ปืนเชือดหงส์2-1ลิ่วรอบ5คาร์ลิ่งคัพ

"ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล เปิดรังเชือด "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ไปแบบสุดมัน 2-1 ในเกมคาร์ลิ่ง คัพ รอบสี่ เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา

อัลเบร์โต้ อาควิลานี่ เปลี่ยนตัวลงมาเล่นเป็นนัดแรก แต่ไม่สามารถช่วยทีมได้

ฟุตบอลคาร์ลิ่ง คัพ รอบสี่

อาร์เซน่อล (พรีเมียร์ลีก) 2 - 1 ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ลีก)

สนาม : เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม

เจ้าบ้าน อาร์เซน่อลใช้งานซามีร์ นาสรี่กับเอดูอาร์โด้ ดา ซิลวาที่หายเจ็บลงเล่นเป็นตัวจริงโดยมีมิกาแอล ซิลแวสตร์สวมบทกัปตัน

ส่วนลิเวอร์พูลมอบปลอกแขนให้เดิร์ก เคาท์สวม และมีดาวิด เอ็นก๊อกที่พังประตูปิดท้ายในเกมแดงเดือดได้ออกสตาร์ตในโผ 11 ตัวแรก ขณะที่อัลแบร์โต้ อาควิลานี่มีชื่อเป็นตัวสำรอง

หงส์แดงเริ่มบุกเข้าหาก่อน และได้เสียวในนาทีที่ 3 เมื่ออังเดร โวโรนินแทงบอลออกกราบขวาโดยมีเอ็นก๊อกสาดเข้าเขตโทษอีกที แต่เคาท์ตามไปวอลเลย์จาก 14 หลาไม่เต็ม ทำให้บอลทะลักออกนอกกรอบ

จากนั้นในนาทีที่ 9 ทีมเยือนก็ทิ้งโอกาสทองไปจากจังหวะที่โวโรนินลงต่ำไปล้วงบอลแถวแดนกลางแล้วไหลทะลุช่องให้เอ็นก๊อกควบขึ้นกราบขวา ดาวเตะเมืองน้ำหอมจึงตอกส้นเข้าเขตโทษโดยมีฟิลิป เดเก้นหลุดไปโล่งๆคนเดียวแต่กลับซัดเรียดจาก 14 หลาออกเสาไกลไปอย่างไม่น่าเชื่อ

กระทั่งนาทีที่ 17 อาร์เซน่อลก็ลุยขึ้นมาทางฝั่งซ้ายแล้วทำชิ่งกันเป็นทอดๆเริ่มตั้งแต่คีแรน กิ๊บบส์จ่ายให้ดา ซิลวาแทงเข้าเขตโทษชนิดที่กองหลังหงส์ตามไม่ทันแล้ว แต่สุดท้ายนิคลาส เบนท์เนอร์กลับเกี่ยวบอลสะดุดเท้า จึงหมดสิทธิ์สับไกถูกดีเอโก้ คาวาเลียรี่ตามมาตะครุบซะก่อน

ถึงกระนั้น อีกสองนาทีให้หลัง แฟนปืนใหญ่ก็ได้เฮกันลั่นจากลูกทุ่มด้านขวาของเคียร์เรีย กิลเบิร์ตที่โวโรนินเก็บได้แล้วคอนโทรลบอลแย่ เลยถูกเคร็ก อีสต์มอนด์แย่งไปจ่ายให้ฟราน เมริด้าซัลโวจากเส้นเขตโทษส่งบอลพุ่งเข้าเสียบเสาแรกงดงามเป็นสกอร์นำ 1-0 ของเจ้าบ้าน

โดยรวมแล้ว เกมของลิเวอร์พูลไม่เป็นรอง ในที่สุดนาทีที่ 26 ก็ทวงคืนได้สำเร็จเมื่อไรอัน บาเบิ้ลจ่ายบอลให้เฟเดริโก้ อินซัวพักอกหน้าเขตโทษ แล้วกองหลังอาร์เจนไตน์ได้โอกาสสับไกลูกใบไม้ร่วงจาก 20 หลาหลังเห็นว่าลูคัส ฟาเบียนสกี้ออกมานอกเส้นประตูเยอะจึงกระโดดปัดไม่ถึงส่งผลให้ทีมจากเมอร์ซีย์ไซต์ตีเสมอเป็น 1-1

พอเสียหาย เจ้าบ้านก็เล่นกันได้เหนือกว่า และมีลุ้นในนาทีที่ 37 จากจังหวะที่เบนท์เนอร์ตะบันยัดไส้เข้าใส่มุมแคบในเขตโทษด้านขวา ทว่าบอลพุ่งเข้าอกคาวาเลียรี่

นาทีที่ 43 ทีมเมืองกรุงน่าจะขึ้นนำจากลูกเตะมุมด้านซ้ายที่คาวาเลียรี่ออกมาคว้าพลาดแล้วมีจังหวะชุลมุนอยู่นานก่อนที่เบนท์เนอร์จะได้กลับตัวยิง แต่ส่งบอลไปเข้าซองนายทวารหงส์พอดี ครบ 45 นาทีแรกทั้งสองทีมจึงเจ๊ากันที่ 1-1

