ช่วงนี้สถานการณ์ลุ้นแชมป์ลีกเมืองผู้ดีกำลังสนุกเข้มข้น เรียกว่าคอบอลให้ความสนใจต้ามลุ้นตามเชียร์กับแบบเกาะติด พอๆ กับกระแสของ เช็คช่วยชาติ ที่คนหาเช้ากินค่ำ อย่าง เราท่านทั้งหลาย กำลังคอยรอว่าเมื่อไหร่จะตกมาถึงมือซะที
งานนี้คงต้องใจเย็นๆ เพราะทางรัฐเขาก็กำลังเร่งดำเนินการ ข่าวแววมาว่าประมาณสิ้นเดือนนี้ เช็คช่วยชาติ งวดแรกน่าจะพร้อมสำหรับแจกจ่ายสู่มือประชาชน ยังไงซะถึงมือแล้วก็อย่าลืมใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดนะครับ เพราะอย่าลืมว่า ของฟรีไม่มีในโลก
ส่วนสถานการณ์ลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกที่คะแนนทีมกลุ่มนำกลับมาบี้กันสนุกอีกครั้ง ทั้งหลายทั้งปวงก็สืบมาจาก ฟอร์มอันร้อนแรงของ ลิเวอร์พูล ที่โกยเต็มเป็นว่าเล่นช่วงสอง-สามสัปดาห์ที่ผ่านมาจนกลายเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขของ แฟน หงส์แดง
นับตั้งแต่บุกไปแพ้ มิดเดิลสโบรช์ มา 0-2 เมื่อ 28 ก.พ. ที่ผ่านมา ราฟาเอล เบนิเตซ นำลูกทีมเก็บชัย 3 นัดรวดในลีก ด้วยการอัด ซันเดอร์แลนด์ 2-0, สยบ แมนฯ ยูฯ 4-1 และถล่ม แอสตัน วิลล่า ย่อยยับ 5-0 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาหมาดๆ
นี่ไม่นับรวมฟอร์มฮอต ที่ปราบ เรอัล มาดริด ในเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย มาขาดลอย ด้วยสกอร์รวมสองนัด 5-0 เรียกได้ว่ากำลังใจของนักเตะ หงส์แดง ขณะนี้เต็มเปี่ยมเกินร้อยแน่ สังเกตุได้จากบรรดาคีย์แมน ทั้ง สตีเว่น เจอร์ราร์ด, เจมี่ คาร์ราเกอร์ สองกัปตันเบอร์ 1, 2 ของทีมที่พร้อมใจออกมากระตุ้นเพื่อนร่วมทีม
ผมคิดว่ามันสำคัญที่ต้องรักษาฟอร์มเอาไว้ต่อไป พวกเขา (แมนฯ ยูไนเต็ด) สามารถคว้าชัยชนะได้ในทุกนัดที่เหลือในฤดูกาลนี้ มันสำคัญที่เรามุ่งมั่นอยู่กับสิ่งที่ทำและคว้าชัยชนะต่อไป ไล่กดดันคู่แข่งและทำให้พวกเขาลงเล่นด้วยความรู้สึกว่าเราพร้อมที่จะฉกฉวยความผิดพลาดที่จะทำให้มันเป็นเรื่องยากยิ่งขึ้นสำหรับพวกเขา เจอร์ราร์ด กล่าว
ด้าน คาร์รา รองกัปตันทีมเดอะ เร้ดส์ กล่าวอย่างมั่นใจว่า ตอนนี้ ยูไนเต็ด จะตระหนักว่าพวกเขาอยู่ในการต่อสู้แย่งแชมป์แล้ว พวกเราเป็นทีมที่กำลังเล่นได้อย่างยอดเยี่ยม นี่เป็นเวลาที่ดีที่สุดของฤดูกาลในการกลับเข้ามาสู่ฟอร์มอีกครั้ง เหลือเกมอีกไม่มากแล้ว หวังว่าพวกเราจะเดินหน้าต่อไปได้ แต่ ยูไนเต็ด จะรู้ว่าพวกเราไล่จี้หลังมาแล้ว
ขณะที่สถานการณ์ของคู่ปรับตลอดกาล อย่าง แมนฯ ยูไนเต็ด กลับสวนทางกันอย่างสิ้นเชิง เพราะนอกจากความพ่ายแพ้สองนัดติด นับตั้งแต่ศึกแดงเดือด ที่ปราชัยคารังให้ ลิเวอร์พูล ก่อนจะบุกไปโดน ฟูแล่ม ถอนแค้นสอยมา 2 แผล นั้น
โปรแกรมนัดต่อไป ที่ แมนฯ ยูฯ จะเปิดบ้านรับมือ แอสตัน วิลล่า เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน จะหมดสิทธิ์ใช้งาน 3 นักเตะตัวหลักที่ติดโทษแบน ไล่เรียงจาก เนมานย่า วิดิช, พอล สโคลส์ และ เวย์น รูนี่ย์ ที่โดนไล่ออกจากเกมแพ้ เจ้าสัวน้อย
