In Arsene we trust, In Arsenal we believe

ชีวิตคนเรา บางครั้งเมื่อก้าวเดินก็ย่อมหันหน้าไปในทางที่ถูกบ้าง..ผิดบ้างเป็นธรรมดา..

บางครั้งสมองอาจสั่งการให้เราทำในสิ่งที่ รู้เท่าไม่ถึงการณ์ และทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง..

ครับ ตอนนี้ผมกำลังเดินไต่เต้าตามเส้นทางฝันของผมไปเรื่อยๆ

ฝันของผมคือ นักคอลัมนิสต์กีฬา แม้ในโลกแห่งความเป็นจริงคงไม่อาจเกิดขึ้นได้ง่ายๆ.. แต่ช่วงเวลาแห่งการ ปีนเขา นี้.. ผมคงต้องค่อยๆเรียนรู้หลายๆอย่างไปเรื่อยๆ กว่าจะถึงยอดเขา..

ซึ่งผมก็ไม่อาจทราบได้ว่า.. วันนั้นของผมจะเป็นจริงได้หรือไม่..

ผมเขียนบทความมาหลายอัน.. ดีบ้างแย่บ้าง.. แต่ยอมรับครับว่าในบทความ คาร์ลอส เตเบซ นาย 'แมน' จริงเหรอ ??? !!! เป็นบทความที่ผมใช้อารมณ์เป็นที่ตั้งในงานเขียน และมันไม่ใช่งานที่ดีเลย.. มันสมควรถูกขยำทิ้ง..

มันแฝงไปด้วย อคติ , มัน เอียงข้าง และมันก็ทำให้ผมตรึงใจได้ว่า ผมเขียนมันออกมาได้ไม่ดีพอ..

แต่.. สิ่งที่ผมอยากจะเอ่ยต่อไปนี้.. คือคำขอบคุณ.. ขอบคุณคอมเม้นท์จากชาว SS ทุกคน.. บางเสียงให้กำลังใจ ทำให้ผมรู้สึกสดชื่นขึ้นในการทำงานเขียน , แปลข่าว .. บางข้อความตำหนิผมอย่าตรงไปตรงมา อย่างเช่นคุณ น้ำแข็งแห้ง ที่ติดตามงานเขียนของผมมาโดยตลอด และเตือนสติทำให้ผมได้คิด.. ได้กลับมายืนตรงกลางในงานเขียน..

ผมคิดว่าโดยธรรมชาติ.. คงไม่มีใคร เป็นกลาง ได้อย่างสมบูรณ์ เพียงแต่คุณต้องลบ อคติ นั้นออกไปจากใจ.. เมื่อตวัดปากกาเขียนงานให้คนทั่วไปได้อ่าน.. หรืออย่างน้อยที่สุด.. การอยู่ในสังคม.. เราจำเป็นต้องเรียนรู้นิสัยใจคอ.. การอยู่ร่วมกับคนอื่น และเมื่อเราซึมซับความคิดเห็นจากใครหลายคน บางทีแนวคิดและทัศนคติของเราอาจเปลี่ยนไป และทำให้เรา เป็นกลาง มากขึ้น..

ขอบคุณคำติทุกตัวอักษรจาก SS ที่ทำให้ผมมองโลกในมุมลึกมากขึ้น.. ขอบคุณผู้อ่านที่หยิบเม้าส์คลิกเข้ามา.. เจอชื่อผม.. เจอหัวข้อบทความของผม แล้วอ่านต่อจนจบ.. และที่ยิ่งกว่านั้นคือ.. วิจารณ์ผมอย่างตรงไปตรงมา.. และให้กำลังใจผมอย่างเต็มที่..

ผมคิดว่าตัวผมมีอะไรต้องขัดเกลาอีกมาก.. และผมสัญญาครับ ว่าจะพัฒนาตัวเองต่อไป.. เพื่อตามฝันของผม..

คงไม่มี เจี๊ยบ เคเอฟซี ในวันนี้ หากไม่มีผู้อ่านทุกคนครับผม..ขอบคุณครับ..

-------------------------------------------------------------------------------------


~เจี๊ยบ เคเอฟซี เดลิเวอรี่!!~


''ความเชื่อ-ความมุ่งมั่น-ความสำเร็จ'' - อาร์แซน เวนเกอร์ !!!!

ตัวร้ายในบทละครชีวิต ที่ทำลายและขัดขวางความฝันของเรานั่นก็คือ ความกลัว..