ครึ่งหลัง อาร์เซน่อลมาคลำเป้าเพิ่มจนได้ในนาทีที่ 50 เมื่อเมริด้ากระชากบอลขึ้นกราบซ้ายแล้วป้ายเข้าเขตโทษให้เบนท์เนอร์แตะหนีมาร์ติน สเคอร์เทลเข้าไปเข่นระยะแปดหลาเสยเพดานเสาแรกพาอาร์เซน่อลขยับนำ 2-1

หงส์แดงยังไม่ยอมยกธง และเกือบทวงคืนได้ในนาทีที่ 55 จากการเลี้ยงบอลขึ้นมาของโวโรนินแล้วทำชิ่งสองรอบกับเดเก้นก่อนที่กองหน้ายูเครนจะสับไกจาก 14 หลาเฉี่ยวเสาไกลออกไป

เกมเป็นไปอย่างสนุก ไม่มีเตะถ่วงให้เสียเวลาด้วยกันทั้งสองฝ่าย จวบจนนาทีที่ 66 ลิเวอร์พูลก็เกือบได้ประตูอีกหนจากจังหวะที่นาสรี่ทำฟาวล์เสียฟรีคิกระยะ 30 หลาหน้าเขตโทษด้านซ้าย โวโรนินจึงเขี่ยให้ไรอัน บาเบิ้ลวิ่งเข้าส่องลูกเรียดถูกฟาเบียนสกี้ตะปบที่เสาแรกได้ทัน

เร้ด แมชีนเปลี่ยนผู้เล่นก่อนในนาทีที่ 75 โดยส่งยอสซี่ เบนายูนลงไปพลิกสถานการ์แทนเอ็นก๊อก ขณะที่เจ้าบ้านใช้งานซานเชซ วัตต์กับมาร์ค แรนดอลล์แทนเบนท์เนอร์กับอีสต์มอนด์

จากนั้นอีกสองนาที อาควิลานี่ก็ได้แทนที่เปลสซิส แถมกองกลางอิตาลีมีโอกาสกระทุ้งจากหน้าเขตโทษกราบซ้ายด้วยในนาทีที่ 80 แต่ไม่เหนือบ่ากว่าแรงสำหรับฟาเบียนสกี้

นาทีต่อมา โวโรนินได้เก็บตกด้วยการเข่นจากแถวสอง แต่ถูกฟาเบียนสกี้เซฟอีกครั้ง กระทั่งนาทีที่ 87 เจ้าถิ่นก็ใช้งานฟรองซิส โกเกแล็งแทนเมริด้า ขณะที่อาคันตุกะส่งนาธาน เอ็คเคิลสตันลงไปแทนเดเก้น

เข้าสู่ช่วงทดเวลาเจ็บ ลิเวอร์พูลโหมบุกหนัก และจากจังหวะขลุกขลิกในเขตโทษของอาร์เซน่อล อาควิลานี่ก็ได้ตีลังกายิงแล้วบอลพุ่งไปกระทบแขนฟิลิป เซ็นเดรอส แต่ผู้ตัดสินมองว่าไม่สมควรเป็นลูกโทษ จบเกมหงส์จึงปีกหักแพ้ปืนใหญ่ 1-2 ตกรอบไปตามระเบียบ


รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
อาร์เซน่อล: ลูคัสซ์ ฟาเบียนสกี้ - เคอร์เรีย กิลเบิร์ต, ฟิลืปป์ เซนเดรอส, มิกกาแอล ซิลแวสตร์, คีแรน กิ๊บบ์ส - เคร็ก อีสต์มอนด์, ฟราน เมริด้า, อารอน แรมซี่ย์, ซามีร์ นาสรี่ - นิคลาส เบนด์ทเนอร์, เอดูอาร์โด้ ดา ซิลวา
สำรอง: วอจเซียจ ซิซเซสนี่ (ผู้รักษาประตู) - ไคล์ บาร์ทลี่ย์, ฟรองซิส โกเกแล็ง, มาร์ค แรนดอลล์, ชิลลส์ ซานู, ซานเชซ วัตต์

ลิเวอร์พูล: ดีเอโก้ คาวาเลียรี่ - ฟิลิปป์ เดเก้น, มาร์ติน สเคอร์เทล, โซติริออส คีร์เจียกอส, เอมิเลียโน่ อินซัว - เดิร์ค เค้าท์ (กัปตันทีม), เจย์ สเปียริ่ง, ดาเมียง เพลสซิส, ไรอัน บาเบิ้ล - อังเดร โวโรนิน, ดาวิด เอ็นก๊อก
สำรอง: โฆเซ่ เรน่า (ผู้รักษาประตู) - อัลเบร์โต้ อาควิลานี่, ยอสซี่ เบนายูน, สตีเฟ่น ดาร์บี้, อันเดรีย ดอสเซน่า, นาธาน เอ็คเคิลสตัน, ดาเนี่ยล อยาล่า

ผู้ตัดสิน: อลัน ไวลี่ย์

สรุปผลในคู่อื่น
เชลซี ชนะ โบลตัน 4-0
แมนฯ ซิตี้ ชนะ สคันธอร์ป 5-1



ขอบคุณเนื้อหาข่าวดีๆจาก http://www.siamsport.co.th

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์