อุดแหลก!หงส์บุกยันปืนลิ้นห้อย1-1

หงส์แดงลิเวอร์พูลมากับดวงบุกมายันเสมออาร์เซนอลพร้อมอเวย์โกล์โดยเดิร์ก เคาท์หอกนักวิ่งกลายเป็นฮีโร่ยิงเจ๊าแถมโชคดีรอดพ้นการเสียจุดโทษในศึกแชมเปี้ยนส์ลีกรอบ 8 ทีมสุดท้ายนัดแรก

บรรยายเกมโดยลูกแม่กิ่ง

ผลฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดแรก

วันพุธที่ 2 เมษายน 2551



อาร์เซนอล 1-1 ลิเวอร์พูล

สนาม :
เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม

ประตู : 1-0 เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ น.23, 1-1 เดิร์ค เคาท์ น.26

เกมเริ่มต้นมาด้วยความรัดกุมสูสีของทั้งสองทีม โดยในเกมแรกที่แอนฟิลด์นั้นอาร์เซนอลบุกไปไล่ตีเสมอมาได้ในช่วงท้ายเกมโดยรูปเกมเหนือกว่าเยอะ แต่เกมนี้ลิเวอร์พูลมาแพ็กแดนกลางกันได้ค่อนข้างแน่น ทำให้ในช่วง 20 นาทีแรกแทบจะหาจังหวะกันไม่ได้เลยจริงๆ


อาร์เซนอลมาทักทายครั้งแรกแบบได้เสียวจากบอลวางลึกของฟลามินี่ ที่จ่ายข้ามหัวแนวรับลิเวอร์พูลให้โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ วิ่งทะลุเข้าไปได้สวยแล้วแต่ใจร้อนไม่เอาบอลลงก่อน เลือกดีดบอลต่อจังหวะแรกทันทีทำให้ลูกข้ามคานออกไปอย่างน่าเสียดาย

แต่กันเนอร์สก็ไม่ต้องรอนานกว่าจะได้ยิงกระสุนดอกสองใส่ เมื่อแนวรับลิเวอร์พูลอ่านเกมกันพลาด ทำให้บอลจ่ายจากริมเส้นของอาร์เซนอลมาถึงฟาน เพอร์ซี่ ที่ยืนไม่มีตัวประกบได้กวาดตัวยิงจากนอกกรอบเขตโทษ เรน่าต้องโชว์ซูเปอร์เซฟลมตัวปัดออกไปได้อย่างหวุดหวิด

ลิเวอร์พูลรอดตัวมา 2 จังหวะติดๆกันแต่ไม่รอดแล้วในจังหวะที่สาม ในลูกเตะมุมจังหวะต่อมาจากการเซฟของเรน่า อาร์เซนอลเล่นบอลสั้น ฟาน เพอร์ซี่ ได้เปิดเข้ากลางมาให้อเดบายอร์ ขึ้นโขกคนเดียวโล่งๆเข้าไปกองก้นตาข่ายให้อาร์เซนอลขึ้นนำ 1-0

ทว่าเจ้าถิ่นก็ดีใจกันได้แค่ 3 นาที ลิเวอร์พูลก็มาไล่ตีเสมอได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งต้องชมความสามารถเฉพาะตัวของเจอร์ราร์ด ที่กระชากหนีเอบูเอ้ตรงหน้าเขตโทษก่อนแตะหนีตูเร่ในเขตโทษแล้วปาดยัดเข้ากลางให้เคาท์ ปรี่เข้าฮอส 3 หลา ให้หงส์แดงกลับมาไล่ตีเสมอได้เป็น 1-1 อย่างไม่น่าเชื่อเพราะนี่เป็นโอกาสแรกของทีมเยือนที่ดูท่าจะทำอะไรปืนใหญ่ไม่ได้ด้วยซ้ำ

หลังจากที่ไล่ตีเสมอได้เกมของลิเวอร์พูลก็ดูจะมั่นใจขึ้นมาก สามารถสร้างสรรค์จังหวะทำเกมรุกได้สวยๆหลายครั้ง ซึ่งก็มีจังหวะลากตัดมาจากซ้ายได้ยิงของบาเบิล แต่ก็เบาเกินไป รวมถึงลูกฟรีคิกเจอร์ราร์ด หลอกเปิดให้ตอร์เรสที่ยืนไม่มีตัวประกบ ได้พักอกเอาบอลลงแต่ไม่ยิงเองเลือกจ่ายให้ฮูเปีย โหม่งกดไม่ลงข้ามคานออกไป

ด้านอาร์เซนอลมาเริ่มโถมเกมเอาในช่วงปลายครึ่งแรก แต่ก็ทำได้แค่เฉี่ยวไปเฉี่ยวมาไม่ได้มีจังหวะลุ้นอะไรอย่างจริงจัง ทำให้จบครึ่งแรกยังเสมอกันอยู่ไม่มีใครได้เปรียบใคร