ยากที่คนเราจะหลีกพ้นมันไปได้.. เมื่อเราต้องเผชิญกับสิ่งที่ไม่ง่าย.. ท้าทาย.. และดูจะเกินความสามารถ.. ในวินาทีที่เราประจัญหน้ากับมัน เราจะทำอย่างไร..

ก.เดินหนี.. และหันหลังกลับ.. หรือ ข.เผชิญหน้าสู้..

ในยามที่คุณต้องดวลดาบแห่งความกล้ากับอุปสรรคที่อยู่ข้างหน้า.. รอบๆกายคุณก็มักจะมี กำลังใจ และ สิ่งบั่นทอน คอยส่งสารเข้าโสตประสาตหู..

กำลังใจช่วยให้เราเกิดแรงกระตุ้นพิเศษ ในขณะที่สิ่งบั่นทอน.. จะเข้าไปปลุกเสือร้ายอย่าง ความกลัว ให้เข้ามาเกาะกุมจิตใจของเรา.. และเมื่อมันชนะ.. มันก็จะสั่งให้คุณเลิกทำ..

และหากคุณตัดสินใจแบบนั้น.. คุณก็จะทิ้งความก้าวหน้าไป.. เพียงเพื่อที่จะเป็นแค่คนธรรมดา และใช้ชีวิตไปวันๆ โดยที่คุณจะหันกลับมานึกเสียดายว่า.. คุณได้ทิ้งโอกาสครั้งสำคัญที่สุดในชีวิตไปแล้ว..

แต่.. มีบางคนที่อุดหู.. ไม่ฟังสิ่งบั่นทอน.. เชื่อมั่นในตัวเอง และใช้จิตใจที่มุ่งมั่น ทลายกำแพงแห่งความกลัวให้แตกออกไป.. เขาพร้อมที่จะผจญภัย และมุ่งหน้าสู้เพื่อความสำเร็จ..

1 ตุลาคม 1996.. ชายวัยค่อนกลางคน.. ใส่แว่นใสกรอบเทา.. สีหน้าขรึมเข้ม แต่แววตาเด็ดเดี่ยว.. ตัดสินใจครั้งสำคัญที่สุดในชีวิตของเขา..

ชายหนุ่มชาวฝรั่งเศสรายนี้.. ตัดสินใจจับตั๋วเครื่องบินจากนาโกย่า ดินแดนอาทิตย์อุทัย.. เพื่อตอบตกลงรับงานคุมทีมที่ชื่อมีชื่อเสียงโด่งดังอันดับต้นๆของโลก..

อาร์เซน่อล

เมื่อภาพถ่ายของเขาถูกตีพิมพ์ไปทั่วโลก.. สิ่งแรกที่คนทั่วไปจะเอ่ยขึ้นหลังจากหยิบหนังสือข่าวเล่มบางๆขึ้นมาดูคือ.. อาร์แซน..ใครวะเนี่ย..


หรือแปลเป็นภาษาอังกฤษง่ายๆว่า Arsene Who??

ใครกันล่ะ.. ที่กล้ารับงานที่ต้องแบกภาระมากขนาดนี้.. เขามีเครดิตมากแค่ไหน..

พลิกปูมประวัติกลับไปดูในอดีต.. สโมสรที่เคยผ่านเขามา.. น็องซี่ , โมนาโก และ.. นาโกย่า แกรมปัส เอต.. แต่สิ่งที่ต้องเพ่งสายตาไปดูคือ..คือดีกรีด้านการศึกษา เขาจบปริญญาตรีด้านวิศวกร และ ปริญญาโทด้านเศรษฐศาสตร์..

แวบแรกที่คาดตอนนั้น.. ต้องเป็นคนที่มีแนวคิดเป็นของตัวเอง.. ฉลาดแก้ไขสถานการณ์.. และมีระบบการวางแผนสูง.. นี่คือคุณสมบัติของวิศวกร และนักเศรษฐศาสตร์..

และคงเป็นคุณสมบัติที่บอร์ดบริหารของอาร์เซน่อลรู้สึกกระแทกหัวใจ.. จึงตัดสินใจเรียกเขาเข้ามารับงาน..

ในขณะนั้น.. ชายวัยกลางคนรุ่นใหญ่กำลังคุมทีมนาโกย่า.. สู้ศึกอยู่ในเจลีก แต่พลันที่เขาได้ฟังคำแนะนำจากเชราร์ อุลลิเย่ร์ ซึ่งตอนนั้นดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฟุตบอลของทีมชาติฝรั่งเศส.. เขาก็รู้ได้เลยว่า เส้นทางชีวิตของเขากำลังถึงจุดหักเหครั้งสำคัญ...

