ทีม "ปืนใหญ่" อาร์เซนอล ใจสลายยิ่งกว่านางเอกละครหลังข่าว เมื่อต้องโดนเบอร์มิงแฮม ที่เหลือสิบตัวตั้งแต่นาทีที่ 3 ไล่ตีเสมอในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ หลังต้องสังเวย "ดูดู้" เอดูอาร์โด้ ดา ซิลวา ศูนย์หน้าชาวโครแอตที่โดนเสียบขาหักสุดสยองตั้งแต่ต้นเกม และไม่รู้จะกลับมาลงสนามได้อีกครั้งหรือไม่ ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก (23 ก.พ.2551) เบอร์มิงแฮม 2-2 อาร์เซนอล ใบแดง : มาร์ติน เทย์เลอร์ น.3 อาร์เซนอล : มานูเอล อัลมูเนีย, บาการี่ ซาญ่า, วิลเลี่ยม กัลลาส, ฟิลิปป์ เซนเดอรอส, กาแอล กลิชี่, ธีโอ วัลคอตต์ (ธีโอ วัลคอตต์ น.89) , เซสก์ ฟาเบรกาส, มาติเยอ ฟลามินี่, อเล็กซานเดอร์ คเล็บ (เดนิลสัน น.89) , เอดูอาร์โด้ ดา ซิลวา (นิคลาส เบนด์เนอร์ น.8), เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ ผู้ตัดสิน : ไมค์ ดีน
สนาม : เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม
ประตู : 1-0 เจมส์ แม็คฟาดเด้น น.27, 1-1 ธีโอ วัลคอตต์ น.50, 1-2 ธีโอ วัลคอตต์ น.54, 2-2 เจมส์ แม็คฟาดเด้น น.90
"ปืนใหญ่" อาร์เซนอล ทีมนำจ่าฝูงจัดทัพใหญ่เต็มสูบบุกไปเยือน "เดอะ บลูส์" เบอร์มิงแฮม ที่กำลังดิ้นรนหนีการตกชั้นอย่างสุดชีวิต โดยเกมนี้อาร์แซน เวนเกอร์ ให้มานูเอล อัลมูเนีย นายทวารมือหนึ่งที่ฟิตเต็มที่อีกครั้งกลับมาเป็นตัวจริง เบียด เยนส์ เลห์มันน์ นายทวารจอมเก๋ากลับไปเป็นตัวสำรองอีกครั้ง
แต่เริ่มเกมมาแค่ 3 นาที ก็เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นเมื่อมาร์ติน เทย์เลอร์ กองหลังกัปตันทีมเจ้าบ้านไปเสียบใส่ข้อเท้าของเอดูอาร์โด้ ดา ซิลวา จนหักสะบั้น ผู้ตัดสินชูใบแดงไล่เทย์เลอร์ออกทันที ก่อนทีมแพทย์จะลงมาปฐมพยาบาล ดูดู้ อยู่นานหลายนาทีเนื่องจากต้องระมัดระวังอย่างมากในการเคลื่อนย้าย ขณะที่นักเตะทั้งสองทีมในสนามต่างหน้าซีดและยกมือภาวนาให้ดาวยิงโครเอเชีย ปลอดภัยไม่เป็นอันตรายมากนักจากอาการบาดเจ็บครัง้นี้
เกมหยุดชะงักไปราว 5 นาทีก่อนที่จะมีการหามดูดู้ ขึ้นเปลได้สำเร็จและนำตัวไปทำการพยาบาลต่อซึ่งก็มีเสียงปรบมือกึกก้องจากแฟนบอลทั้งสนามที่ให้กำลังใจแก่นักเตะผู้โชคร้าย ก่อนที่เวนเกอร์ จะส่งนิคลาส เบนด์เนอร์ ลงมายืนหัวหอกแทน
แม้ว่าจะเสียเพื่อนไปแต่กันเนอร์ส ก็ยังไม่เสียขวัญ ใช้ความได้เปรียบในเรื่องตัวผู้เล่นที่เหนือกว่าหาช่องเจาะด้วยฟุตบอลเกมรุกตามสไตล์ถนัด และก็มีโอกาสทำได้สวยเมื่ออเดบายอร์ ได้หลุดเดี่ยวเข้าไปในเขตโทษ แต่ก็ยิงไปติดเซฟของไมค์ เทย์เลอร์แบบน่าเสียดาย
อาร์เซนอล ครองบอลบุกเป็นส่วนมากแต่ก็ดูจะขาดความเฉียบคมไป โดยมีบางคนที่ดูจะเสียขวัญไปจากเหตุสยองเมื่อต้นเกมโดยเฉพาะ เซสก์ ที่เล่นแบบไม่มีกะจิตกะใจเท่าไหร่
