ปืนกลับมาแล้วววว !!! ดิยาบี้โขกชัยนำปืนเฉือนหงส์ 1-0 ไล่ผี 5 แต้ม

ดิยาบี้โขกชัยนำปืนเฉือนหงส์ 1-0 ไล่ผี 5 แต้ม



อาบู ดิยาบี้ โขกพังประตูชัยให้ “ปืนใหญ่” อาร์เซนอล เฉือนเอาชนะ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ได้อย่างหวุดหวิด 1-0 สปีดตัวเองกลับมาอยู่ในเส้นทางการลุ้นแชมป์อีกครั้งอย่างไม่เป็นทางการ




ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก (10 ก.พ.53) อาร์เซนอล 1-0 ลิเวอร์พูล


สนาม: เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม

ประตู: 1-0 ดิยาบี้ นาทีที่ 70



ปืนใหญ่ อาร์เซนอล ลงสนามทำศึกสำคัญกับ หงส์แดง? ลิเวอร์พูล โดยมีเดิมพันโอกาสลุ้นแชมป์ของเจ้าบ้าน ขณะที่ทีมเยือนก็ต้องการรักษาตำแหน่งอันดับ 4 เอาไว้ในเวลานี้



เกมนี้ออกสตาร์ทมาค่อนข้างสูสีทั้งสองทีมเล่นกันได้อย่างรัดกุมไม่มีท่าทีจะ ผลีผลามง่ายๆทำให้เกมในช่วงแรกค่อนข้างที่จะตันพอสมควร แต่ก็มีจังหวะเสียวของทีมเยือนที่ได้เปิดฟรีคิกเข้าไปกดดันตั้งแต่นาทีที่ 4 แต่บอลจาก เจอร์ราร์ด โดนสกัดออกไปได้



ลิเวอร์พูล พยายามใช้การเพรสซิ่งบีบไม่ให้ อาร์เซนอล ตั้งเกมได้ง่ายๆทำให้เป็นเกมที่สู้กันในแดนกลางตลอด แต่ อาร์เซนอล ก็ค่อยๆทำได้ดีขึ้นเรื่อยๆเมื่อพ้น 20 นาทีแรกไป และน่าจะได้ประตูนำจากจังหวะที่ อาร์ชาวิน โดนแหย่ขาสกัดบอล ลูกไปเข้าทาง เบนดท์เนอร์ หลุดเดี่ยวเข้าเขตโทษไปแล้วแต่ใจร้อนวางเท้ายิงไม่ดีเหินข้ามคานออกไป



ต่อมาก็มีจังหวะที่ ซง ได้ซัดในเขตโทษอีกแต่ติดบล้อก แต่หลังโดนบี้หนักอยู่หลายนาที ลิเวอร์พูล ก็ตั้งหลักได้เหมือนกัน และมีโอกาสด้วยจากมักซี่ ที่ได้ตั้งป้อมซัดตรงใกล้เส้นกรอบเขตโทษระยะ 16 หลา แต่ไปติดบล็อกของ แฟร์มาเลน ข้ามคานออกไป



นาทีที่ 32 ลิเวอร์พูล เกือบเสียท่า เมื่ออินซัว ดันหวงบอลเลาะตัดเข้าเขตโทษก่อนจะแปะให้ ลูคัส พยายามเตะสกัดช่วยออกมาแต่ก็ไม่พ้นอันตรายสุดท้ายเป็น อาร์ชาวิน ได้ลองยิงไกลระยะ 25 หลาข้ามคานออกไป



ถัดมา เวนเกอร์ ถอด นาสรี่ ที่มีอาการบาดเจ็บออกและให้ โรซิคกี้ ลงมาแทน ก่อนที่เกมจะกลับมาเป็นทางเจ้าบ้านที่ทำได้ดีกว่าอีกครั้งเพราะ ลิเวอร์พูล ตั้งเกมไม่ติดแนวรุกไม่สามารถสร้างความกดดันได้ แต่ในเกมรับก็ยังทำได้ดีทำให้ที่สุดแล้วยื้อรักษาสกอร์ 0-0 ได้จนจบครึ่งแรก



ครึ่งหลังเกมดูเปิดมากขึ้นตั้งแต่เริ่มกลับมาเล่นกันใหม่ และมีจังหวะเสียวๆของ อาร์ชาวิน ที่เปิดยัดเสาแรกไปเข้าหน้าต่างแบบได้ครางฮือ ก่อนที่ ลิเวอร์พูล จะตอบโต้กลับด้วยจังหวะการเติมของ ลูคัส หลุดเข้าเขตโทษก่อนซัดด้วยขวาบอลข้ามคานออกไป



