การกลับมาของฟอร์ม

 สารภาพกันตรงๆ เลยครับว่าก่อนที่เกมระหว่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กับ อาร์เซน่อล จะเริ่มขึ้นนั้น ผมไม่เห็นว่าทีมปืนใหญ่อยู่ในสารรูปที่สู้กับเจ้าถิ่นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่ ซิตี้ โมลเครื่องกันเป็นที่เอิกเกริกอย่างนี้


ยิ่งอีตอนที่ เดบิด ซิลบา เล่นลีลาลูกไขว้ให้เขวตั้งแต่นาทีแรก ใจหายว๊าบๆ ปกติแล้วลูกธรรมดาๆ ก็สร้างปัญหาให้กับนายทวารทุกคนของ อาร์เซน่อล อยู่แล้ว โชคดีมากครับที่ลูกมันไม่ธรรมดาก็เลยไม่สร้างปัญหาให้กับ ลูคัส ฟาเบียงสกี้ นายทวารมือสามของทีมปืนใหญ่..อันนี้ในกรณีที่มองว่าเขาเป็นมือรองของ มานูเอล อัลมูเนีย นะครับ ส่วนประตูมือหนึ่งนั้นยังไม่รู้ว่าเป็นใคร เพราะ อาร์แซน เวนเก้อร์ ยังไม่ได้ซื้อครับ


ปกติแล้วนักเตะที่ เวนเก้อร์ ซื้อมาแต่ละคนจะฝากผีฝากไข้กันได้ทั้งนั้นนะครับ จะมีก็ในตำแหน่งนี้แหละที่ออกจะลำบากอยู่ซักหน่อย สิ้นยุคของ เดวิด ซีแมน แล้วก็มาเป็น เยนส์ เลห์มันน์ ในช่วงท้ายของอาชีพที่พอจะใช้งานได้ แต่ก็มีหลายครั้งที่แวะออกทะเลไปแล้วไม่ยอมกลับ ช่วงนั้น อังกฤษ กำลังขาดแคลนผู้เล่นตำแหน่งนี้มาก แล้ว อัลมูเนีย ก็เหนียวได้ที่จนมีผู้สนับสนุนให้เขาอาศัยความเป็นอิงลิช เรสซิเด้นท์ มาเล่นให้ทีมชาติอังกฤษไปเลย แต่หลังจากที่ได้ก้าวมาเป็นตัวจริงได้ไม่เท่าไหร่ อัลมูเนีย ก็ทำให้แฟนๆ ต้องหันมาพึ่งแอมโมเนีย


ฟาเบียงสกี้ ทำท่าว่าจะมาแทนที่ได้บ้างเป็นครั้งคราวก็ดันออกลูกเฟอะฟะในระดับที่แฟนๆ ทำใจยอมรับได้ยาก จนกระทั่งถึงเกมที่พบกับ แมนฯ ซิตี้ นั่นแหละ


ไม่อยากจะบอกว่าเป็นความมั่นใจที่กลับคืนมา บอกว่า “โล่งใจ” ดีกว่าครับ อาร์เซน่อล รอดออกมาจาก ซิตี้ ออฟ แมนเชสเตอร์ ได้ในสภาพที่ไม่บุบสลายทั้งที่แฟนๆ ทำใจไว้แล้วว่าถ้าโดนแค่ 2 ก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้วในการรักษาสภาพศพให้ไม่น่าเกลียดโดยไม่ต้องอาศัยฟอร์มาลีน


หากว่ากันโดยรวม ชัยชนะเกมนั้นกลับเป็นสร้างความมั่นใจอย่างมาก เนื่องจากเป็นการเอาชนะทีมใหญ่ที่กำลังเสริมทัพกว่าทีมใดๆ ในลีกหรือจะบอกว่าในโลกก็ยังได้เลยครับ นั่นทำให้ลูกทีมของ เวนเก้อร์ เชื่อมั่นในแนวทางที่ถูกสั่งสอนมาตลอดถึงวิธีการเล่นแบบเท้าสู่เท้าแล้วลงเอยด้วยการส่งลูกเข้าประตูเสียที แทนที่จะจ่ายไม่หยุดหย่อนจนโดนค่อนแคะว่าจะเลี้ยงให้มันเข้าประตูไปทั้งลูกทั้งคนเลยหรือไง


