ต่างดาวโมโหอัดปืน10ตัวเละ 3-1

ปืนใหญ่อาร์เซนอลไปไม่รอดสันดอนอีกคำรบหลังเจอโคตรทีมต่างดาวอย่างบาร์เซโลน่าขึงเกมนวดยำใหญ่ทันทีที่โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ถูกไล่ออกก่อนเกมโอเวอร์ 3-1 โดยเลโอเนล เมสซี่เหมาสองเม็ดรวมผลสองนัดชนะ 4-3 ตบเท้าเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายแชมเปี้ยนส์ลีกสมใจหมาย

ฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดสอง

วันอังคารที่ 8 มีนาคม 2554


บาร์เซโลน่า 3 : 1 อาร์เซน่อล
(รวมผลสองนัด บาร์เซโลน่าเข้ารอบด้วยประตูรวม 4-3)

สนาม : คัมป์ นู

ประตู : 1-0 ลิโอเนล เมสซี่ น.45+3, 1-1 เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ (ทำเข้าประตูตัวเองน.52), 2-1 ชาบี เอร์นานเดซ น.68, 3-1 ลิโอเนล เมสซี่ (จุดโทษ น.71)




บาร์เซโลน่ามีสถิติที่ดีเยี่ยมยามเล่นแชมเปี้ยนลีกส์ที่คัมป์ นูเมื่อซิวชัยชนะมา 7 เกมติดต่อกันขณะที่อาร์เซน่อลกลับทำผลงานได้ย่ำแย่เมื่อต้องออกไปเยือนโดยแพ้ไป 5 จาก 6 เกมหลังสุด

เป๊ป กวาร์ดิโอล่าเทรนเนอร์บาร์ซ่าต้องขาดคาร์เลส ปูโยลและเคราร์ด ปีเก้สองปราการหลังคนสำคัญไปด้วยอาการบาดเจ็บที่เข่าและติดโทษแบนตามลำดับทำให้ต้องถอยเซร์คิโอ บุสเก็ตส์ลงมาจับคู่กับเอริค อบิดัลแทนซึ่งเป็นเพียงหนที่สองเท่านั้นที่ทั้งคู่ประสานงานกัน

อย่างไรก็ตามแนวรุกยังประกอบด้วยสามประสานอย่างลิโอเนล เมสซี่,เปโดร โรดริเกวซและดาบิด บีญ่าโดยทั้งหมดกดในลีกรวมกันไป 57 ประตูและมีชาบี เอร์นานเดซกับอันเดรส อิเนียสต้า เป็นตัวปั้นเกมในแดนกลาง

อาร์แซน เวนเกอร์กุนซือเดอะ กันเนอร์สไม่มีอเล็กซ์ ซง, ธีโอ วัลค็อตต์,โธมัส แฟร์มาเล่นและลูคัส ฟาเบียนสกี้ที่ยังเดี้ยงทั้งหมดแต่ได้เชส ฟาเบรกาสกลับมาลงสนามทำเกมร่วมกับแจ็ค วิลเชียร์โดยมีโรบิน ฟาน เพอร์ซี่ยืนเป็นกองหน้าตัวเป้าขณะที่อังเดร อาร์ชาวินเฝ้ารอโอกาสอยู่ข้างสนาม

ครึ่งแรก

เปโดรเกือบได้ซัด
เกมบิ๊กแมทช์ประจำรอบ 16 ทีมเป็นทางบาร์เซโลน่าที่เคาะบอลหาช่องบุกใส่อาร์เซน่อลแต่ผู้เล่นของทีมเยือนใช้การเพรสซิ่งเข้าใส่เมื่อบอลรุกคืบเข้ามาในแดนของตัวเองจนทำให้บาร์ซ่าอึดอัดไปเล็กน้อยก่อนที่นาที 3 ชาบีจ่ายบอลข้ามแนวรับให้เปโดรดูดบอลลงด้วยซ้ายก่อนสับไกยิงด้วยขวาแต่กอสซิเอลนี่มาบล็อกออกหลังได้ทัน

กอสซิเอลนี่อย่างนิ่ง
เดอะกันเนอร์สมาเล่นแบบละเอียดทุกช็อตแต่เจอกับทัพต่างดาวที่เห็นรูเป็นเข้าทำไม่ได้ก็เกือบเสียทีเช่นกันในนาที 12 เมสซี่ตัดบอลได้จากกลางสนามก่อนลากจี้เข้าเขตโทษเกือบจะได้ยิงอยู่แล้วแต่กอสซิเอลนี่ที่ช่วงแรกคุมแนวรับได้ดีเหลือเกินก็มาเบียดแย่งบอลไปได้อีก

เชสนี่เจ็บ!อัลมูเนียแทน
นาที 18 ทีมเยือนต้องมาเสียเชสนี่มือกาวดาวรุ่งไปด้วยอาการบาดเจ็บที่นิ้วหลังรับลูกยิงฟรีคิกตีนระเบิดของอัลเวสเข้าไปอย่างจังจนต้องส่งเอาอัลมูเนียลงมาประจำการแทนนับเป็นส้มหล่มสำหรับนายด่านจอมเก๋ารายนี้ที่ช่วงหลังแทบไม่ได้ลงสนามเลย

