ประตูกังขาล้ำหน้าเป็นหลาของโรบิน ฟาน เพอร์ซี่หอกนกพิราบนำมาซึ่งประตูชัยให้อาร์เซนอลบุกมากำชัยเหนือเชลซีถึงรังสแตมฟอร์ด บริดจ์ 2-1 หลังเบิ้ลรวดแซงเฮกลับมาอยู่อันดับ 4 แล้วส่วนลูกทีม"บิ๊กฟิล"หยุดอยู่ที่ 33 แต้มมีโอกาสร่วงฝูงหากลิเวอร์พูลได้อย่างน้อยหนึ่งแต้มกับเวสต์แฮมในคืนวันจันทร์นี้
บรรยายเกมโดยนาฬิกาทราย
เชลซี 1-2 อาร์เซนอล
สนาม : สแตมฟอร์ด บริดจ์
ประตู : 1-0 โยฮัน โฌรู (เข้าประตูตัวเอง) น.31,1-1 โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ น.59,1-2 โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ น.62
ผู้ชม : 41,760 คน
เชลซีเปลี่ยนแนวมาใช้ระบบ 4-4-2 โดยแดนกลางอัดปึ้กทั้งมิเกล,แลมพาร์ด,บัลลัค และเดโก้ ในขณะที่ดิดิเยร์ ดร็อกบาตัวแสบของปืนเกมนี้ติดโทษแบน
ในขณะที่อาร์เซนอลให้โอกาสโยฮัน โฌรู เซ็นเตอร์ฮาล์ฟดาวรุ่งลงมาจับคู่กับวิลเลียม กัลลาส ขณะที่คู่กองหน้าเป็นภาระของเอ็มมานูเอล อาเดบายอร์ และโรบิน ฟาน เพอร์ซี่
เกมนี้มีไฮไลต์ที่น่าสนใจคือ การปะทะกันของจูดาส ระหว่างแอชลีย์ โคลที่เคยเป็นศิษย์เก่าปืน และวิลเลียม กัลลาสที่เป็นเด็กเก่าเชลซี ซึ่งแน่นอนว่าทั้งสองคนก็ได้รับเสียงโห่จากทีมเก่าอย่างอบอุ่นทีเดียว 
บรรยากาศของเกมตึงเครียดอย่างที่คาดไว้ ทั้งคู่เป็นทีมใหญ่ ดังนั้นจึงเล่นด้วยความระมัดระวัง ไม่มีใครโหมเกมบุกมากนัก
โอกาสครั้งแรกของเกมเกิดขึ้นในนาทีที่ 14 และเป็นของทีมเยือน เชสก์ ฟาเบรกัสพักบอลได้ในเขตโทษก่อนตวัดยิง แต่ปีเตอร์ เช็กใช้ขาเซฟได้ บอลเหมือนจะไหลไปเข้าทางกัลลาสที่กะรอซ้ำ แต่กัลลาสถลำไปก่อนแล้ว เลยชวดยิงไป
อีกสิบนาทีต่อมาเป็นฝั่งเชลซีได้โจมตีบ้าง โบซิงว่าครอสบอลมาเข้าหัวแลมพาร์ดสะบัดโหม่งเต็มๆ แต่อัลมูเนียรู้ทันเซฟไว้ได้อยู่มือ ไม่มีกระฉอก
ในนาทีที่ 31 ความผิดพลาดครั้งแรกของแนวรับอาร์เซนอลในเกมนี้ ส่งผลให้เป็นประตูขึ้นนำ 1-0 ของเจ้าถิ่นทันที โดยเริ่มจากอัลมูเนียที่ขว้างบอลกะเล่นเร็ว แต่ไปโดนกาลูตัดบอล ก่อนจะจ่ายให้โบซิงว่าครอสเข้ามากลางประตู โยฮัน โฌรู กะจะเคลียร์บอลแต่ดันไปโดนผิดเหลี่ยม เข้าประตูตัวเองไปเลย
แต่นาทีที่ 34 ปืนโตก็เกือบตีเจ๊าได้ทันควัน โดยฟาน เพอร์ซี่ใช้ร่างกายเบียดเอาชนะอิวาโนวิช แล้วตวัดยิงด้วยขวาข้างไม่ถนัด แต่ก็ไม่ผ่านปีเตอร์ เช็กเหมือนเดิม
เข้าสู่ครึ่งหลังเชลซีลงสนามมาด้วยความมั่นใจมากขึ้น และเป็นฝ่ายคุมเกมได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด นาทีที่ 52 พวกเขาน่าขึ้นนำเป็นสองเม็ดจริงๆ เมื่อโฌรูบล็อกบอลไปเข้าทางปืนแลมพาร์ดที่วิ่งมาซัดเน้นๆ แต่บอลวาบเฉี่ยวเสาไปนิดเดียว
