[บทความ] อาถรรพ์??,


ถ้าพูดถึงทีมอาร์เซนอลคุณคิดถึงอะไรกันครับ??

อาจจะมีหลายๆเสียงตอบกลับมาว่านึกถึง “สไตล์การเล่นที่สวยสดงดงาม ปานหญิงสาวผู้ได้มงกุฎมิสยูนิเวิร์สก็มิปาน” บ้างก็คงนึกถึง “การซื้อนักเตะโนเนมประเภทโคลนตม มาเจียรไนให้เป็นโคตรเพชรมูลค่าอภิมหาศาล” บ้างก็บอกว่าคิดถึง “ปรมาจารย์สายเลือดเฟรนช์ ผู้น้อมรับความท้าทายด้วยการนำนาวาทีมที่จำต้องรัดเข็มขัดเพื่อก่อร่างสร้างตนเพื่ออนาคต” และคงได้ยินอีกหลายต่อหลายคำตอบ

แต่สำหรับผมคิดถึง “อาถรรพ์” หลายต่อหลายคนคงเลิกคิ้วสงสัยด้วยความงุนเง็ง ว่าทำไมถึงคิดถึง “อาถรรพ์” กันละนั่น (วะ?)

จริงๆไอ้คำว่า “อาถรรพ์” ที่เกล้ากระผมเอ่ยถึง มันก็คือ “อาการบาดเจ็บ” นั่นต่างหาก และด้วยการที่นักเตะอาร์เซน่อลคนแล้วคนเล่าต้องลงเปลกลับไปนั่งคุยกับนางพยาบาลเป็นว่าเล่น จนทำให้เส้นทางลุ้นแชมป์ต้องพังครืนไปต่อหน้า ปีแล้วปีเล่า นั่นเป็นเพราะสาเหตุนี้นั่นแล

นักเตะหลายต่อหลายคนตกเป็นเหยื่ออันโอชะของไอ้เจ้าอาถรรพ์ที่ว่า ไม่ว่าจะเป็น ดูดู้ ดา ซิลวา อดีตกองหน้าของทีมจอมอาภัพ ฤาจะเป็น อารอน แรมซี่ย์ มิดฟิลด์ดาวรุ่งขวัญใจแม่ยก และล่าสุดคือพ่อหนุ่ม “ขวาตาข่ายขาด” ธีโอ วัลค็อต ดาวรุ่งสัญชาติอังกฤษ


อาการบาดเจ็บเป็นอาถรรพ์กับอาร์เซน่อลจริงๆหรือ????

หากมองกันในแง่วิทยาศาสตร์ คำว่าอาถรรพ์ มันเป็นแค่คำกล่าวหาเพื่อโยนความผิดให้แพะสักตัวหนึ่ง เพื่อให้ความสบายใจบังเกิดขึ้น และแพะตัวนั้นในหมู่สาวกกูนเนอร์สมีชื่อว่า “อาถรรพ์” ตัวนี้นี่เองแหล่ะครับ เพราะหากมองกันด้วยตาเปล่าสิ่งที่ทำให้อาการบาดเจ็บของนักเตะขุนพลปืนใหญ่เมื่อยามที่ทีมกำลังมีลุ้นนั่นเป็นเพราะ “สไตล์การเล่น”

ผมไม่ได้บอกว่าสไตล์การเล่นของโปรเฟสเซอร์ เวนเกอร์ ผิดพลาด หรือว่ามันคือต้นเหตุของอาการบาดเจ็บของอาร์เซน่อลทั้งหมดหรอกขอรับที่รัก แต่ที่ผมกำลังจะกล่าวโทษนั่นคือ สรีระร่างกายของนักเตะในทีมต่างหากเล่า หากคุณสังเกตุสังกากันให้ดีๆ นักเตะอาร์เซน่อลมักจะเป็นนักเตะไซส์เล็ก ซึ่งจะต่างนักเตะทีมคู่แข่งขันเป็นอันมาก

แม้ว่านั่นจะเป็นจุดเด่นของทีม แต่ก็เป็นจุดเด่นที่ในบางครั้งก็ต้องแลกด้วยมูลค่ามหาศาลเพราะการขาดหายไปของนักเตะคนสำคัญของทีม และจะด้วยเพราะสไตล์การเล่นอันสวยงามหรือเปล่าก็มิทราบได้ ที่ทำให้ปรมาจารย์บุรุษลิ้นเปื้อนไวน์ จึงควานหาแต่นักเตะไซส์ M เพื่อความคล่องตัวในการเล่นในพื้นที่แคบๆ และการต่อบอลเท้าสู่เท้าอันว่องไวปานซุน หงอคง