ถามว่าเป็นเพราะ แมนฯ ซิตี้ เหลือ 10 คนหรือเปล่า? มันก็พูดลำบากเหมือนกัน เพราะว่าเกมนั้น อาร์เซน่อล เล่นได้ดีมาก แต่ แมนฯ ซิตี้ ก็อาจทำได้ดีกว่าหากว่าทีมอยู่ในสภาพที่ไม่ต้องต่อจำนวนผู้เล่นให้ทีมเยือน


1 ประตูที่ได้มาในครึ่งแรกจากการทำทางที่สวยงามระหว่าง ซามีร์ นาสรี กับ อังเดร อาร์ชาวิน ที่เล่น ok ไปบ้างในฤดูกาลนี้  หมายถึงตกลงไปบ้างนั่นแหละครับ ลูกนั้นเห็นจังหวะทำชิ่งกันมาเรื่อยๆ กองเชียร์ปืนใหญ่ก็แทบจะเฮล่วงหน้ากันไปเลย เพราะมันลงล๊อกมาก แต่พอ โจ ฮาร์ท เซฟลูกโทษของ เชส ฟาเบรกาส ได้เท่านั้นแหละ ใจแป๊วไปเหมือนกัน เข้าอีหรอบเดิมตอนที่ยิงลูกโทษพลาดแล้วทีมลงเอยด้วยการไม่ชนะ อย่างที่เคยพบกับ ซันเดอร์แ ลนด์ มาก่อนหน้านั้นแล้วนั่นแหละ


จนกระทั่งครึ่งหลังที่ อเล็กซ์ ซง อัดเต็มข้อโดยที่ไม่ต้องทำตะลิ๊ดติ๊ดชิ่งเพื่อเรียกคะแนนสวยงามเหมือนที่ผ่านมา แล้วศูนย์หน้าโคระทม เอ๊ย! โคนมอย่าง นิคลาส เบนด์ทเนอร์ ก็มายิงในแบบที่ไม่เคยเห็นเขาทำได้มาก่อนในชีวิต ทำให้ อาร์เซน่อล พบกับชัยชนะครั้งแรกในรอบ 10 เกมที่พบกับทีมใหญ่ และตรงนี้แหละคือสิ่งที่เรียกความมั่นใจให้กลับคืนมา


เด็กๆ ของ เวนเก้อร์ เติบโตขึ้นแล้ว? หรือว่านี่เป็นแค่ฟอร์มแบบประเดี๋ยวประด๋าว รุ่งเช้าก็ตื่นจากฝัน แม้แต่ตัว เวนเก้อร์ เองก็ยังตอบไม่ได้ครับ แต่ที่รู้ก็คือมันเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นแล้ว ในบางเกมเด็กปืนอาจจะเล่นได้ดีกว่า แต่สุดท้ายก็พ่าย เชลซี ไป 2-0 เป็นเรื่องที่อธิบายไม่ได้ในรูปของเกม หากพวกเราจะมองกันอย่างชาวบ้านๆ ก็คือเมื่อมีโอกาส เชลซี เขาไม่พลาด


ตรงนั้นอาจหมายความถึงคุณภาพของกองหน้า ความแน่นอนของการยิงประตูที่ อาร์เซน่อล อาจยังเทียบกับ เชลซี ไม่ได้ ทว่าชัยชนะเหนือ แมนฯ ซิตี้ เป็นเรื่องที่ต้องมองกันในแง่ดีด้วยว่า ในเมื่อพวกเขาเคยเอาชนะทีมที่เคยชนะ เชลซี มาแล้ว ดังนั้นการพบกับครั้งต่อไปความมั่นใจของ อาร์เซน่อล จึงเต็มเปี่ยม


เป็นอันว่าการแย่งแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนี้ ไม่ใช่เรื่องของ เชลซี กับ ผีแดง อย่างที่เคยเป็นเท่านั้นเพราะ อาร์เซน่อล ได้กลับเข้าสู่เส้นทางสู้อีกครั้งแล้วครับ


ศาธนันท์


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์