และเขาจะไม่รู้เลยว่า.. เขากำลังขีดเขียนตำนานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดบทหนึ่งในประวัติศาสตร์ของวงการฟุตบอล ในอีก 13 ปีต่อมา..

ชายคนนี้ชื่อว่า อาร์แซน เวนเกอร์ นั่นเอง..

เมื่อเริ่มจับโต๊ะรับงานวันแรก.. เวนเกอร์ก็เริ่มขีดเขียนภาพแห่งจินตนาการ.. นักเตะคนแรกที่เป็นคีย์แมนในหัวสมอง คือมิดฟิลด์ดาวรุ่งจากมิลาน นามปาทริค วิเอร่า..

3.5 ล้านปอนด์ถูกจ่ายออกไป และ ปั๊ต คือนักเตะคนแรกๆ ที่เขาตัดสินใจดึงตัวเข้ามาร่วมงาน.. ในปีนั้น.. บิ๊กบอสมาดขรึมพาทีมจบได้ถึงอันดับที่ 3 เป็นรองเพียงนิวคาสเซิ่ลรองแชมป์ และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเท่านั้น..

แต่ความวิเศษของเวนเกอร์เกิดขึ้นในหนึ่งฤดูกาลหลังจากนั้น.. ซีซั่น 1997-1998 ด้วยส่วนผสมที่เข้ากันของ แบ็กโฟร์ในตำนาน อย่างไนเจล วินเทอร์เบิร์น , ลี ดิ๊กซั่น , โทนี่ อดัมส์ , มาร์ติน คีโอว์น และ สตีฟ โบลด์..

บวกกับแนวรบคนใหม่สัญชาติเดียวกันซึ่งผมปลิวไสว นาม.. เอ็มมานูเอล เปอตีต์.. และยังไม่พอ.. ยังมีดาวรุ่งผิวสีคนใหม่ที่สะเทือนวงการพรีเมียร์ลีก อย่าง นิโกล่าส์ อเนลก้า..

ผนึกกำลังกับสองแข้งกังหันลมอย่าง มาร์ก โอเวอร์มาร์ส และที่ขาดไม่ได้ เดนนิส เบิร์กแคมป์..

ทุกอย่างถูกแปรผลออกมาคือ แชมป์พรีเมียร์ลีก ที่ตอกหน้าแมนเชสเตอร์ อีฟนิ่ง นิวส์ ในการพาดหัวว่า Arsene Who? เมื่อสองปีก่อนหน้า..

และปีนั้นคือปีที่ผมเริ่มเชียร์บอลพอดี.. มันทำให้ผมกริ่งเกรงในทีมอาร์เซน่อล.. ปฏิเสธไม่ได้ว่า ไอปืนใหญ่ คืออริตัวเอ้หมายเลข 1 ของแมนฯยูไนเต็ดในยุคนั้น..

อย่างไรก็ตาม เหล่ากันเนอร์สปรีดากันได้เพียงแค่ปีเดียว..เพราะอีกสามปีถัดมา.. ปีศาจแดง ก็กวาดแชมป์พรีเมียร์ลีกเรียบ 3 สมัยซ้อน.. แต่ในขณะนั้นภายใต้ร่มเงาแห่งไฮบิวรี่.. เวนเกอร์ก็บริหารทีมตัวเองได้อย่างดีเยี่ยม.. เขาแก้ปัญหา และสร้างสรรค์หลายอย่างให้กับทีม..

มีปัญหากับอเนลก้า.. จนต้องปล่อยตัวให้กับเรอัล มาดริด.. หรือ แบ็กโฟร์ หมดสภาพ.. เป็นที่มาของผู้ข้ามฝั่งแห่งความแค้นอย่าง โซล แคมป์เบลล์ และกองหลังที่ผลัดเปลี่ยนยุคสมัยของอาร์เซน่อล..ไม่ว่าจะเป็นแอชลี่ย์ โคล หรือโลรอง เอตาเม่ ที่ถูกค้นพบหลังจากนั้นประมาณสามปีได้..

การดึงแข้งจอมเทคนิคอย่างโรแบร์ ปิแรส , เฟดริก ยุงเบิร์ก , ซิลแว็ง วิลตอร์ และการนำเข้านักเตะตำนานอีกคน ที่แฟนอาร์เซน่อลคงไม่มีวันลืม เธียร์รี่ อองรี

เมื่อทุกอย่างกลับมาลงตัว.. บวกกับความวุ่นวายไม่ลงตัวในรั้วโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด.. พลพรรคปืนโต จึงกระชากแชมป์กลับเข้าสู่อ้อมอกได้อีกครั้ง.. โดยมีเบิร์กแคมป์ , วิเอร่า , อองรี และปิแรส เป็นเหล่าพระเอก..