อย่างไรก็ตาม เกมที่แทบไม่มีอะไรเลยของอาร์เซนอล กลับมาได้ประตูตีเสมอ 1-1 ซะอย่างนั้น ในนาทีที่ 59 จากจังหวะที่เดนิลสัน แทงบอลสั้นๆให้ฟาน เพอร์ซี่หลุดเดี่ยวไปดวลกับเช็ก ก่อนอัดวาบด้วยขวาเสียบสามเหลี่ยมไม่มีเหลือ แต่ทว่าในจังหวะนี้เมื่อดูจากภาพช้าแล้ว เห็นชัดว่าฟาน เพอร์ซี่อยู่ในตำแหน่งที่ล้ำหน้าชัดเจนสุดๆแต่ผู้กำกับเส้นไม่ยกธงเหมือนตาบอดซะงั้น
ตอนนี้เชลซีเหมือนอยู่ในสภาพช็อก และอีกแค่สามนาทีต่อมา ปืนโตก็นำเป็น 2-1 แบบแฟนๆอึ้งกันทั้งสนาม จากจังหวะที่ฟาเบรกัสบอมบ์ฟรีคิกเข้าไปในเขตโทษ อเดบายอร์โหม่งตั้งลงมา ให้ฟาน เพอร์ซี่หมุนตัวยิงด้วยซ้าย ผ่านปีเตอร์ เช็กเสียบมุมอย่างเด็ดขาด
นาทีที่ 69 ฟาน เพอร์ซี่ มีโอกาสซัดแฮตทริกของตัวเอง เมื่อได้ฟรีคิกราวๆ 25 หลา กองหน้าดัตช์ปั่นวาบ บอลเหินข้ามคานไปแบบน่าเสียวไส้สุดๆ
เชลซีมาได้ฟรีคิกระยะหวังผลบ้างในนาทีที่ 76 ฟลอรองต์ มาลูด้าที่เพิ่งเปลี่ยนตัวลงมา วิ่งเข้าอัดเต็มข้อ แต่บอลก็ได้แค่เหินข้ามคานไปแบบไม่มีลุ้นเท่านั้น
เนื่องด้วยในม้านั่งสำรองเชลซีตอนนี้แทบไม่มีใครสามารถเล่นเกมรุกได้เลย สโคลารี่จึงต้องจำใจส่งเจ้าหนูมิโรสลาฟ สตอช กองหน้าวัย 19 ปีชาวสโลวาเกียลงมาแทนเดโก้ที่เล่นไม่ออก ในขณะเดียวกันนิคลาส เบนด์เนอร์หอกสตั๊ดชมพู ก็ลงมาเล่นแทนอาเดบายอร์ด้วย
ทดเจ็บ 4 นาทีเชลซีไม่เน้นต่อบอลสั้นแล้วเพราะใช้การบอมบ์ไปหน้ากรอบเขตโทษเพื่อลุ้นโอกาสเอาเองมากขึ้นเรื่อยๆและอาร์เซนอลน่าจะได้ลูกสามหลังเบนด์เนอร์โชว์ขยันไปแย่งบอลจากโบซิงวาที่บังบอลตรงแบ็คก่อนกระชากขึ้นมาเองแล้วไหลเข้าเขตโทษให้เดนิลสันแต่แข้งแซมบ้าจับยาวทำให้จังหวะยิงไปติดบล็อกเช็กที่ออกมาเร็วแถมมาโดนตัวเป็นลูกตั้งเตะซะอีก
ช่วงเวลาที่เหลือเชลซีทำอะไรอาร์เซนอลที่แพ็คหลังแน่นและช่วยกันเคลียร์ทุกจังหวะแถมเรียกฟาว์ลเผาเวลาได้หลายนาทีจบเกม"ปืนใหญ่"บุกมาเอาชนะ 2-1 ขึ้นมาอยู่ที่ 4 ตามหลังเชลซีเหลือ 7 แต้มมีลุ้นแชมป์ต่อไป
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
เชลซี : ปีเตอร์ เช็ก,โจเซ่ โบซิงว่า,บรานิสลาฟ อิวาโนวิช,จอห์น เทอร์รี่,แอชลีย์ โคล,จอห์น โอบี มิเกล(ฟลอรองต์ มาลูด้า น.70),เดโก้(มิโรสลาฟ สตอช น.81),มิชาเอล บัลลัค,แฟรงค์ แลมพาร์ด,ซาโลมง กาลู,นิโคลัส อเนลก้า
สำรองไม่ได้ลงสนาม : เอนริก อิลาริโอ,เวย์น บริดจ์,เปาโล แฟร์ไรร่า,มิไนโร่,อเล็กซ์
ใบเหลือง : เทอร์รี่
อาร์เซนอล : มานูเอล อัลมูเนีย,บาคารี่ ซานญ่า,วิลเลียม กัลลาส,โยฮัน โฌรู,กาเอล กลิชี่,เดนิลสัน,เชสก์ ฟาเบรกัส,อเล็กซานเดอร์ ซง,ซาเมียร์ นาสรี่,เอ็มมานูเอล อาเดบายอร์(นิคลาส เบนด์เนอร์ น.83),โรบิน ฟาน เพอร์ซี่
สำรองไม่ได้ลงสนาม : ลูคัส ฟาเบียงสกี้,คาร์ลอส เบล่า,แอร่อน แรมซีย์,มิกาเอล ซิลแวสตร์,แจ๊ก วิลเชียร์,คีแรน กิ๊บส์
ใบเหลือง : -
ผู้ตัดสิน : ไมค์ ดีน 
ขอบคุณเนื้อข่าวคุณภาพดีจากlentee.com
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
