อเลสซานโดร เดล ปิเอโร่

อเลสซานโดร เดล ปิเอโร่


อเลสซานโดร เดลปิเอโร(Del Piero) - ดูวิดีโอทั้งหมด กดที่นี่
ครั้งหนึ่งโรแบร์โต้ บาจโจ้เคยได้รับการยกย่องให้เป็นเทพบุตรของชาวเบียงโคเนรี่ แต่ทันทีที่อเลสซานโดร เดล ปิเอโร่เด็กหนุ่มผู้เพียบพร้อมทั้งรูปร่างหน้าตาและฝีเท้าราวฟ้าประทานได้แจ้งเกิดในสีเสื้อลายทางขาว-ดำของ ม้าลาย ยูเวนตุส ตำแหน่ง โกลเด้นบอย คนใหม่ก็ถูกเปลี่ยนมือทันที




อเลสซานโดร เดล ปิเอโร่ หรือ อาเล่ เป็นหนึ่งในซูเปอร์สตาร์ของวงการฟุตบอลอิตาลีที่สำคัญที่สุดในรอบทศวรรษที่ผ่านมา ในฐานะกองหน้าพรสวรรค์สูงที่สุดคนหนึ่งในระดับเดียวกับโรบี้ บาจโจ้ หรือฟรานเชสโก้ ต็อตติ ที่มีความคล้ายคลึงกันอย่างมาก

เดล ปิเอโร่ เกิดที่เมืองโคเนยาโน่ และเติบโตในครอบครัวธรรมดาๆโดยอาศัยเตะฟุตบอลเล่นกับเพื่อนรักในวัยเยาว์ทั้ง 3 คือเนลโซ่, ปิเอร์เปาโล และโจวานนี่-เปาโล ซึ่งทั้งหมดต่างก็มีความฝันที่จะได้เป็นนักฟุตบอลอาชีพเหมือนกัน

แต่มีเพียงอเลสซานโดร คนเดียวเท่านั้นที่ทำได้ตามความฝัน!

เดล ปิเอโร่เติบโตมาพร้อมกับพรสวรรค์ที่เบ่งบานขึ้นเรื่อยๆ ในระดับทีมเยาวชนแล้วเขาได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่เก่งฉกาจที่สุดเมื่อเทียบกับรุ่นเดียวกัน และสามารถแจ้งเกิดได้ในทีมชุมชนที่ชื่อว่า ซาน เวนเดเมียโน่ ก่อนที่จะย้ายออกจากบ้านในวัย 17 ปีเพื่อไปเป็นนักฟุตบอลอาชีพอย่างเต็มตัวกับปาโดว่าในปี 1991

ที่ปาโดว่า เดล ปิเอโร่ ไม่ได้ลงเล่นมากนักโดยตลอด 2 ปีที่อยู่ในสโมสรระดับกัลโช่ เซเรีย บี เขาได้ลงเล่นเพียงแค่ 14 นัดเท่านั้นและทำได้แค่หนึ่งประตู

แต่ถึงจะมีโอกาสจำกัด พรสวรรค์ของเดล ปิเอโร่ก็เตะตาแมวมองของยูเวนตุสและได้ถูกซื้อตัวไปร่วมทีมในปี 1993 ซึ่งเป็นการย้ายทีมเพียงครั้งแรกและครั้งเดียวของชีวิตโกลเด้นบอยผู้ซื่อสัตย์คนนี้

เจ้าหนุ่มหน้ามนเริ่มต้นชีวิตในตูรินเหมือนดังฝัน เมื่อได้ลงสนามประเดิมในเกมที่พบกับฟอจจา ในเดือนก.ย.1993 และสามารถทำประตูแรกให้ยูเว่ได้ทันทีในเกมถัดมากับเรจจิน่าในฐานะตัวสำรอง

หลังจากนั้นไม่นานเดล ปิเอโร่ก็กลายเป็นทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ในหมู่แฟนบอลยูเว่เมื่อลงเล่นเป็นตัวจริงเกมแรกในการพบกับปาร์ม่าและสามารถซัดแฮตทริกได้ทันที