หนึ่งปีถัดมา.. หลังจากยูไนเต็ดแก้ปัญหาหลังรั่วด้วยการนำเข้าริโอ เฟอร์ดินานด์.. พวกเขาจึงหยิบแชมป์ลีกกลับไปได้อีกครั้ง.. ด้วยการฟาดฟันกันบนหัวตารางอย่างสูสี.. ก่อนที่กันเนอร์สจะไปตกม้าตายในการเสมอโบลตัน หยิบยื่นถ้วยรางวัลให้กับยูไนเต็ด..

ความผิดหวังและสะดุดล้มในปีนั้น.. สร้างแรงกระตุ้นให้ลูกทีมของเวนเกอร์ ผลิตประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญที่พรีเมียร์ลีกไม่มีวันขีดฆ่า..

The Invincibles

ทีมผู้ไร้ซึ่งคู่ต่อกร.. ทีมไร้เทียมทาน.. ทีมไร้พ่าย.. คือสิ่งที่นำมาสรรเสริญเชิดชูอาร์เซน่อล.. พวกเขายังคงเป็นทีมเดียวในประวัติศาสตร์ของพรีเมียร์ลีกที่ทำได้ ชนะ 26 นัด เสมอ 12 และแพ้ 0 เก็บไปได้ทั้งสิ้น 90 คะแนน..

และมันคือตำนานที่มีผู้จัดการทีมเพียงคนเดียวที่ทำได้ อาร์แซน เวนเกอร์..

และแม้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เวนเกอร์และลูกทีมได้สัมผัสแชมป์ลีกสูงสุด.. เพราะหลังจากนั้น มันคือยุคแห่งเชลซี 2 ปี และ 3 ปีผูกขาดโดยยูไนเต็ด..

แม้ว่าเขาจะเสียลูกทีมคู่ใจอย่างอองรี , วิเอร่า และ เบิร์กแคมป์ที่แขวนสตั๊ดออกไป..

แต่ใครจะรู้.. แท้จริงแล้วมันเป็นการก้าวสู่แสงสว่างแห่งยุคใหม่ต่างหาก..

มันคือยุคของเมล็ดถั่วเล็กๆ ที่กำลังจะเติบโตเป็นต้นไม้ใหญ่.. เชสก์ ฟาเบรกาส , ธีโอ วัลคอตต์ , โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ และเพื่อนร่วมทีมทั้งรุ่นพี่ และรุ่นน้องอีกหลายสิบคน กำลังขีดเขียนหน้าประวัติศาสตร์ขึ้นมาใหม่..

ต้นไม้ต้องหมั่นรดน้ำพรวนดิน.. หาใช่สิ่งที่งอกเงยขึ้นมาทันตาไม่..

เวนเกอร์ก็เช่นกัน.. จาก 13 ปีบนเก้าอี้อุ่นๆตัวนี้.. เขาเชื่อมั่นว่าต้นกล้าเหล่านี้ของเขา.. จะเติบโตจนออกดอกออกผลแห่งความสำเร็จ ให้เขาได้ชื่นชมอย่างแน่นอน..

คนเราต้องตามล่าหาฝัน.. ต้องกล้าที่จะเอาชนะความกลัว และกล้าที่จะตัดสินใจเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง..

ถ้าวันนี้เมื่อ 13 ปีที่แล้ว.. ชายสวมแว่นคนนั้นตัดสินใจปฏิเสธข้อเสนอของอาร์เซน่อล..

ก็คงไม่มี ยอดขงเบ้งลูกหนัง
อย่างอาร์แซน เวนเกอร์ ในวันนี้..

สุขสันต์วันครบรอบครับ.. น้าเวน !!!




เจี๊ยบ เคเอฟซี


http://www.lentee.com/soccer/viewtopic.php?t=193353

......................................................................................................