ระวัง!เมสซี่เริ่มดุแล้ว
ช่วงกลางครึ่งแรกแม้ปืนใหญ่จะบีบไม่ให้เมสซี่ได้มีพื้นที่ได้เล่นบอลมากนักแต่หลังจากที่เจ้าของรางวัลบัลลงดอร์ถูกฟาน เพอร์ซี่ย่ำไปที่หน้าแข้งเจ้าตัวก็ดูจะเล่นด้วยความดุดันมากขึ้นจนมีโอกาสพาบอลมุดเข้าไปป้วนเปี้ยนหน้าปากประตูทีมเยือนอยู่บ่อยครั้งซึ่งไม่ใช่เรื่องดีเลยสำหรับอาร์เซน่อล

อาเดรียโน่เติมไปอัดชนเสา
อาซูลกราน่ายังพับสนามบุกอยู่ข้างเดียวโดยที่อาร์เซน่อลแทบไม่ได้พาบอลโต้ขึ้นมาเลยและในนาที 35 เมสซี่พาบอลลากจี้เข้าเขตโทษก่อนจ่ายให้บีญ่าทางฝั่งซ้ายซึ่งเจ้าตัวก็ดึงบอลรอจังหวะไว้ก่อนไหลไปให้อาเดรียโน่ที่วิ่งอ้อมหลังเติมขึ้นมาเข้าไปยิงมุมแคบแต่บอลไปชนเสาอย่างจัง

มาม่าร้อนๆมาแล้ว
เกมในช่วงท้ายครึ่งแรกเดอะ กันเนอร์สเริ่มทำเกมรุกขึ้นมาต่อกรทีมต่างดาวบ้างแต่ดูเหมือนเกมจะเริ่มเดือดหลังมาสเคราโน่ไปสกัดวิลเชียร์จนเจ็บต่อเนื่องมาถึงฟาน เพอร์ซี่ไปถูกอบิดัลขย้ำคอหอยพอเกมดำเนินต่อหัวหอกชาวดัตช์ก็เอามือไปผลักหน้าอัลเวสดื้อๆซ่ะงั้นเพราะยังอารมณ์ค้างอยู่สุดท้ายผู้ตัดสินเลยแจกใบเหลืองให้ไปสงบสติอารมณ์

เมสซี่สุโค่ยยยยยย!บาร์ซ่านำ 1-0
อย่างไรก็ตามในช่วงทดเวลาบาดเจ็บความได้เปรียบได้สวิงกลับมาอยู่ฝั่งเจ้าบ้านเมื่ออิเนียสต้ามิดฟิลด์เด็กวิทย์ลากบอลเข้าหาเขตโทษก่อนง้างไกทำเหมือนจะยิงแล้วไหลต่อให้เมสซี่หลุดเข้าไปทางขวาแบบเดี่ยวๆก่อนงัดบอลหลบอัลมูเนียแล้ววอลเล่ย์ด้วยอีซ้ายเข้าประตูไปสุดเหนือชั้นสมราคาเจ้าพ่อต่างดาวให้อาซูลกราน่าขึ้นนำก่อนจบครึ่งแรก 1-0 ประตูรวมสองนัดเสมอ 2-2 แต่เป็นบาร์เซโลน่าที่ได้เปรียบจากกฎอเวย์โกล

ครึ่งหลัง

บาร์ซ่าเงิบ!บุสเก็ตส์โขกจมตาข่าย
กลับมาเล่นครึ่งหลังก็มีประตูเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเพียงแค่นาที 52 เมื่อบุสเก็ตส์ลอยตัวขึ้นโขกลูกเตะมุมตุงตาข่ายแต่...เอ๊ะ นั้นมันประตูตัวเองนิหว่า งานเลยเข้าทางบาร์ซ่าเพราะไม่ใช่การถูกตีเสนมอธรรมดาๆแต่มันยังเพิ่มภาระให้พวกเขาต้องยิงอีกสองประตูถึงจะพลิกกลับมาเอาชนะได้

บีญ่าบุกยิงเผาขนอัลมูเนีย
แต่พอเขี่ยบอลเล่นต่อบาร์เซโลน่าเกือบตีเสมอทันควันเมื่อบีญ่ากระชากบอลเข้าไปในเขตโทษแต่เขาแตะบอลยาวไปพอตอนยิงเลยอัดไปติดเซฟของอัลมูเนีย

เวนเกอร์วีน!เพอร์ซี่แดง
ดราม่ามาแล้วจ้าแฟนss เมื่อในนาที 55 ดาวยิงอารมณ์ร้อนอย่างฟาน เพอร์ซี่โดนใบเหลืองที่สองเท่ากับใบแดงไล่ออกจากสนามจากจังหวะที่ไปเตะบอลต่อในตอนที่ผู้ตัดสินเป่าเป็นลูกล้ำหน้าแล้วก็ไม่รู้ว่าจริงๆแล้วเขาได้ยินเสียงนกหวีดแล้วหรือเปล่า