ในฤดูกาลนั้นยูเวนตุสสามารถกลับมาเป็นแชมป์อิตาลีคว้าสคูเด็ตโต้มาครองได้เป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปี ซึ่งนี่ก็เป็นสคูเด็ตโต้ครั้งแรกของเดล ปิเอโร่ตั้งแต่ในฤดูกาลแรกที่ตูริน ก่อนที่จะคว้าแชมป์ได้อีกมากมายถึง 7 ครั้งในปี 1995,1997,1998,2002,2003,2005 และ 2006
ยังไม่นับยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกในปี 1996 และแชมป์สโมสรโลกในปีเดียวกัน

ด้วยพรสวรรค์ของเดล ปิเอโร่ ทำให้ยูเวนตุสกล้าที่จะปล่อยโรบี้ บาจโจ้ ซูเปอร์สตาร์หมายเลขหนึ่งออกไปจากทีม ซึ่งโกลเด้นบอยคนใหม่ของวงการฟุตบอลอิตาลีก็ไม่ทำให้สโมสรผิดหวังด้วยการพิสูจน์ตัวเองในฐานะกองหน้าตัวความหวังมาโดยตลอด

ฤดูกาลที่ดีที่สุดของเดล ปิเอโร่กับยูเว่คือในฤดูกาล 1997-98 ที่สามารถทำผลงานได้อย่างสุดยอดด้วยการยิง 21 ประตูในเซเรีย อา และยิงได้อีก 10 ประตูในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก จนทำให้ได้รางวัลดาวซัลโวไปครองด้วย

อย่างไรก็ตามแม้จะเล่นได้ดีกับยูเว่แค่ไหน แต่กับทีมชาติอิตาลีแล้วเดล ปิเอโร่ ไม่เคยที่จะตอบสนองความคาดหวังที่มีต่อตัวเขาได้อย่างที่สมควรเลย และนี่เป็นรอยด่างพร้อยที่ทำให้เขาถูกวิจารณ์ว่าไม่อาจวัดรอยเท้ากับโรบี้ บาจโจ้ผู้เป็นความหวังสูงสุดของทีมอัซซูรี่ได้เสมอ

ทัวร์นาเมนต์แรกของเดล ปิเอโร่ กับทีมชาติอิตาลีคือฟุตบอลยูโร 1996 ที่ได้เล่นเพียงแค่ครึ่งแรกในเกมกับรัสเซียเท่านั้นก่อนจะไม่ได้เล่นอีกเพราะทีมอัซซูรี่ตกรอบแรก ก่อนที่จะได้เล่นฟุตบอลโลก 1998 ในฐานะตัวความหวังของชาวอัซซูรินี่ แต่ก็เป็นอีกครั้งที่เขาทำให้แฟนบอลผิดหวังกับผลงานที่ย่ำแย่อันมีผลสืบเนื่องจากอาการบาดเจ็บที่ตามรังควานด้วยส่วนหนึ่ง

ในฟุตบอลยูโร 2000 เดล ปิเอโร่ พลาดการทำประตูสำคัญในช่วงตัดสินกับทีมชาติฝรั่งเศสจนทำให้อิตาลีฝ่ายไปในรอบชิงชนะเลิศในช่วงต่อเวลา ส่วนฟุตบอลโลก 2002 ซึ่งเป็นครั้งที่เดล ปิเอโร่ทำได้ดีที่สุดเมื่อกลับมาคืนฟอร์มเก่งช่วยยูเวนตุสคว้าแชมป์ลีกได้อีกสมัย เขาก็ทำผลงานได้น่าประทับใจในการยิงประตูตัดสินให้อิตาลีเอาชนะฮังการีในรอบคัดเลือกจนได้เข้าสู่รอบสุดท้าย ก่อนที่จะยิงประตูเม็กซิโกในฐานะตัวสำรองและช่วยให้อิตาลีเข้ารอบ 2 ได้ แต่เส้นทางก็หยุดเพียงเท่านั้น