และเมื่อนักเตะไซส์ M มาเจอกับโคตรยักษ์อย่างพวกกองหลังของทุกๆทีมที่เหลือ มันก็เปรียบเสมือนจักรยานบวกกับรถบรรทุกนั่นแลคุณ สภาพศพมันจะเหลืออะไรกันเล่า

ผมว่าคนที่สมควรโดนตำหนิที่สุดนอกเหนือจากเวนเกอร์ (ซึ่งควรจะต้องโดนเป็นคนแรก) บุคคลผู้นั้นคือ โทนี่ โคลเบิร์ต ทีมสตาฟท์ผู้ดูแลทางด้านฟิตเนสโดยตรง เพราะผมคิดว่าหากนักเตะมีความแข็งแกร่งทางด้านร่างกายเพิ่มขึ้นก็จะส่งผลดีต่อเนื่องไปทำให้ศักยภาพของเกมส์สูงขึ้นเป็นเงาตามตัว

ผมมิได้พูดจาโดยปราศจากเหตุผลมารองรับนะครับ หากคุณลองนั่งไทม์แมชชีนความทรงจำย้อนกลับไปเมื่อสมัยผีแดงยังมีคริสเตียโน่ โรนัลโด้ดูสิ ปีแรกๆที่เจ็ทโด้เข้ามา เขาคือนักเตะขี้ก้างผู้สับขาหลอกในอัตราไม่ต่ำกว่า 200 ครั้ง/วินาที
(haha) แถมแค่โดนโคตรกองหลังน้องๆยักษ์ออกแรงกระแทกแค่นิ้วผลักโด้ก็ล้มกลิ้งคะมำไม่เป็นท่า

แต่เมื่อหลังจากจบฤดูกาลนั้น เขานำสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นบทเรียนมาสอนตัวเอง หรือเป็นเพราะปรมาจารย์แพนด้าเล็งเห็นก็มิอาจทราบจึงสั่งทีมสต๊าฟท์ให้ฟิตรูปร่างโด้สับให้มีแต่กล้ามเนื้อ ผลเป็นเช่นใด? คงมิต้องอรรถาธิบายกันซ้ำ เพราะค่าตัวอันเป็นสถิติโลกมันฟ้องศักยภาพในตัวมันเองอยู่ทนโท่

ย้อนกลับมาสู่อาร์เซน่อลกันต่อ หากกุนซือนามอุโฆษ อาร์แซน เวนเกอร์ต้องการจะแก้ปัญหาอาการบาดเจ็บที่กำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ มิใช่การทำบุญสนามเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม หรือการผูกดวงเสริมชะตาอะไรทั้งสิ้น (จะบ้าเรอะตัวเธอใครจะมาทำฟระ!!!)

แต่สิ่งเดียวที่ต้องทำเพิ่มคือการเพิ่มกล้ามเนื้อให้นักเตะไซส์ M แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม เมื่อยามปะทะความเสี่ยงต่ออาการบาดเจ็บก็จะลดลง ยกเว้นกรณีที่โดนเข้าปะทะหนักหน่วงและจงใจจากฝ่ายตรงข้ามจริงๆ

หากเวนเกอร์เล็งเห็นและเฉลียวจิตคิดถึงแง่มุมนี้สักนิด ผมคิดว่าศักยภาพการลุ้นแชมป์ของทีมจะสูงขึ้น จะคงเส้นคงวาขึ้น อาจจะถึงขั้นยืนบนจุดสูงสุดเมื่อฤดูกาลสิ้นสุดก็เป็นได้ และผมเชื่อว่านั่นเป็นสิ่งที่กูนเนอร์สทุกผู้ทุกนามอยากเห็นและอยากได้ยินว่าอาร์เซน่อลเป็นแชมป์ มากกว่าจะมานั่งฟังข่าวต่อเนื่องว่านักเตะคนนี้เจ็บและต้องคอยลุ้นกันตัวโก่งว่า


ใครจะเป็นรายต่อไป!!!!!

http://ohokid.com/board2/index.php?showtopic=13594

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์