อัลมูเนียเซฟอีกแล้ว
พอเสียประตูไปแต่โชคดีที่คู่แข่งเหลือสิบคนอาซูลกราน่าเลยโหมบุกอย่างกับฉลามได้กลิ่นคาวเลือด นาที 57 จากการต่อบอลเร็วบุกเข้าไปในเขตโทษบอลหลุดไปที่บีญ่าทางด้านซ้ายแต่ก็ยังกระทุ้งไปติดเซฟของอัลมูเนียที่ดันมาเหนียวหนึบในจังหวะสำคัญพอดี

บีญ่ายังไม่คม
นาที 66 โอกาสของบาร์ซ่ามาอีกแล้วเป็นเมสซี่ที่แทงบอลให้บีญ่าสลัดตัวประกบหลุดเข้าไปซัดในเขตโทษแต่อัลมูเนียยังปราดออกมาเร็วบล็อกได้ทันบอลเลยกระดอนออกหลัง

ชาบีซัดอย่างนิ่ง!บาร์ซ่าแซง 2-1
อีก 2 นาทีถัดมาความพยายามของเจ้าบ้านก็มาประสบผลสำเร็จเมื่ออิเนียสต้าพาบอลกระชากแหวกผู้เล่นอาคันตุกะเข้ามาหน้าเขตโทษก่อนป้ายต่อไปให้บีญ่าแปะจังหวะเดียวสู่ชาบีที่ครองบอลรอจังหวะนิดนึงแล้วซัดไปแฉลบซานญ่าผ่านอั้ลมูเนียเข้าประตูไป

เมสซี่สอยจุดโทษ!ต่างดาวยิ้ม 3-1
เท่านั้นไม่พอในนาที 71 ชาบีจ่ายบอลให้เปโดรหลุดเข้าไปในเขตโทษแต่กอสเซียลนี่ดันยื่นขาไปดักจนเด็กปั้นต่างดาวล้มหัวทิ่มผู้ตัดสินไร้ทางเลือกเป่านกหวีดเป็นจุดโทษแต่ยังปราณีไม่แจกใบเหลืองที่สองให้ปราการหลังเลือดเฟรนช์แล้วก็เป็นเมสซี่ที่ยิงจุดโทษคมกริบไปทางมุมล่างขวาเสียบโคนาเสาให้ทีมทิ้งห่างเป็น 3-1

อัลมูเนียเซฟอีกดอกป้องกันเมสซี่
ต่างดาวยังโหดไม่เลิกเมื่อบุกต่อหวังยิงทิ้ง่างและในนาที 78 เมสซี่ได้ลุดทะลุเข้าไปทางฝั่งขวาก่อนอัดไปติดซูเปอร์เซฟของอัลมูเนียที่วันนี้เหนียวได้ใจส่วนลูกที่เสียไปมันจนปัญญา

อเฟลลายลงมาซัดติดเซฟสองครั้ง
หลังจากนั้นเป็ปตัดสินใจส่งอเฟลลายลงมาลุยแทนบีญ่าและในนาที 82 เจ้าตัวก็กระชากบอลหนีฌูรูเข้าไปยิงทางด้านซ้ายของประตูแต่เหมือนเคยอัลมูเนียป้องกันไว้ได้ และอีก 4 นาทีถัดจากนั้นอเฟลลายก็มีโอกาสกระทุ้งในเขตโทษอีกดอกแต่ผลเมือนเดิมคือไม่ผ่านมืออัลมูเนีย

จบเกมบาร์เซโลน่าพิฆาตอาร์เซน่อลไปอย่างสุดระทึก 3-1 เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายต่อไป

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

บาร์เซโลน่า :
บิคตอร์ บัลเดส, ดาเนียล อัลเวส, เซร์กิโอ บุสเก็ตส์, เอริก อบิดาล, อาเดรียโน่ กอร์เรอา, ชาบี เอร์นานเดซ, ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ (เซย์ดู เกอิต้า น.88), อันเดรส อิเนียสต้า, เปโดร โรดริเกวซ, ลิโอเนล เมสซี่, ดาบิด บีญ่า (อิบราฮิม อเฟลลาย น.81)

ผู้จัดการทีม : โจเซฟ กวาร์ดิโอล่า

อาร์เซน่อล : วอยเซ็ค เชสนี่ (มานูเอล อัลมูเนีย น.18), บาการี่ ซานญ่า , โลร็องต์ กอสซิแอลนี่ , โยฮัน ฌูรู, กาแอล กลิชี่, อาบู ดิยาบี้, แจ็ค วิลเชียร์ , โธมัส โรซิคกี้ (อังเดรอาร์ชาวิน น.73), เชส ฟาเบรกาส (นิคลาส เบนด์ทเนอร์ น.77), ซาเมียร์ นาสรี่, โรบิน ฟาน เพอร์ซี่

ผู้จัดการทีม : อาร์แซน เวนเกอร์


























 

















เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์