทีอาจไม่ชนะวีแกนถล่มทลายแบบนี้ก็ได้ เพราะมัวแต่ป้อจบสกอร์ไม่คม ไม่เหมือนกับยังกันส์ชุดนี้ ที่เล่นกันได้อย่างมั่นใจ โดยเฉพาะคาร์ลอส เวลา ที่ อันตรายทุกจังหวะ ทั้งยิงทั้งจ่ายในเกมนี้

ลองมาทำความรู้จักกับ “เอล บอมบาร์เดโร” คาร์ลอส เวลา หัวหอกดาวรุ่งชาวเม็กซิกัน วัย 19 ปี ของอาร์เซนอล ให้ดีกว่านี้กันดีกว่าครับ

1. คาร์ลอส อัลแบร์โต เวลา การ์ริโด คือชื่อเต็ม ของเจ้าหนูวันเดอร์คิดแห่งดินแดนจังโก้ผู้นี้ เวลาลืมตาดูโลกเมื่อ 1 มี.ค. ปี 1989 ที่เมืองแคนคูน ในเม็กซิโก เขาเป็นผลผลิตของครอบครัวนักฟุตบอลโดยแท้ เมื่ออเลฮานโดร พี่ชายของเขา ปัจจุบันก็เล่น ให้กับทีมครูซ อาซูล ในลีกสูงสุดเม็กซิกัน

2. เขาเริ่มต้นด้วยการเล่นเคียงข้างกับอเลฮานโดร พี่ชาย ในทีมเดปอร์ติโว กัวดาลาฮารา หรือรู้จักกันดีในฉายา “ลาส ชีวาส” (ไอ้แพะ) แต่เขาไม่เคยลงเล่นในทีมชุดใหญ่เลยแม้แต่นัดเดียว

3. เขามาสร้างชื่อโด่งดังเมื่อลงเล่นให้ทีมชาติ เม็กซิโกชุดเยาวชน ในฟุตบอลเยาวชนยู-17 ชิงแชมป์ โลกของฟีฟ่า ปี 2005 ที่เปรู ด้วยการนำทีมจังโก้จูเนียร์ ผงาดคว้าแชมป์โลกยู-17 โดยเวลาซัดได้ถึง 5 ประตูในรายการนี้ ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นการยิงประตูแรกในนัดชิง ชนะเลิศที่ถล่มบราซิลยับเยิน 3-0 ส่งผลให้เขาคว้ารางวัล ดาวซัลโวสูงสุดรองเท้าทองคำประจำทัวร์นาเมนต์นี้ไปครอง และเขาได้อุทิศความสำเร็จครั้งนี้ให้กับพ่อของเขา

4. พอกลับมา กัวดาลาฮาราได้ยื่นข้อเสนอสัญญา เป็นนักบอลอาชีพให้กับเขา ซึ่งเวลายืนยันว่าครอบครัว ของเขามีส่วนในการตัดสินใจเซ็นสัญญาครั้งนี้

5. หลังโชว์ฟอร์มได้เข้าตาในทีมสำรองของกัวดาลาฮารา “ปืนใหญ่” อาร์เซนอล ก็สามารถเอาชนะบรรดา ทีมยักษ์ใหญ่ทั่วยุโรปทั้งเรอัล มาดริด, บาร์เซโลนา, อินเตอร์ มิลาน และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในการจับเวลาเซ็นสัญญาร่วมทีม ด้วยค่าตัว 2.5 ล้านปอนด์ (150 ล้าน บาท) แต่เจ้าตัวไม่สามารถลงเล่นให้ทีมปืนใหญ่ได้ เนื่อง จากติดขัดเรื่องใบอนุญาตทำงานในอังกฤษ หรือเวิร์กเพอร์มิต ทำให้ถูกปล่อยตัวไปเล่นกับเซลตา บีโก ทีมใน ลาลีกาสเปน ด้วยสัญญายืมตัวตลอดฤดูกาล 2005/06

6. ฤดูกาลถัดมา 2006/07 เขาก็ยังเล่นอยู่ในแดน กระทิงดุกับทีมซาลามังกา ในศึกดิวิชั่น 2 ของสเปน ซึ่ง ที่นี่ เวลาทำผลงานได้ยอดเยี่ยมมาก เมื่อซัดได้ถึง 8 ประตู ใน 31 เกม ส่วนปีถัดมา เขาก็ยังเล่นได้อย่างยอดเยี่ยม น่าประทับใจ หลังขยับขึ้นมาเล่นในลีกสูงสุดสเปนกับทีมโอซาซูนา โดยมีโอกาสลงเล่น 31 นัด ยิงได้ 3 ประตู

7. ได้รับยกย่องให้เป็น 1 ในดาวเตะที่มีพรสวรรค์ มากที่สุดของเม็กซิโก เวลาประเดิมติดทีมชาติชุดใหญ่ ของเม็กซิโกครั้งแรกในเดือน ก.ย.ปี 2007 ในเกมกระชับ มิตรกับ “แซมบ้า” บราซิล แชมป์โลก 5 สมัย ขณะ มีอายุเพียง 18 ปีเท่านั้น แต่ประตูแรกของเขาที่ยิงได้ในทีมชาติชุดใหญ่ เกิดขึ้นในเกมพบกัวเตมาลา ในอีก 1 เดือนถัดมา และจนถึงขณะนี้ เขาซัดไปแล้ว 4 ประตู จากการลงเล่น 10 นัด ให้ทีมชาติเม็กซิโก

8. หลังได้รับเวิร์ก เพอร์มิต หรือใบอนุญาตทำงานในอังกฤษ เมื่อเดือน พ.ค. ปี 2008 เวลาก็กลับ มาค้าแข้งให้ทีมปืนใหญ่อีกครั้ง แต่ก็ยังไม่สามารถสอดแทรกยึดตำแหน่งตัวจริงในทีมอาร์เซนอลได้ โดยเกมแรกที่เขาประเดิมลงเล่นนัดแรกให้ทีมเดอะกันเนอร์ส คือเกมปรีซีซั่นที่ฮังการี และสามารถทำแฮตทริกได้ด้วยในเกมถล่มเบอร์เกนลันด์ 10-2

9. ก่อนที่จะมีโอกาสลงประเดิมสนามนัดแรกในพรีเมียร์ลีกให้อาร์เซนอล ในเกมดวลกับ “สาลิกาดง” นิวคาสเซิล เมื่อ 30 ส.ค.ปีนี้ โดยถูกเปลี่ยนตัวลง มาแทนโรบิน ฟาน เพอร์ซี หลังเกมผ่านพ้นไป 63 นาที

10. อย่างไรก็ตาม การลงเล่นชุดใหญ่ในทีมอาร์เซนอลแบบเต็มเกมนัดแรกของ “เอล บอมบาร์เดโร” นั้น เป็นเกมคาร์ลิง คัพ กับ “ดาบคู่” เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ซึ่งนัดนี้ เวลาระเบิดฟอร์มทำแฮตทริกได้ด้วย

ด้วยทักษะลูกหนังที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ เชื่อว่า มันจะไม่ใช่แฮตทริกสุดท้ายของ “เวลา” แน่นอน.


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์