เข้าสู่ครึ่งหลัง อาร์แซน เวนเกอร์ ทิ้งไพ่ใบแรกโดยส่งธีโอ วัลคอตต์ ลงมาช่วยเกมรุกแทนที่ของฟาน เพอร์ซี่ ที่ดูไม่ฟิตเท่าไหร่ แต่กลับเป็นทางลิเวอร์พูลที่ทักทายในครึ่งหลังได้น่ากลัวว่าเมื่อเจอร์ราร์ด เปิดฟรีคิกริมเส้นเข้ามาที่เสาไกล สเคอร์เทลโขกชงมาให้เคาท์ ได้วอลเล่ย์ด้วยซ้าย แต่อัลมูเนียยังล้มตัวรับได้อย่างยอดเยี่ยม

แต่การลงมาของวัลคอตต์ ก็เป็นการเปลี่ยนการเข้าทำของอาร์เซนอลโดยใช้การเลี้ยงบอลขึ้นไปเองของนักเตะในทีมที่มีความสามารถเฉพาะตัวสูง ซึ่งก็ถือเป็นหมากที่ได้ผลเพราะทำเอาแนวรับและแดนกลางของลิเวอร์พูลออกอาการรวนอยู่พักใหญ่

วัลคอตต์ เกือบเป็นทีเด็ดด้วยเมื่อได้บอลจ่ายทะลุช่องเข้ามาในเขตโทษได้สวยแล้ว และทำได้ดีด้วยในการตบกลับเข้ามาที่เสาไกลผ่านเรน่าที่ออกมาดักบอลพลาด ลูกมาถึงเอบูเอ้ ได้กวาดตัวยิงแต่ก็ติดบล็อกก่อน จากนั้นลูกไม่พ้นอันตราย มาถึงคเล็บ กระชากบอลหลุดเข้าไปในเขตโทษได้สวยแล้ว แต่โดนเคาท์ตามมาดึงเกี่ยวแขนจากด้านหลังทว่าผู้ตัดสินไม่เป่าให้จุดโทษทั้งที่เป็นการฟาวล์อย่างชัดเจน เล่นเอาคเล็บแทบอยากลาโลกเลยทีเดียว

ลิเวอร์พูล ตั้งรับอย่างเดียวและเกือบเสียท่าอีกเมื่อ อเดบายอร์ กระดกบอลหลบคาร์ราเกอร์ได้ทางฝั่งซ้าย ก่อนเลือกงัดบอลให้เบนดท์เนอร์ กองหน้าตัวสำรองที่ลงมาเสริมเกมรุกแต่โดนเรน่าชกบอลได้ ลูกถูกเซสก์ซ้ำดาบสองบอลก็มาติดขาเบนด์เนอร์ ที่ยืนเกะกะอีก แต่ลูกนี้ผู้ช่วยผู้ตัดสินยกธงเป็นลูกล้ำหน้าไปก่อน

ช่วงเวลาที่เหลือทางด้านอาร์เซนอล พยายามงัดทุกตำราเพื่อที่จะเอาชนะให้ได้ แต่ลิเวอร์พูลก็แก้เกมได้ดีโดยเฉพาะที่ราฟา ส่งลูคัส ไลวาลงมาแทนอลอนโซ่ ที่ไล่บี้ในแดนกลางจนหมดแรง ทำให้สามารถยันสกอร์ 1-1 ได้จนหมดเวลา จบเกมเสมอกันไปรอไปล้างตากันอีกครั้งในแอนฟิลด์สัปดาห์หน้า แต่จะต้องเจอกันอีกรอบที่สนามแห่งนี้ในวันเสาร์นี้ก่อนในเกมพรีเมียร์ลีก

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

อาร์เซนอล :
มานูเอล อัลมูเนีย 5, โคโล ตูเร่ 6, วิลเลี่ยม กัลลาส 7, ฟิลิปป์ เซนเดอรอส 5, กาแอล กลิชี่ 7, เอ็มมานูเอล เอบูเอ้ 6(นิคลาส เบนดท์เนอร์ น.67,6) , มาติเยอ ฟลามินี่ 7, ฟรานเชสก์ ฟาเบรกาส 8, อเล็กซานเดอร์ คเล็บ 8*, เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ 7, โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ 5(ธีโอ วัลคอตต์ น.46)

ใบเหลือง : -

ลิเวอร์พูล : โฆเซ่ มานูเอล เรน่า 7, เจมี่ คาร์ราเกอร์ 7, มาร์ติน สเคอร์เทล 6, ซามี่ ฮูเปีย 7, ฟาบิโอ ออเรลิโอ 6, ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ 7, ชาบี้ อลอนโซ่ 5(ลูคัส ไลวา น.77,5) , เดิร์ค เคาท์ 5, สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด 6, ไรอัน บาเบิล 4(ยอสซี่ เบนายูน น.58,5) , เฟร์นันโด ตอร์เรส 6(อังเดร โวโรนิน น.86)

ใบเหลือง : -

ผู้ตัดสิน : ปีเตอร์ วิงค์ (ฮอลแลนด์)


 

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์