โดยเฉพาะรายหลังทำอา ป๋าเฟอร์กี้ ไม่เห็นด้วยกับคำตัดสิน ที่ ฟิล ดาวน์ มองว่า รูนัลโด้ เจตนาขว้างบอลใส่ตัวเอง ก่อนจะชักใบเหลืองที่สองให้ รูนี่ย์ ซึ่ง ป๋าเฟอร์กี้ เชื่อว่า กองหน้าทีมชาติอังกฤษ ไม่ได้คิดจะขว้างบอลใส่ผู้ตัดสิน แต่เหตุที่ขว้างบอลอย่างรุนแรงเป็นเพราะต้องการจะนำลูกกลับมาเล่นโดยเร็ว หลังจากที่ทีมได้ฟรีคิก
เหตุการณ์เกิดขึ้นใกล้ๆ เขา (ดาวน์) ดังนั้นเขาจะไม่ให้มันก็ได้ แต่เมื่อมันเป็น ฟิล ดาวน์ คุณจะไปคาดหวังอะไรได้ล่ะ สำหรับใบแดงที่สอง ผมต้องพูดว่า รูนี่ย์ ขว้างบอลใส่ผู้ตัดสินอย่างนั้นเหรอ ลูกบอลถูกขว้างตรงไปยังจุดที่เราได้ลูกตั้งเตะต่างหากล่ะ และมันไปโดนตัวผู้ตัดสินหรือไง
เปล่าเลย บอลไม่ได้โดนตัวผู้ตัดสินเลย ถามว่า มันถูกขว้างมาด้วยอารมณ์โกรธหรือเปล่า มันก็ใช่ ก็เพราะเขาต้องการให้เร่งให้เกมกลับไปเริ่มใหม่นี่ เขาขว้างบอลอย่างแรงเพื่อทำให้เกมดำเนินต่อไปเท่านั้น เซอร์ อเล็กซ์ กล่าว
สถานการณ์ของ อสูรแดง อาจไม่ถึงขั้นย่ำแย่ เมื่อเหลือบไปมองตารางคะแนน ที่แม้ว่า หงส์แดง จะเก็บแต้มเพิ่มเป็น 64 คะแนน ไล่จี้ แมนฯ ยูฯ ที่มี 65 คะแนน มาเหลือแค่หนึ่งแต้มแล้ว แต่ ผีแดง ยังถือว่ามีไผ่ที่เหนือกว่า เพราะลงสนามน้อยกว่า ลิเวอร์พูล อยู่ 1 นัด
ถ้าหาก เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน นำลูกทีมโขยกชัยนัดตกค้าง ที่มีคิวเปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของ พอร์ทสมัธ ในวันที่ 22 เม.ย. ได้สำเร็จ ก็เท่ากับว่าพวกเขาจะยืดช่องว่างของคะแนนออกไปเป็น 4 คะแนน ทว่าก่อนจะมองไปถึงเกมนั้น ป๋า ต้องนำทีมฝ่าวิกฤตในช่วงนี้ไปให้ได้ก่อน
เมื่อวิเคราะห์ดูโปรแกรมทั้งสองทีมแล้ว ตัวแปรที่จะเข้ามาช่วยตัดสินแชมป์ปีนี้ นอกจากการรักษามาตรฐานการเล่นของตัวเองแล้ว เห็นจะเป็น ปืนใหญ่ อาร์เซน่อล ที่มีคิวพบกับ ทั้ง แมนฯ ยูฯ และ ลิเวอร์พูล อ๋อจริงๆ แล้วน่าจะเป็นสามทีมมากกว่าครับ เพราะ กันเนอร์ส มีคิวฉะ เชลซี ด้วย
ซึ่งทั้ง แมนฯ ยูฯ และ ลิเวอร์พูล สองตัวเต็งลุ้นแชมป์ ก็อย่าเพิ่งไปกาชื่อ เชลซี ออกจากสาระบบ แม้ สิงห์บลูส์ เพิ่งจะสะดุดแพ้ สเปอร์ส มา 0-1 แต่การที่มีแต้มตามหลัง ผีงแดง อยู่ 4 คะแนน ก็ยังทำให้ เชลซี ยังมีลุ้นแชมป์อยู่อย่างแน่นอน
โปรแกรม 9 นัด แมนฯ ยูฯ : 5 เม.ย. พบ วิลล่า (เหย้า), 11 เม.ย. พบ ซันเดอร์แลนด์ (เยือน), 22 เม.ย. พบ พอร์ทสมัธ (เหย้า), 25 เม.ย. พบ สเปอร์ส (เหย้า), 2 พ.ค. พบ มิดเดิ้ลสโบรช์ (เยือน), 9 พ.ค. พบ แมนฯ ซิตี้ (เหย้า), 13 พ.ค. พบ วีแกน (เยือน), 16 พ.ค. พบ อาร์เซน่อล (เหย้า), 24 พ.ค. พบ ฮัลล์ (เยือน)
โปรแกรม 8 นัด ลิเวอร์พูล : 4 เม.ย. พบ ฟูแล่ม (เยือน), 11 เม.ย. พบ แบล็คเบิร์น (เหย้า), 21 เม.ย., พบ อาร์เซน่อล (เหย้า), 25 เม.ย. พบ ฮัลล์ (เยือน), 2 พ.ค. พบ นิวคาสเซิ่ล (เหย้า), 9 พ.ค. พบ เวสต์แฮม (เยือน), 16 พ.ค. พบ เวสต์บรอมวิช (เยือน), 24 พ.ค. สเปอร์ส (เหย้า)
โปรแกรม 8 นัด เชลซี : 4 เม.ย. พบ นิวคาสเซิ่ล (เยือน), 11 เม.ย. พบ โบลตัน (เหย้า), 22 เม.ย. พบ เอฟเวอร์ตัน (เหย้า), 25 เม.ย. พบ เวสต์แฮม (เยือน), 2 พ.ค. พบ ฟูแล่ม (เหย้า), 9 พ.ค. พบ อาร์เซน่อล (เยือน), 16 พ.ค. พบ แบล็คเบิร์น (เหย้า), 24 พ.ค. พบ ซันเดอร์แลนด์ (เยือน)
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