เกมแลกกันอย่างสนุกเรียกว่าแลกหมัดกันเลยเมื่อหงส์แดงได้สวนกลับ เจอร์ราร์ด จ่ายให้เอ็นโก หลุดเข้าเขตโทษไปแล้วแต่จังหวะสุดท้ายโดน กัลลาส ตามมาสกัดได้ทันเส้นยาแดงผ่าแปด ส่วนอาร์เซนอล เสียวไม่แพ้กันเมื่อ เซสก์ จ่ายให้ โรซิคกี้ ทะลุเข้าในเขตโทษแต่เลี้ยงยาวเกินไปก็เลยไม่ได้ยิง



ต่อมา ราฟา ก็ถอดเอา คาร์ราเกอร์?ออกให้ เดเก้น ลงไปแทน ทำให้ อาร์เซนอล ฉวยจังหวะขึงเกมใส่ทันทีและมีจังหวะได้ลุ้นด้วยเมื่อ เบนดท์เนอร์ ลากตัดมาและพยายามจ่ายให้เพื่อนแต่ติดแอกเกอร์? บอลยังกลับมาเข้าทางเบนดท์เนอร์ ได้ซัดด้วยซ้ายอีกที ลูกผ่านเรน่า ไปแล้วแต่ก็โดนดักเอาไว้ได้



อาร์เซนอล ยังมีจังหวะต่อบอลน่ากลัวๆให้เห็นบ้างซึ่งก็มีจังหวะที่ เบนดท์เนอร์ ไหลให้ โรซิคกี้ วิ่งมาตะบันด้วยขวาบอลพุ่งข้ามคานออกไป



กันเนอร์ส บุกอย่างไม่ย่อท้อและถึงนาทีที่ 70 ก็มาได้ประตูขึ้นนำที่ต้องการเมื่อโหมเกมรุกขึ้นมา โรซิคกี้ เติมไปทางขวาก่อนจะเปิดเข้ามาที่จุดนัดพบให้ดิยาบี้ เทคตัวโขกเหน่งๆเข้าไปให้อาร์เซนอลนำ 1-0



หลังจากนั้น ลิเวอร์พูล เปลี่ยนแท็คติกส์มาเน้นบุกเพื่อเอาคืนทันที ส่ง บาเบิล ลงมาแทน ลูคัส เพื่อเติมเกมรุกซึ่งก็ดูดีขึ้นเล็กน้อยแต่พื้นที่สุดท้ายก็ยังเล่นกันอย่าง สะเปะสะปะเหมือนเดิม แตกต่างจากเจ้าบ้านที่เติมมาทีไรก็ได้เสียวตลอด เช่น ลูกที่ เซสก์ เติมมาซัดในเขตโทษก็ถือว่าได้ลุ้นทีเดียว



แต่นาทีที่ 85 หงส์แดงก็มีจังหวะใกล้เคียงที่สุดในเกมเมื่อ บาเบิล พลิกบอลได้แถวระยะ 30 หลาก่อนจะลากบอลมาอัดเต็มข้อด้วยขวาลูกพุ่งเป็นจรวดโดนอัลมูเนีย ใช้ปลายนิ้วสะกิดบอลแต่ก็ยังไปชนคานดังสนั่น



ทีมเยือนชักได้ใจบี้หนักอีก 2 นาทีก็ได้ลูกเตะมุมที่โดนสกัดออกมา เดเก้น โขกสวนเข้าไปถึง มักซี่ ได้หมุนตัวยิงตรงจุดโทษแต่บอลเบาและตรงตัว อัลมูเนียอีก แต่จากนั้นก็ไม่สามารถบี้จนอยู่หมัด สุดท้ายก็พ่ายต่อกันเนอร์สไปอีกครั้งด้วยสกอร์ 1-0



รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม


อาร์เซนอล: มานูเอล อัลมูเนีย, เอ็มมานูเอล เอบูเอ้, วิลเลียม กัลลาส, โธมัส แฟร์มาเลน, กาแอล กลิชี่, เซสก์, อเล็กซ์ ซง, อาบู ดิยาบี้, ซามีร์ นาสรี่ (โทมัส โรซิคกี้ 33) , นิคลาส เบนดท์เนอร์ (บาการี่ ซาญ่า 81) , อังเดร อาร์ชาวิน (ธีโอ วัลค็อตต์ 67)



ลิเวอร์พูล: โฆเซ่ เรน่า, เจมี่ คาร์ราเกอร์ (ฟิลิปป์ เดเก้น 54) , มาร์ติน สเคอร์เทล, ดาเนี่ยล แอกเกอร์, เอมิเลียโน่ อินซัว, ลูคัส (ไรอัน บาเบิล 78) , ฮาเวียร์ มาสเชราโน่, เดิร์ค เคาท์, สตีเว่น เจอร์ราร์ด, มักซี่, ดาวิด เอ็นโก


ผู้ตัดสิน: ฮาวเวิร์ด เว็บบ์



ขอขอบคุณข้อมูลจาก : MSN ฟุตบอล วันที่ : 2/11/2010 5:20:56 AM

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์