แล้วสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นในนาทีที่ 27 เมื่อแม็คฟาดเด้น พาบอลขึ้นมาก่อนโดนทำฟาวล์จากมาติเยอ ฟลามินี่ ลูกอยู่ในระยะอันตรายหน้ากรอบเขตโทษพอดี ก่อนที่แม็คฟาดเด้น จะลุกขึ้นมาปั่นโค้งข้ามกำแพงพรวดเดียวเสียบสามเหลี่ยมแบบสุดงาม ให้เบอร์มิงแฮม เจ้าบ้านพลิกล็อกขึ้นนำ 1-0
ช่วงที่เหลือ อาร์เซนอล พยายามบุกเพื่อจะทวงประตูคืนให้ได้โดยเร็วที่สุด แต่ยิ่งเล่นก็ยิ่งแผ่ว แถมยังเกือบโดนแม็คฟาดเด้น ทำแสบอีกครั้งเมื่อเซนเดอรอสเช็คล้ำหน้าพลาดทำให้ดาวยิงสกอตแลนด์หลุดเดี่ยวเข้าไปดวลกับอัลมูเนีย แต่ยิงไปติดเซฟนายทวารชาวสเปน ทำให้สกอร์ยังไม่ขยับไปจากเดิมเมื่อจบครึ่งแรก
ครึ่งหลัง อาร์เซนอล โถมเกมรุกหนักตั้งแต่เริ่มเขี่ยบอล และหลังจากที่เซสก์ ได้ล่อเป้ากับฟลามินี่ ไปคนละที นาทีที่ 50 กันเนอร์สก็มาตีเสมอได้สำเร็จ จากลูกเตะมุม เซสก์เปิดโค้งมากลางประตู อเดบายอร์ ขึ้นเทคตัวแย่งโขกได้จากไมค์ เทย์เลอร์ที่คว้าบอลไม่อยู่ ลูกมาเข้าทางวัลคอตต์ ดีดต่อเข้าไปตุงตาข่ายให้สกอร์กลับมาเท่ากันที่ 1-1 แล้ว
ทีนี้บอลก็เข้าทางทีมเยือนเต็มรูปแบบที่ได้ปูพรมถล่ม ขึงพืดล่อเป้าอย่างเมามัน วัลคอตต์ กระดกบอลต่อให้เซสก์ ที่จุดโทษก่อนตวัดยิงตามน้ำทันที ลูกไปชนเสาแต่กระดอนมาเข้ามือเทย์เลอร์อีก
ถัดมาไม่กี่อึดใจ นาทีที่ 54 อาร์เซนอลก็ได้ประตูแซงนำสำเร็จ จากวัลคอตต์ ที่ขอโชว์ลากบอลตัดเข้ามาหน้ากรอบเขตโทษก่อนซัดเรียดด้วยซ้ายผ่านมือเทย์เลอร์ เข้าไปกองก้นตาข่าย เป็นประตูที่ 2 ของทั้งตัวเองและของทีม
แต่อาร์เซนอล บุกอยู่ดีๆก็เกือบโดนทีเด็ดของเจ้าบ้านอีกครั้ง จากลูกฟรีคิกของเมาโร ซาราเต้ ศูนย์หน้าตัวสำรองที่ถูกเปลี่ยนลงสนามมา เปิดไปวัดดวงหน้าประตูแต่อัลมูเนีย ยังเซฟเอาไว้ได้
อย่างไรก็ ในช่วงเวลาที่เหลือทีมเยือนคุมเกมเอาไว้ได้ทั้งหมด เพียงแต่บวกสกอร์เพิ่มไม่ได้เอง แต่ก็น่าจะเก็บชัยชนะเอาไว้ได้อย่างไม่มีปัญหา
แต่ก็เกิดเหตุการณ์หักมุมยิ่งกว่าละครหลังข่าวอีก เมื่อกาแอล กลิชี่ ทะเล่อทะล่าเสียบอลในเขตโทษโดนสจ๊วร์ต พานาบี้ฉกไปจึงพยายามแหย่สกัด แต่โดนจังหวะไม่ดี ผู้ตัดสินเป่าเป็นลูกจุดโทษทันที ก่อนที่แม็คฟาดเด้น จะขอขโมยซีนฮีโร่ ซัดจุดโทษเองให้เบอร์มิงแฮม ไล่ตีเสมอได้สำเร็จเป็น 2-2 แบ่งแต้มได้เหนือกว่าปาฏิหารย์ ส่วนกันเนอร์ส ได้เพิ่มอีกแต้มนำหน้าแมนฯ ยูไนเต็ด ที่จะลงเตะคู่ดึก 6 แต้ม แต่ลงสนามมากกว่า 1 นัด
รายชื่อผู้เล่น
เบอร์มิงแฮม : ไมค์ เทย์เลอร์, สตีเฟ่น เคลลี่, มาร์ติน เทย์เลอร์, เลียม ริดจ์เวลล์, เดวิด เมอร์ฟี่ย์, เซบาสเตียน ลาร์สสัน (เมห์ดี้ นาฟตี้ น.66) , เดเมี่ยน จอห์นสัน, ฟาบริซ มูอัมบ้า, โอลิวิเย่ร์ กาโป (เมาโร ซาราเต้ น.59) , เจมส์ แม็คฟาดเด้น, มิกาเอล ฟอร์สเซลล์ (สจ๊วร์ต พาร์นาบี้ น.15)
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