หลายเรื่องที่คุณอาจไม่รู้เกี่ยวกับ Arsene wenger



ในปี 2007 ชื่อของอาร์แซน เวนเกอร์ได้มีนักดาราศาสตร์ชื่อ Ian P. Griffin นำไปตั้งเป็นชื่อดาวเคราะห์น้อยดวงหนึ่งที่มีชื่อว่า 33179 Arsene wenger เนื่องจากนักดาราศาสตร์ผู้นี้หลงไหลในทีมฟุตบอลของผู้จัดการทีมคนนี้มาก

+++++++++++++++++++++

มื่อฤดูกาล 2005-06 นั้น แฟนบอลได้แสดงความประทับใจในตัวผู้จัดการทีมคนนี้มากด้วยการกำหนด วันเวนเกอร์ (Wenger Day) ซึ่งตรงกับวันเกิดครบรอบ 56 ปีของเขาคือวันที่ 22 ตุลาคม ค.ศ. 2005 ซึ่งเป็นวันที่มีการแข่งขันกับแมนเชสเตอร์ซิตี้

+++++++++++++++++++++

เวนเกอร์ได้รับ the Légion d'Honneur เครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นสูงสุดของฝรั่งเศสในปี 2002 เขาได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ OBE เพื่อเป็นรางวัลสำหรับการเป็นผู้สร้างชื่อเสียงให้กับวงการฟุตบอลสหราช อาณาจักรในวันเฉลิมพระชนมพรรษาของสมเด็จพระราชินีปี 2003 ต่อมาในปี 2006 ชื่อของเวนเกอร์ได้ถูกจารึกไว้ในหอเกียรติยศแห่งวงการฟุตบอลอังกฤษเพื่อเป็น การบันทึกความสำเร็จในการเป็นผู้จัดการทีมในอังกฤษ นับว่าเป็นผู้จัดการทีมชาวต่างชาติคนที่สองที่ได้มีชื่อในหอเกียรติยศแห่งนี้

+++++++++++++++++++++

เวนเกอร์ยังมีส่วนในการออกแบบสนามเอมิเรตส์สเตเดียมของอาร์เซนอลอีกด้วย สนามแห่งนี้เปิดใช้ในปี 2006 ทำให้สนามซ้อมของอาร์เซนอลย้ายมาอยู่ที่ ลอนดอน โคลนีย์ ในที่สุด

+++++++++++++++++++++

เมื่อคราวที่คุมทีมอยู่โมนาโกนั้น เขาซื้อตัว จอร์จ เวียห์ (George Weah) ชาวลิเบียมาจากทีม Tonnerre Yaoundé ในประเทศแคเมอรูน เข้ามาร่วมทีม ต่อมานักเตะรายนี้ก็ได้ครองตำแหน่งผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปีของฟีฟ่าเมื่อมาอยู่กับเอซีมิลานอีกด้วย

+++++++++++++++++++++

ในปี 1994 เป็นปีที่โชคร้ายของเวนเกอร์ เมื่อเขาปฏิเสธข้อเสนอจากบาเยิร์น มิวนิคและการเป็นโค้ชทีมชาติฝรั่งเศส แต่โมนาโกจบฤดูกาลด้วยการเป็นอันดับ 9 ของตาราง ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายที่สโมสรตั้งเอาไว้ หลังจากนั้น เขาก็ถูกไล่ออก

+++++++++++++++++++++

เวนเกอร์เคยเซ็นสัญญาซื้อตัว Glean Hoddle, George Weah และ เจอร์เก้น คลิ้นซ์แมนน์ มาร่วมทีมอีกด้วย นอกจากนั้นยังได้เซ็นสัญญากับ ยูริ จอร์เกฟ (Youri Djorkaeff) มาจากอาร์ซีสตาร์สบูร์กที่ได้กลายมาเป็นนักเตะทีมชาติฝรั่งเศสชุดที่คว้าแชมป์ฟุตบอลโลกในปี 1998 และดาวซัลโวลีกเอิง ฝรั่งเศส (20 ประตู)ในปีสุดท้ายที่เวนเกอร์คุมทีมอยู่ในฝรั่งเศส

+++++++++++++++++++++

เวนเกอร์นั้นจบปริญญาตรีสาขาวิศวกรรมศาสตร์ และปริญญาโททางด้านเศรษฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยแห่งเมืองสตราส์บูร์ก เวนเกอร์มีความสามารถในการพูดได้หลายภาษา โดยสามารถใช้ภาษาฝรั่งเศส, อัลซาเตียน, เยอรมัน และ อังกฤษได้อย่างคล่องแคล่ว และยังสามารถพูดภาษาอิตาลี, สเปน, ญี่ปุ่น ได้บ้างอีกด้วย


..........................................................................................







ประมวลภาพเวนเกอร์ตลอดระยะเวลายาวนานกว่า 13 ปี
























































































ขอบคุณรูปสวยๆจากคุณ TiggerGunner แห่ง gunnerthailand


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์