หลังจากนั้นชีวิตของเดล ปิเอโร่ก็ขึ้นๆลงๆ เหมือนรถไฟเหาะตีลังกา ซึ่งส่วนใหญ่จะหนักไปทางขาลงมากกว่าจากอาการบาดเจ็บที่เข่าซึ่งรุมเร้ามาโดยตลอดจนไม่อาจที่จะเล่นได้เต็มร้อยเหมือนในอดีต แต่กระนั้นเดล ปิเอโร่ก็ยังพิสูจน์ตัวเองด้วยการเอาชนะใจของฟาบิโอ คาเปลโล่ โค้ชยูเว่ในช่วงปี 2004 ที่ไม่เชื่อมือและให้โอกาสซลาตัน อบราฮิมโมวิชลงสนามมากกว่า ด้วยการกลับมาทำผลงานสุดยอดยิง 14 ประตูจนช่วยให้ยูเว่คว้าสคูเด็ตโต้ได้อีกครั้ง

หนึ่งในความทรงจำที่สวยงามที่สุดของเดล ปิเอโร่ ผู้เป็นกัปตันของเบียงโคเนรี่คือการตีลังกาทำประตุในเกมเจอกับเอซี มิลานและทำให้ทีมคว้แชมป์มาครองได้

ในฟุตบอลโลก 2006 เดล ปิเอโร่ ไม่ค่อยมีบทบาทมากนักในทีมชาติอิตาลีภายใต้การคุมทีมของมาร์เชลโล่ ลิปปี้ ยอดโค้ชผู้ที่คลุกคลีกันมานานแต่ก็ไม่ใช่ไร้บทบาทเสียทีเดียว โดยเฉพาะในช่วงของรอบรองชนะเลิศที่เป็นผู้ทำประตูชัยให้อัซซูรี่เอาชนะเจ้าภาพเยอรมันได้เข้าไปชิงชนะเลิศกับฝรั่งเศส โดยประตูนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในประตูที่ดีที่สุดของรายการเลยทีเดียว ก่อนที่จะเป็นผู้ที่รับอาสาในการดวลจุดโทษในเกมนัดชิงชนะเลิศที่เบอร์ลินซึ่งก็ยิงไม่พลาดและมีส่วนให้อิตาลีคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 4 มาครองได้

แต่หลังจากนั้นชีวิตของเดล ปิเอโร่ ก็ต้องเผชิญทางแยกสำคัญเมื่อยูเวนตุสถูกสั่งให้ลดชั้นจากคดีว่าจ้างล้มบอล แต่โกลเด้นบอย ก็พิสูจน์รักแท้ที่มีต่อยูเว่ด้วยการเลือกที่จะปักหลักกับทีมต่อไปและช่วยให้ทีมกลับมาเลื่อนชั้นสู่กัลโช่ เซเรีย อาได้อีกครั้งในที่สุด

สำหรับในเวลานี้แม้สภาพร่างกายของเดล ปิเอโร่จะโรยราลงไปมากแล้ว แต่ก็ยังคงเป็นกำลังสำคัญของยูเว่เสมอ รวมทั้งกับทีมชาติอิตาลีที่ยังไม่ได้ประกาศอำลาทีมชาติแต่อย่างใด

ซึ่งแม้จะยืนยันไม่ขอรับเสื้อหมายเลข 10 กลับมาสวมใส่อีกครั้งหลังฟรานเชสโก้ ต็อตติที่เขาเคยสละเสื้อให้ประกาศอำลาทีมชาติไป ด้วยต้องการใส่เสื้อหมายเลข 7 อันเป็นเสื้อตัวแรกที่สวมใส่ครั้งอยู่ในทีมปาโดว่า แต่ก็จะยังคงขอมีส่วนช่วยเหลือทีมอัซซูรี่อยู่เช่นเดิม รวมถึงยูเวนตุสที่จะต้องจดจำ โกลเด้นบอย คนนี้ไว้ในทำเนียบตำนานตลอดกาลของสโมสร

ข้อมูลจาก msn ฟุตบอล

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์